ตอนที่ 617 ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิต / ตอนที่ 618 กลอุบาย

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 617 ใจคอโหดเ**้ยมอำมหิต 

 

 

 

 

 

ซึ่งนี่ทำให้หลิงอ๋องรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาจึงถลึงตาจ้องมองอวี้จื่อเยียนแล้วเอ่ยสั่งสอน “ต่อไปให้เรียนรู้จากอาเหราเสีย สิ่งที่ไม่ควรพูดก็ไม่ต้องพูด” 

 

 

เมื่ออวี้จื่อเยียนตั้งใจที่จะพูดออกไป อนุรองก็กระแอมไอขึ้น รีบขัดไม่ให้นางเอ่ยขึ้นมาในทันที ก่อนจะหันหน้าไปทางฉู่เกอ “ท่านหญิงช่างเกรงอกเกรงใจยิ่ง ในเมื่อมาแล้ว ก็ยังนำของขวัญมาด้วยหรือ? ก่อนหน้านี้ท่านก็เคยมาที่จวนหลิงอ๋องแล้ว ช่างเหนือความคาดหมายยิ่งนัก ท่านอ๋อง ท่านว่าอย่างนั้นหรือไม่”  

 

 

“ใช่แล้ว อนุรองกล่าวได้ถูกต้อง” หลิงอ๋องพยักหน้าเห็นชอบ “วันนี้จื้อเอ๋อร์เพิ่งกลับมาบ้าน กำลังคิดว่าอีกสักครู่จะไปเชิญพวกท่านมาทานข้าวร่วมกัน แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดี ในเมื่อท่านมาเองแล้วก็ประหยัดแรงได้มาก รีบนั่งลงเร็วเถิด รินน้ำชาให้ท่านหญิงสิ” 

 

 

“ขอบพระทัยท่านลุงหลิงอ๋อง อนุรอง” ฉู่เกอนั่งลงด้วยท่าทีถูกต้องตามมรรยาท 

 

 

อนุรองจับมือของนางอย่างสนิทสนม ใบหน้ายิ้มแย้มสดใส “ก่อนหน้านี้เคยพบหน้าท่านหญิงน้อยสองสามครา ตอนนี้โตขึ้นผิดหูผิดตาทีเดียว ยิ่งโตก็ยิ่งงดงาม ทำให้ข้าน้อยรู้สึกเสียดายนัก หน้าตาของท่านช่างเหมือนพระชายาเซิ่นอ๋องเสียเหลือเกิน” 

 

 

“อนุรองก้รู้จักเสด็จแม่ของเราด้วยหรือ” ฉู่เกอชะงักไป แล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ 

 

 

อนุรองส่ายหน้า “ไหนเลยข้าน้อยจะไม่รู้จักพระชายาเซิ่นอ๋อง ตอนที่พระชายาและเสด็จแม่ของคุณหนูรองยังอยู่นั้น ทั้งสองก็ไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนม เช่นนั้นจึงมีโอกาสได้พบหน้าบ้างบางครั้งเจ้าค่ะ” 

 

 

เมื่อได้ยินนางเอ่ยถึงพระชายาหลิงอ๋อง อวี้อาเหราก็อดไม่ได้ที่จะสบถเสียงเย็น ต่อหน้าผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นพระชายาหรือตัวนางที่เป็นธิดาเอก อนุรองก็ล้วนให้ความเคารพเป็นอย่างยิ่ง แต่หากอยู่กันตามลำพัง แน่นอนว่าเป็นที่รู้กันดี นางนั้นเป็นธิดาที่ยากลำบากกว่าจะคลอดออกมาได้ แต่กลับถูกนางและอวี้จื่อเยียนรวมหัวกันทำร้าย 

 

 

ช่างจิตใจโหดร้ายอำมหิตนัก 

 

 

แต่โลกนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นปกติ หากไม่ใช่เพราะเจ้าของร่างเดิมอ่อนแอเหลือจะกล่าว นางจะถูกผู้อื่นรังแกได้หรือ? ในจุดนี้ไม่ใช่จุดที่น่าเห็นใจเลย นางจะต้องเข้มแข็งขึ้นเท่านั้นจึงจะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ 

 

 

ฉู่เกอพยักหน้าลง แสดงท่าทีว่าเข้าใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ แล้วเอ่ยพึมพำขึ้นว่า “บอกว่านายน้อยสามกลับมาแล้วมิใช่หรือ เหตุใดไม่เห็นเขาเลยเล่า” 

 

 

