บทที่ 2019+2020

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2019 ปักจิตปักใจปกป้องสตรีแพศยาผู้นั้น!

ชิงหลัวตกตะลึงจนน้ำตาหดหายกลับไป แต่ยังคงไม่ยินยอมอยู่ บ่นอุบอิบว่า “อาจารย์ มิใช่ว่าชิงหลัวไม่สำนึกบุญคุณ แต่เป็นนังแพศยาคนนั้นเจ้าเล่ห์เกิดคะเนจริงๆ ไม่รู้ว่าอายุมากปานใดแล้ว ยังหมายปองศิษย์พี่ใหญ่อีก…อาจารย์ นังแพศยาคนนั้นมาจากที่ใดกันแน่? ข้าเห็นว่าวรยุทธ์ของนางสูงส่งจนเข้าขั้นวิปริต…ซ้ำศิษย์พี่ใหญ่ยังหลงใหลนางยิ่งนักอีก ข้าเกรงว่าวันหน้านางจะประสงค์ร้ายต่อศิษย์พี่ใหญ่…”

“หุบปาก! ไม่ว่านางจะเป็นอย่างไร ก็เคยช่วยชีวิตของเจ้าเอาไว้! ชิงหลัว เจ้าทำให้อาจารย์ผิดหวังเหลือเกิน! นับแต่วันนี้ไป เจ้ากลับไปกักตนทบทวนที่หุบเขาไร้พันธะเถอะ อีกสิบปีให้หลังค่อยลงมา”

ชิงหลัวหน้าเปลี่ยนสีแล้ว คุกเข่าลงเสียงดังตึง “อาจารย์!”

“ไสหัวไป! ถ้าพูดมากอีกสักคำล่ะก็ จะเพิ่มเป็นยี่สิบปี!”

ชิงหลัวจึงจากไปอย่างไร้จิตวิญญาณ

อวี่หังเจินเหรินนวดหว่างคิ้วของตนอย่างปวดประสาท เพื่อความปลอดภัย เขาตรวจสอบประวัติความเป็นมาของกู้ซีจิ่วดูแล้ว แต่ข้อมูลมีจำกัดยิ่งนัก ทราบเพียงว่านางมาจากโลกเบื้องล่าง และไม่ชมชอบคบค้าสมาคมกับผู้คนของดินแดนเบื้องบนเท่าไหร่ ไปมาอย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็น ข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับนางก็มีมานานหลายร้อยปีแล้ว…

ว่ากันตามจริงแล้ว อวี่หังเจินเหรินค่อนข้างฉงนใจในข่าวลือที่บอกว่านางมาจากโลกเบื้องล่าง วรยุทธ์ของนางสูงส่งเกินไปแล้ว!

เขาก็รู้จักเทพศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแสนแข็งแกร่งในโลกเบื้องล่างที่โบยบินสู่ดินแดนเบื้องบนอยู่ไม่น้อย ส่วนใหญ่แล้วหลังจากคนเหล่านี้ขึ้นมาล้วนอยู่ในชนชั้นระดับซ่างเซียนทั้งสิ้น มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปถึงซ่างเซียนขั้นสองได้ นับว่าเป็นตัวตนที่ท้าทายสวรรค์ยิ่งนักแล้ว

แต่วรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วกลับใช้คำว่าไม่อาจหยั่งถึงมาบรรยายได้เลย พวกเขายอดฝีมือระดับซ่างเซียนสิบคนปิดล้อมนางไว้ ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกนางทำร้ายแล้วหลบหนีไปได้อีก…เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วดูท่าว่าวรยุทธ์ของนางน่าจะบรรลุระดับซ่างเซียนขั้นเก้าแล้ว! อาจจะทะลวงสู่ขั้นซ่างเสินได้ในเร็ววันนี้…

ยอดฝีมือของโลกเบื้องล่างจะท้ายทายสวรรค์ถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? แถมยังมิใช่ผู้ที่โบยบินขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบนอีก…

