บทที่ 144 วันสุดท้ายของปี 1971

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 144 วันสุดท้ายของปี 1971 โดย EnjoyBook

บทที่ 144 วันสุดท้ายของปี 1971

“มีแค่คุณอาไปด้วยก็ไม่เป็นไรครับ” เจ้าสามตอบ

ถึงคุณอาจะยื่นลูกอมให้เขานำไปมอบกับครอบครัว แต่ลูกอมก็เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ของหายากสำหรับเขา ลูกอมแบบนี้ที่บ้านของเขาก็มีเหมือนกัน คราวที่แล้วแม่ของเขาซื้อกลับมาตั้ง 2 ถุง และตอนนี้ยังเหลืออีก 1 ถุง

โจวเสี่ยวเม่ยตามเจ้าสามไปที่บ้านของพี่สะใภ้สี่พร้อมกับลูกอม และขอมากินอาหารที่บ้านด้วย

“ได้สิ เธอก็แค่มาช่วยกันทำอาหารกับพี่เท่านั้นเอง” หลินชิงเหอบอก

หญิงสาวมีความรู้สึกดี ๆ กับโจวเสี่ยวเม่ยและซูต้าหลินอยู่ เธอจึงไม่ถือสา

“ตกลงค่ะ งั้นฉันจะแบกของทุกอย่างมาไว้นี่นะคะ” โจวเสี่ยวเม่ยยิ้มกริ่ม

“เอาลูกอมพวกนี้ให้ต้านีกับเด็กคนอื่น ๆ ด้วยนะ บางทีคุณแม่ยุ่งเกินไป ก็มีพวกเขานี่แหละที่คอยดูแลลูกของเธอ” หลินชิงเหอบอกให้หล่อนนำลูกอมกลับไป

“บ้านนู้นยังเหลืออีก 2 ถุงน่ะค่ะ” โจวเสี่ยวเม่ยตอบ

ได้ยินดังนี้ หลินชิงเหอก็รู้ว่าสะใภ้รองไม่ได้ส่วนแบ่งนี้ เธอจึงยิ้มออกมา “เปิดถุงแล้วให้หลานชายหลานสาวไปแบ่งกันเองเถอะ ให้พวกเขามีความสุขกันบ้าง”

“ตกลงค่ะ” โจวเสี่ยวเม่ยพยักหน้า

เมื่อหล่อนมาถึงบ้านตระกูลโจว หล่อนก็เปิดถุงลูกอมรสนม 200 อันออกมาแจกให้กับบรรดาหลานชายและหลานสาวของหล่อน

หล่อนกันปลา 2 ตัวและเนื้อหมู 2 ชั่งไว้ให้สะใภ้สาม ส่วนที่เหลือหล่อนนำไปให้หลินชิงเหอ

หลินชิงเหอไม่ได้สงวนท่าทีใด ๆ เพราะคนหาเลี้ยงครอบครัวหลักคือโจวชิงไป๋ โจวเสี่ยวเม่ยกับซูต้าหลินมาขออาศัยเพียงชั่วคราว ดังนั้นพวกเขาต้องนำอาหารส่วนของตนเองมาด้วย

“พี่สะใภ้สี่คะ ต้าหลินมาหาพี่เมื่อไม่นานมานี้แล้วก็บอกว่าพี่ออกนอกบ้านไปกับพี่ชายสี่ พวกพี่ไปไหนกันเหรอคะ?” โจวเสี่ยวเม่ยถาม

“แค่ออกไปท่องเที่ยวข้างนอกน่ะ สองสามวันก็กลับมาแล้ว” หลินชิงเหอตอบและไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้อีก ก่อนจะเอ่ยต่อ “ซูเฉิงน้อยตัวไม่เล็กแล้วนะ เขาใกล้จะหย่านมแล้วใช่ไหม?”

“ฉันซื้อนมผงกลับมาด้วยถุงหนึ่งน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าเขาจะกินได้หรือเปล่า?” โจวเสี่ยวเม่ยเอ่ย

หล่อนตั้งใจจะให้ลูกชายของหล่อนหย่านมในปีนี้ ตอนนี้เขาไม่ใช่ทารกน้อยแล้ว และสามารถกินโจ๊กได้แล้ว

“เขาต้องกินได้สิ ลูกชายของเธอกินจุมากเลยนะ ครั้งที่แล้วเขาเห็นเจ้าสามดื่มนมผง เขาก็อยากจะดื่มบ้าง เดิมทีฉันก็ไม่รู้เรื่องนี้ กลัวว่าเขาจะปรับตัวไม่ได้และท้องเสีย” หลินชิงเหอตอบ

นมผงสำหรับเด็กไม่ใช่สิ่งที่จะให้กินพร่ำเพรื่อได้ แต่โชคดีที่ซูเฉิงน้อยแข็งแกร่งพอตัวและไม่เป็นอะไรหลังจากดื่มมันเข้าไปแล้ว

“ต่อมาฉันก็ให้คุณแม่ชงนมให้เขาดื่มทีละนิด แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย”