“อ้อ ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายงานบางอย่างให้เขาทำ อีกสักพักคงจะกลับมาแล้ว” อนุรองชะงัก จากนั้นก็เผยรอยยิ้มยินดีกว่าเดิม ยิ่งเห็นฉู่เกอก็ยิ่งรู้สึกชอบอกชอบใจเสียเหลือเกิน 

 

 

ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่านางมาหาจื้อเอ๋อร์ ก็เดาได้ว่าระหว่างคนทั้งสองคงจะมีอะไรกันแน่ ตอนนี้เมื่อเห็นสายตาร้อนรนของฉู่เกอแล้ว มีหรือนางจะไม่เข้าใจ? เรื่องราวต่างๆ ดำเนินไปอย่างที่ใจของนางต้องการ จวนเซิ่นอ๋องร่ำรวยเงินทอง และเซิ่นซื่อจื่อยังมีน้องสาวแท้ๆ เพียงคนเดียว หากจื้อเอ๋อร์สามารถแต่งงานกับนางได้ ชีวิตในภายภาคหน้าก็เหมือนปูพรมแดงเอาไว้ให้เดินแล้ว 

 

 

เรื่องนี้ นางภาวนาให้เกิดขึ้นเสียเหลือเกิน 

 

 

แต่สิ่งที่นางไม่พอเพียงอย่างเดียวก็คือ ฉู่เกอนั้นสนิทสนมกับอวี้อาเหราเกินไป หากอวี้อาเหราพูดเรื่องบางอย่างโดยไร้ซึ่งเจตนาดีต่อหน้านางเข้า เรื่องของคนทั้งสองก็คงจะไร้ผล? อีกอย่าง หากอวี้อาเหราไม่อยากเห็นชีวิตของจื้อเอ๋อร์ประสบความสำเร็จในภายภาคหน้า นางก็อาจจะขุดหลุมดักเอาไว้ก็ได้ ใครเล่าจะรู้ 

 

 

ฉู่เกอไม่ได้สังเกตถึงแผนการที่อยู่หลังรอยยิ้มของอนุรอง นางทำเพียงนั่งลงแล้วเงยหน้าขึ้นมอง 

 

 

ทว่าอวี้อาเหราที่นั่งอยู่อีกด้านกลับมองเห็นทะลุปรุโปร่ง ในใจของอนุรองคิดจะทำอะไร มีหรือนางจะไม่รู้? มิเช่นนั้น คงไม่ปฏิบัติต่อฉู่เกอเช่นนี้แน่ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 618 กลอุบาย 

 

 

 

 

 

เช่นนั้นแล้วนางก็ไม่ยอมให้อนุรองสมหวังแน่ ทว่าสิ่งที่นางคงจะไม่ทราบก็คือ ฉู่ป๋ายนั้นไม่ชอบให้ฉู่เกอคบหาใดๆ กับอวี้จื้อเลย ความคิดที่อยากจะให้ลูกชายใช้จวนเซิ่นอ๋องในการตะกายสู่ความฝันของตัวเองของนางคงจะต้องสูญเปล่า 

 

 

เมื่อความคิดของนางหยุดลง นางก็ลุกขึ้นยืนจากข้างกายของหลิงอ๋องกะทันหัน แล้วเดินไปทางฉู่เกอ 

 

 

“เจ้าจำในสิ่งที่พี่ชายของเจ้าบอกให้เจ้าทำได้หรือไม่” 

 

 

“พี่เหราเอ๋อร์” 

 

 

ฉู่เกอชะงักไป แล้วนิ่งเงียบ 

 

 

อนุรองมองพวกนางสองคนพูดคุยกันด้วยความแปลกใจ แต่นางกลับฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่คำเดียว 

 

 

อวี้อาเหรามองไปทางฉู่เกอ คิดว่านางคงจะเข้าใจดี  

 

 

ฉู่เกอลังเล จากนั้นก็ผลักมือของอนุรองออกอย่างเงียบงัน 

 

 

อนุรองเห็นการกระทำของนางก็ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ต้องเป็นอวี้อาเหราที่พูดอะไรสักอย่างออกไปแน่ เพื่อให้ฉู่เกอถอยห่างออกจากนาง ความโกรธเคืองของนางก็ค่อยๆ แผ่ขยายออก ซึ่งกลับปรากฏในดวงตาแทนที่นางจะเก็บมันเอาไว้ในใจ อวี้อาเหราก็น่าตายยิ่งนัก! นางตั้งใจที่จะทำลายความตั้งใจของนางชัดๆ เพราะรู้ว่านางตั้งใจที่จะหาเรื่องกันอยู่แล้ว 

 

 