อย่าว่าแต่การฝึกฝนบำเพ็ญในสถานที่ที่มีพลังวิญญาณเบาบางอย่างโลกเบื้องล่างเลย ต่อให้ฝึกฝนในสถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่ที่สุดของดินแดนเบื้องบนมาตั้งแต่เด็ก คิดจะบรรลุถึงระดับสูงเช่นนั้นก็ยังต้องใช้เวลาหลายพันปี…

นอกเสียจากนางจะเป็นบุคคลเช่นมหาเทพหรือไม่ก็เสินเนี่ยนโม่ แต่สายโลหิตเทวะก็มีแค่สองคนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีโผล่มาอีกคน!

ได้ยินว่ามาว่าในอดีตจอมมารหนิงเสวี่ยโม่ก็ฝึกฝนบำเพ็ญอยู่หลายพันปีถึงจะบรรลุระดับซ่างเสินได้ ดังนั้นกู้ซีจิ่วผู้นี้อย่างน้อยก็ต้องอายุหลายพันปี ไม่แน่ว่าอาจถึงขั้นหลายหมื่นปีแล้วก็ได้…

บุคคนเช่นนี้กระทำการลึกลับคาดเดายาก เกรงว่าเบื้องหลังจะไม่ธรรมดา นางมาวอแวพัวพันเสินเนี่ยนโม่อยู่ตลอด สรุปแล้วมีแผนอะไรกัน?

หากว่านางเป็นศัตรูคู่อริของมหาเทพเล่า…

เกรงว่าจุดประสงค์ที่เข้าใกล้เนี่ยนโม่คงอันตรายยิ่งนัก!

เส้นเลือดที่ขมับของอวี่หังเจินเหรินปวดตุบๆ ขึ้นมาแล้ว

ยามที่มหาเทพสองสามีภรรยาจะจากไป บอกว่าให้เด็กน้อยรับอาจารย์สิบคน แต่ความจริงแล้วเป็นการมอบให้พวกเขาทั้งสิบคอยช่วยสอดส่องดูแลต่างหาก ด้วยเกรงว่าพรรคพวกของลั่วจิ่วเฉินจะป้องร้ายเด็กน้อย ส่วนเสินเนี่ยนโม่ก็ราวกับถูกภูตผีดลใจ ลุ่มหลงมัวเมาสตรีประหลาดนางนั้น เพื่อนางแล้วแม้แต่อาจารย์ก็ยอมตัดขาด…

วันหน้าหากว่าเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ พวกเขาทั้งสิบจะมีหน้าไปพบมหาเทพคู่สามีภรรยาอีกได้อย่างไร?!

ในใจของอวี่หังเจินเหรินร้อนรุ่มกลุ้มทรวง เชิญอาจารย์อีกไม่กี่ท่านที่ยังรั้งอยู่ในหุบเขามารวมตัวกันเพื่อหารือเรื่องนี้ดู กล่าวเรื่องที่ตนพะวงอยู่ในใจออกมา อีกไม่กี่ท่านที่เหลือล้วนพยักหน้าคล้อยตาม

มีเพียงซานจิ่งเจินเหรินที่ยังคงมีโทสะอยู่ “พวกเราเดือดเนื้อร้อนใจเพื่อเขา แต่เขากลับหลงงมงายอยู่ในความรัก! ปักจิตปักใจปกป้องสตรีแพศยาผู้นั้น!”

เฟิงชิงซ่างเหรินก็ทอดถอนใจเช่นกัน “ถึงอย่างไรเนี่ยนโม่ก็เป็นเพียงเด็กน้อยวัยหกขวบคนหนึ่ง ประการณ์ทางสังคมตื้นเขิน ส่วนสตรีผู้นั้นกลับเป็นปาท่องโก๋แก่ที่ท่องอยู่ในยุทธภพมาเนิ่นนาน ซ้ำยังทรงเสน่ห์มาตั้งแต่กำเนิด”

————————————————————————–

บทที่ 2020 เช่นนั้นคงจะดีกว่าเป็นร้อยเท่า!