“เรื่องนี้รบกวนพี่สะใภ้สี่มากเลยสินะคะ” โจวเสี่ยวเม่ยเอ่ยด้วยท่าทางกระดากเล็กน้อย

หล่อนรู้ว่าพี่สะใภ้สี่จะต้องซื้อนมผงสำหรับเด็กมาให้เด็กชายทั้งสามดื่ม แต่ไม่คิดเลยว่าลูกชายของหล่อนจะได้ดื่มด้วย

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างไม่ถือสา

ต้องบอกว่าราคาต่อมูลค่าอันน่าตกใจของนมผงได้ถูกเปิดเผยในตอนนี้

หากเป็นในชนบท นมผงถุงหนึ่งในราคา 3 หยวนถือว่าแพงนัก ต่อให้ลูกชายของตัวเองอยากกิน พวกหล่อนก็ไม่กล้าซื้อมัน ไม่ต้องพูดถึงลูกหลานของครอบครัวอื่นเลย

แต่หลินชิงเหอไม่ใช่คนในยุคนี้ ต่อให้เธอพยายามจะทำตัวกลืนกับคนยุคนี้ เธอก็ยังคิดว่าราคา 3 หยวนยังถูกเกินไปสำหรับนมผงบริสุทธิ์จากธรรมชาติไร้สารเจือปนแบบนี้ด้วยซ้ำ

เธอเลยซื้อมาอย่างไม่คิดอะไร

ในสายตาของโจวเสี่ยวเม่ย เธอเป็นพี่สะใภ้สี่ที่ดูแลลูกชายของหล่อนดีเหมือนกับลูกชายของตัวเอง

หล่อนได้เงินเดือนเพียง 18 หยวนเท่านั้น ถือว่ามากกว่าก่อนหน้านั้นเล็กน้อย แต่ถ้าให้หล่อนซื้อนมผงสักถุงมาให้ลูกชายของหล่อนดื่ม หล่อนก็ยังลังเลเล็กน้อย

กลับกัน พี่สะใภ้สี่ของหล่อนใจกว้างกว่าหล่อนมาก

“ปีหน้าเราจะมีนมสดมาขายที่นี่ ถึงตอนนั้นพี่คิดว่าจะซื้อสักสองขวดต่อวันให้เด็ก ๆ กิน เธออยากจะสั่งไว้ด้วยไหม?” หลินชิงเหอถาม

“ขวดหนึ่งแพงมากไหมคะ?” โจวเสี่ยวเม่ยพูด

“หนึ่งเหมาต่อหนึ่งขวด ถือว่าไม่แพงหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแม่บอกว่าพี่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย พี่ก็จะสั่ง 2-3 ขวดต่อวันไปแล้ว ทุกคนจะได้กินกันคนละขวด แต่ดูจากปริมาณการกินของซูเฉิงน้อย ขวดหนึ่งต่อวันก็น่าจะพอแล้วล่ะ เธอสั่งวันละขวดก็ได้นะ มันไม่แพงมากไปกว่านมผงของเธอหรอก” หลินชิงเหอบอก

“พี่สะใภ้สี่ทำไมคิดอยากให้เด็ก ๆ ดื่มนมสดนักเหรอคะ?” โจวเสี่ยวเม่ยเอ่ยด้วยท่าทีขัดเขิน

หล่อนซื้อนมผงถุงนี้มาให้ลูกชายเพื่อให้เขาปรับตัวได้ ดื่มแล้วก็แล้วกันไป ไม่เพียงแต่นมผงจะแพงมาก แต่ยังหาซื้อได้ไม่ง่ายด้วย

ส่วนนมสดนี่ก็ไม่ได้ถูกเลย

“เธอไม่คิดจะให้ซูเฉิงน้อยดื่มนมต่อเหรอ?” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างรู้ความคิดของน้องสามี “เด็ก ๆ ของพี่โตขนาดนี้แล้วพี่ยังให้พวกเขาดื่มนมต่อเลย”

“มันดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” โจวเสี่ยวเม่ยถาม

“ช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรที่ให้คุณค่าทางอาหารมากนักหรอก นมสดนี่ถือเป็นของดีมีคุณค่าอย่างหนึ่ง ให้เด็ก ๆ ดื่มมากกว่านี้เถอะ ขนหน้าแข้งเราคงไม่ร่วงหรอก” หลินชิงเหอโน้มน้าว “แต่ถ้าเธอไม่อยากให้เขาดื่มก็ไม่เป็นไร ก็บอกให้คุณแม่เลี้ยงโจ๊กเขาต่อ แต่เขาจะไม่ได้สารอาหารอะไรเลย ตอนนี้เขายังเล็กนัก พี่เลยขอเสนอว่าให้เธอสั่งซื้อนมให้เขากินต่อสักสองหรือสามปี มันไม่ได้แพงนักหรอก ไปคุยเรื่องนี้กับสามีเธอก็ได้”