หลังจากที่เข้าใจแล้ว อนุรองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ทว่ากลับมองมาที่อวี้อาเหราด้วยสายตาที่เหมือนจะตักเตือนแต่ก็ดูยั่วยุอยู่ในที จากนั้นก็เอ่ยกับสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังว่า “ไปเรียนนายน้อยสามทีว่าท่านหญิงน้อยแห่งจวนเซิ่นอ๋องต้องการที่จะพบเขา ให้เขารีบทำแล้วรีบกลับมาเสีย” 

 

 

เมื่อสาวใช้เดินจากไปแล้ว อวี้อาเหราก็เข้าใจว่านางมีแผนการอะไร ก็เพียงแค่จะหาโอกาสให้ฉู่เกอได้เจอกับอวี้จื้อเท่านั้นมิใช่หรือ? คิดว่าจะสามารถควบคุมเรื่องทุกอย่างได้หรืออย่างไร 

 

 

คงจะต้องกล่าวว่ากลอุบายของอนุรองนั้นช่างสูงส่งเสียเหลือเกิน แผนการทั้งหมดของนางนั้นแทบจะไร้ที่ติเลยทีเดียว 

 

 

อวี้อาเหรามองอยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร หากนางห้ามได้สักครั้งแล้วจะทำไมกันเล่า ขอเพียงในใจของฉู่เกอมีอวี้จื้อ เรื่องบุญพาวาสนาเป็นเรื่องตัดอย่างไรก็ตัดไม่ขาด แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือ อนุรองนั้นไม่รู้ว่าในใจของฉู่ป๋ายนั้นไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้เลย 

 

 

แม้ว่าฉู่เกอจะเอาแต่ใจตัวเอง แต่หากเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองล่ะก็ อย่างไรเสียก็ต้องฟัง 

 

 

ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าฉู่เกอจะไม่สนใจฉู่ป๋ายจริงๆ แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็จะสูญเสียอำนาจทั้งหมดที่มีในจวนเซิ่นอ๋อง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ความตั้งใจของอนุรองก็คงจะต้องเสียเปล่า 

 

 

ไม่นาน สาวใช้ที่ได้รับคำสั่งก็กลับมา 

 

 

“นายน้อยสามกล่าวว่าจะกลับมาตอนที่ทำธุระให้หลิงอ๋องเสร็จแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

อนุรองรู้สึกเคียดแค้นขึ้นมาในทันที มันธุระอะไรกันมันจึงสำคัญกว่าฉู่เกอที่เป็นถึงท่านหญิง? หากอวี้จื้อสามารถมองออกว่านางมีใจให้ คนอย่างนางจะหาได้จากที่ใดได้อีกเล่า? พวกนางจะได้ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของอวี้อาเหราอีก ดังนั้นมารดาจึงต้องทำเพื่อบุตรชาย เป็นเพราะเหตุผลเช่นนี้ 

 

 

แต่น่าเสียดายนักที่อวี้จื้อกลับหัวทึบเสียเหลือเกิน แม้แต่เรื่องตื้นเขินถึงเพียงนี้ยังไม่เข้าใจ ถึงได้บอกให้สาวใช้กลับมาบอกเช่นนี้ 

 

 

“เจ้าออกไปก่อน” อนุรองตวาดสาวใช้อย่างไม่ค่อยพอใจนัก จากนั้นก็หันไปมองฉู่เกอ ยิ้มขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ขออภัยท่านหญิงด้วย จื้อเอ๋อร์เป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ทำเรื่องอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จเสียก่อน เพราะอย่างนั้นจึงขอให้ท่านหญิงโปรดรอสักครู่เถิด” 

 

 

“ไม่เป็นไร” ฉู่เกอโบกมือ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอวี้อาเหราพร้อมทั้งกะพริบตา แล้วยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบเงียบๆ 

 

 

ไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้เรื่องที่อวี้อาเหราทะเลาะกับอนุรอง ทว่าอย่างไรนางก็เป็นคนนอก ไม่ควรจะสอดมือเข้าไปยุ่ง  

 

 

หลิงอ๋องเห็นว่ายังไม่ถึงเวลา ดังนั้นจึงหันไปคุยกับฉู่เกอ เอ่ยถามถึงสถานการณ์ที่ค่ายทหารซีซาน รอยยิ้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังยิ้มเสียจนปากไม่หุบ อวี้อาเหราไม่ค่อยเห็นหลิงอ๋องมีท่าทียินดีถึงเพียงนี้ จึงคิดขึ้นมาได้ว่าเขานั้นเคยเป็นนายทหาร คงไม่อาจจะหลีกหนีการแก่งแย่งชิงดีในราชสำนักได้ ไหนเลยจะสู้การออกไปสู้ในสนามรบภายนอกราชสำนัก?