“เนี่ยนโม่หลงใหลนางเพียงชั่วคราวเท่านั้น เนี่ยนโม่ตัดขาดพวกเราแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นบุตรของมหาเทพอยู่ ส่วนมหาเทพก็มีบุญคุณใหญ่หลวงต่อพวกเรา พวกเราไม่อาจมองดูเขาก้าวพลาดพลั้งหลงผิดไปได้ มิเช่นนั้นจะเป็นตอบแทนคุณของมหาเทพสามีภรรยาได้อย่างไร?”

เมื่อกล่าววาจานี้ออกมาแล้ว ทุกคนก็ไม่มีถ้อยคำโต้แย้ง

ซานจิ่งฟาดมือคราหนึ่ง “ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก พวกเราก็ไม่สมควรจะมอบยารักษาให้เขาไปช่วยเหลือหญิงแพศยานางนั้น! หญิงแพศยานางนั้นโดนวิชาแยกสิงคีของข้าแล้ว หากว่าไม่มียารักษา นางอาจจะตายก็ได้ เช่นนั้นคงดีกว่าเป็นร้อยเท่า!”

อวี่หังเจินเหรินส่ายหน้า “ด้วยนิสัยของเนี่ยนโม่ สิ่งที่เขาต้องการไม่มีทางไม่ได้มา ในเมื่อเขามาเพื่อยารักษา ต่อให้พวกเราไม่แลกเปลี่ยนกับเขา เขาก็จะใช้วิธีอื่นเผื่อให้ได้ไป ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจะยิ่งเอาใจออกห่างจากพวกเรา…”

นี่ก็ถูก!

เฟิงชิงซ่างเหรินถอนหายใจ “สตรีนางนั้นน่าชังโดยแท้ ยามที่คู่มหาเทพสามีภรรยายังอยู่ในทวีปนี้ นางไม่มาตอแยเสี่ยวเนี่ยนโม่เลย เพียงมอบของขวัญวันเกิดให้แล้วหายตัวไปเลย ยามนี้คู่มหาเทพสามีภรรยาไม่อยู่ นางก็เริ่มเคลื่อนไหวตามแผนการ…หากว่าคู่มหาเทพสามีภรรยากลับมาก็คงดี! มีคู่มหาเทพสามีภรรยานั่งแท่นอยู่ สตรีแพศยานางนั้นจะยังกล้าเข้าใกล้เสี่ยวเนี่ยนโม่อยู่อีกหรือ…”

ปรมาจารย์หลายท่านนี้หารือกันอยู่ที่นี่ครึ่งวันแล้ว บ่นว่ากันอยู่สองสามประโยค ก็เริ่มหารือกันถึงขั้นต่อไป

สุดท้ายทุกคนก็ได้ข้อสรุปว่า ตอนนี้เสินเนี่ยนโม่อยู่ในวัยต่อต้าน ยิ่งห้ามไม่ให้เขาทำสิ่งใดเขาก็จะยิ่งชอบทำสิ่งนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มิสู้ให้เขามีอิสระไปก่อน ส่วนทุกคนลอบจับตามองความเคลื่อนไหวของสตรีนางนั้นอยู่ในที่ลับ หากว่าสตรีนางนั้นมีจิตคิดแอบแฝงจริงๆ ต่อไปจะต้องมีความเคลื่อนไหวเป็นแน่ ขอเพียงพวกเขาจับจุดนางแล้วทำให้เสินเนี่ยนโม่เห็นได้ เด็กคนนั้นก็น่าจะตาสว่างขึ้นมา…