โจวเสี่ยวเม่ยนำเรื่องนี้มาปรึกษาซูต้าหลิน แล้วก็เป็นอย่างที่คิด ซูต้าหลินไม่คัดค้านอะไรเลย นมสดขวดหนึ่งราคาเพียง 1 เหมา คิดเป็นต่อเดือนก็เป็นเงิน 3.3 หยวน เขามีเงินเดือน 35 หยวนเพิ่มมาจากเมื่อก่อน 1 หยวน ดังนั้นเขาจึงให้ลูกชายดื่มนมได้

“พี่…สะใภ้สี่ช่วยผมสั่งซื้อ…งั้นผม…ผมจะนำเงิน…มาให้ทุกเดือน…นะครับ” ซูต้าหลินเอ่ย

“ตกลงจ้ะ” หลินชิงเหอพยักหน้าพร้อมกับหันหน้าไปทางโจวเสี่ยวเม่ย “อย่าปล่อยให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการในช่วงแรกของวัยไม่ดีนะเข้าใจไหม? สายตาเธอนี่แย่กว่าน้องเขยอีกนะเนี่ย”

“ก็ฉันคิดว่ามันไม่มีประโยชน์นี่คะ” โจวเสี่ยวเม่ยบอก

“ในอนาคตเธอจะรู้เองล่ะว่ามันมีประโยชน์หรือเปล่า” หลินชิงเหอตอบ

จากนั้นโจวเสี่ยวเม่ยกับซูต้าหลินก็มาร่วมรับประทานอาหาร ทำให้ที่บ้านดูคึกคักมากขึ้น ส่วนอาหารนั้นขึ้นอยู่กับหลินชิงเหอว่าจะทำอะไรบ้าง

สำหรับไก่ที่ซูต้าหลินนำมา เธอจะเก็บไว้จนถึงวันขึ้นปีใหม่ก่อนจะเชือดและตุ๋นมัน

“พี่สะใภ้สี่ทำซอสพริกเองเหรอคะ?” โจวเสี่ยวเม่ยถึงกับชมไม่หยุดปากหลังจากได้ลองกินดูแล้ว

“พี่ทำไว้นิด ๆ หน่อย ๆ น่ะ ตอนนี้กินหมดไปแล้วไหหนึ่ง ส่วนที่เหลืออยู่ตรงนี้ ถ้าเธอชอบก็เอากลับไปสักไหตอนกลับเข้าอำเภอกับน้องเขยก็ได้นะ” หลินชิงเหอบอก

“งั้นฉันไม่เกรงใจพี่แล้วนะคะ” โจวเสี่ยวเม่ยยิ้มให้

ชั่วพริบตาเดียวมันก็ถึงวันที่ 30 ซึ่งเป็นวันสิ้นปีของปี 1971

ปีที่แล้วพวกเขารับประทานอาหารด้วยกัน แต่ไม่ใช่กับปีนี้ที่แต่ละครอบครัวต่างคนต่างกินอาหารของตัวเอง

“ปีนี้เราไม่กินข้าวด้วยกันกับบ้านอื่นเหรอ?” พี่ชายรองเอ่ยอย่างรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดาย

ทุกปีสะใภ้สี่จะนำอาหารจำนวนหนึ่งมาร่วมวงด้วย และมันก็อร่อยมาก ๆ

“แล้วจะเป็นอะไรนักหนาล่ะ? ฉันปล่อยให้คุณหิวหรือทำให้คุณอดอยากเหรอไง?” สะใภ้รองตำหนิยามเห็นสามีเป็นแบบนี้

“นี่มันวันสิ้นปีนะคุณ หยุดทะเลาะกับผมเถอะ” พี่ชายรองเอ่ย

นอกจากคำพูดเสียดสีจากครอบครัวสาขาสองแล้ว ครอบครัวสาขาแรกกับสาขาสามก็ไม่คัดค้านอะไร

เป็นเรื่องดีแล้วที่ทุกคนจะแยกกันกินอาหารของตัวเอง

แต่สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามก็นำอาหารมาแบ่งให้ทางบ้านสี่เพื่อให้ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวได้กิน ซึ่งอาหารของพวกหล่อนอุดมไปด้วยเนื้อ ถึงพวกเขาจะไม่ได้กินอาหารด้วยกัน มันก็นับว่าเป็นสินน้ำใจจากพวกเขา

หลินชิงเหอจึงส่งลูกชิ้นหมูกลับไปชามหนึ่งเป็นของตอบแทน

ส่วนสะใภ้รองที่ไม่ได้เอาอะไรมาให้ เธอก็ไม่คิดที่จะส่งอะไรกลับไปให้เหมือนกัน

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

น้องเฉิงต้องเติบโตมาเป็นเด็กที่แข็งแกร่งแน่ ๆ ค่ะ

สะใภ้รองเป็นอะไรมากไหมคะ เธอเป็นอะไรของเธอ! /จับเขย่า/

สุขสันต์วันแห่งความรักนะคะ หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะมีความสุขกับวันนี้

ไหหม่า (海馬)