ที่สำคัญที่สุดคือ เนื่องจากเสินเนี่ยนโม่เป็นบุตรแห่งเทพ เติบโตเกินวัย เริ่มมีความรู้สึกต่อเพศตรงข้ามแล้ว เมื่อก่อนพวกเขาให้ความสำคัญเพียงเรื่องการฝึกฝน ไม่ได้สนใจด้านความรู้สึกเลย ในเมื่อเขาโตเกินวัยแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องหาทางส่งสตรีงดงามเลิศล้ำไปอยู่ข้างกายเขาสักสามสี่คน เมื่อมีเด็กสาวพัวพันอยู่รอบกายเขาขึ้นมากหน่อย ไม่แน่ว่าความสนใจของเขาอาจจะหันเหไป ไม่สนใจในตัวหญิงเฒ่าคนนั้นอีก…

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงเริ่มหารือกันอีกครั้งว่าจะคัดเลือกโฉมงามเช่นใดไปอยู่ข้างกายเสินเนี่ยนโม่ดี….

….

แสงแดดกำลังดี สายลมฤดูใบไม้ผลิอบอุ่น

กู้ซีจิ่วที่ถูกสิบปรมาจารย์วิจารณ์ว่าเป็นปาท่องโก๋แก่กำลังนั่งผิงแดดอยู่บนเก้าอี้โยกตัวหนึ่ง

เจ้าหอยยักษ์นอนหลับอ้าฝาน้ำลายไหลย้อยอยู่แทบเท้าเธอ

ลู่อู๋กำลังไล่ตะครุบยุงอยู่ในสวนดอกไม้ ยุงของที่นี่ก็เป็นยุงระดับสูงเช่นกัน ความเร็วในการบินว่องไวยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นที่ใดล้วนโฉบผ่านไปได้ในชั่วพริบตา ซ้ำยังสามารถเปลี่ยนสีพรางตัวได้ เมื่อร่อนลงบนกิ่งไม้จะมีสีเหมือนต้นไม้ เมื่อร่อนลงบนบุปผาจะมีสีเหมือนบุปผา ราวกับกิ้งก่าก็มิปาน

เจ้าสิ่งนี้จับยากยิ่งนัก ที่ลู่อู๋ไล่ตะครุบพวกมันประการแรกเป็นเพราะว่างจนเบื่อหน่าย ประการที่สองก็เพื่อฝึกฝนความกระฉับกระเฉงยืดหยุ่นของตน

มันไม่ได้เฉื่อยชาเหมือนเจ้าหอยยักษ์ตัวนั้น ที่เอาแต่นอนกับกิน หลังจากมาถึงทวีปนี้แล้ว เจ้าหอยยักษ์ก็อ้วนขึ้นมากว่าสิบจินแล้ว ฝาหอยของมันใกล้จะกลายเป็นเปลือกหอยแล้ว!

ลู่อู๋มองดูเจ้านายของตน เจ้านายรอดชีวิตจากภัยอันตราย แต่เห็นได้ชัดว่ายังคงไม่มีเรี่ยวแรงสักเท่าใด หลายวันมานี้ล้วนเกียจคร้านเฉื่อยชา กินได้น้อยทุกวัน

ลู่อู๋รู้สึกว่า เหตุผลที่เจ้านายกินอาหารได้น้อยเป็นเพราะหลงซือเย่ขี้เหนียว!

อาหารของดินแดนเบื้องบนแห่งนี้ยังคงเลิศรสนัก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นอาหารบำรุงทั้งสิ้น เป็นประเภทที่สามารถเพิ่มพูนพลังวิญญาณได้ นับตั้งแต่ลู่อู๋กับเจ้าหอยยักษ์มาถึงทวีปนี้ ก็กินอาหารเลิศรสไปมากมาย ทั้งสองจึงเสพติดรสชาติและเพิ่มพูนทักษะวิญญาณด้วย

ตอนนี้ลู่อู๋สามารถจำแนกแจกแจงรายการอาหารเลิศรสและมีประโยชน์ได้หลายสิบชนิดแล้ว ส่วนเจ้าหอยยักษ์จอมตะกละตัวนั้นสามารถร่ายออกมาได้หลายร้อยชนิดในคราวเดียวเลย!

————————————————————————-