ตอนที่ 484 ต้องรู้จักอดทน / ตอนที่ 485 ดีใจหรือเปล่า

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 484 ต้องรู้จักอดทน 

 

 

           “ฮัลโหล?” 

 

 

           “มู่มู่ เป็นยังไงบ้าง? ทำไมช่วงนี้ไม่เห็นลูกมาที่บ้านแม่เลยล่ะ?” น้ำเสียงของเวินเยวี่ยฉิงยังคงอ่อนโยนไม่เปลี่ยน 

 

 

           เฉียวซือมู่คลี่ยิ้ม เธอไม่ได้บอกคุณแม่เรื่องที่ถูกอินรุ่ยจับตัวไป หลังจากรอดพ้นเงื้อมมือเขามาได้แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นอีกเยอะแยะมากมาย นอกจากโทรศัพท์บอกข่าวดีที่เธอตั้งครรภ์ให้คุณแม่ทราบจนท่านดีใจไปหลายวัน ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ออกไปไหนเลยจริงๆ แต่เธอคงพูดเช่นนั้นไม่ได้ จึงเอ่ยเสียงราบเรียบ “ก็หนูไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอคุณแม่นี่คะ” 

 

 

           “พูดจาน่าเกลียด!” เวินเยวี่ยฉิงตำหนิเธอเบาๆ ด้วยน้ำเสียงลำบากใจนิดๆ “ลูกคิดว่าเราเป็นเด็กๆ ที่วันๆ คิดแต่อยากจะตัวติดกันเหมือนลูกกับจิ้นหยวนหรือไง?” 

 

 

           โอเค ถูกสั่งสอนอีกแล้วไหมล่ะ 

 

 

           เธอเบ้ปากน้อยๆ หลังจากได้พูดคุยกับคุณแม่แล้ว ความไม่สบายใจทั้งหลายแหล่เมื่อครู่นี้มลายหายไปเยอะ 

 

 

           “ตอนนี้รู้สึกเป็นไงบ้าง? ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือเปล่า? แล้วอาเจียนบ้างไหม? กินข้าวกินปลาได้บ้างหรือเปล่า? แล้ว…” เธอรีบดึงสติกลับ จากนั้นยิงคำถามเป็นพรวนจนเฉียวซือมู่วิงเวียน 

 

 

           “เดี๋ยวค่ะ… คุณแม่ถามทีเดียวยาวเป็นหางว่าวขนาดนั้น แล้วหนูควรจะตอบคำถามไหนก่อนดีคะ?” เธอกุมขมับพลางเอ่ย “ขอร้องล่ะค่ะ ตอนนี้ที่บ้านหนูก็มีคนขี้บ่นตั้งคนหนึ่งแล้ว คุณแม่อย่ามาป่วนเพิ่มอีกคนได้ไหมคะ?” 

 

 

           “ใครเหรอ?” เวินเยวี่ยฉิงเอ่ยถามออกไปแล้วก็นึกขึ้นได้ทันที “แม่ของจิ้นหยวนอย่างนั้นเหรอ?” 

 

 

           “ก็ใช่นะสิคะ” เธออารมณ์ขึ้นทันทีที่คิดถึงสิ่งที่ฉินเพ่ยหรงทำในวันนี้ จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เวินเยวี่ยฉิงฟัง จากนั้นเอ่ยอย่างน้อยใจ “คุณแม่ว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้นคะ? เขาบอกว่าที่ทำทั้งหมดก็เพื่อหนู? แต่ก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมงานหนูท้อง ก็ไม่เห็นที่บ้านเขาเป็นแบบนี้สักหน่อย หนูชักสงสัยแล้วสิว่าเขาตั้งใจแกล้งหนูหรือเปล่า” 

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงตอบกลับมาทันที “พูดจาเหลวไหลน่า ลูกในท้องเป็นหลานของพวกเขานะ ถึงเธอจะไม่ชอบหน้าลูก แต่ก็คงไม่หาเรื่องลูกในเวลาอย่างนี้หรอก อาจจะเป็นเพราะครอบครัวเขาค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ก็ได้ เธอก็ไม่ได้ทำอะไรลูกนี่ ลูกเป็นเด็ก ถ้าอดทนได้ก็ให้อดทน” 

 

 

           เธอฟังแล้วเบ้ปากอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “แต่หนูไม่พอใจมากเลยนี่คะ ข้าวของในบ้านที่เขาเข้ามายุ่มย่าม ส่วนใหญ่เป็นฝีมือหนูด้วย แล้วยังจะปลาทองพวกนั้นอีก…” 

 

 

           “แม่เข้าใจ แต่ลูกก็ต้องคิดบ้างว่าเธอทำแบบนั้นเพื่ออะไร ก็เพื่อลูกไม่ใช่หรือไง?” 

 

 

          “ไม่ใช่สักหน่อย เพื่อหลานของเขาต่างหาก…” เธอฟังคำตอบแล้วได้แต่บ่นอุบอิบ 

 

 

           แต่เวินเยวี่ยฉิงได้ยินเข้าจนได้ เธอเอ่ยเสียงแหลมปรี๊ดทันที “เฉียวซือมู่!” 

 

 

           “ค่าๆๆ หนูไม่พูดแล้วค่า” เธอได้ยินเสียงแหลมปรี๊ดนั่นแล้วต้องยอมยกธงขาวทันที 

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงเทศนาทันที “ที่เธอทำแบบนั้นก็เพราะหวังดีกับลูกนะ เพราะฉะนั้น หัดคิดในแง่ดีซะบ้าง ไหนๆ เธอก็ไม่ได้ทำอะไรลูก ถ้าเธอทำอะไรเกินเลยไปก็ไปบอกจิ้นหยวน ให้เขาเป็นคนไปคุยเอง ห้ามลูกกระทบกระทั่งกับเธอเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะตำหนิเอาได้ว่าไม่มีใครสั่งใครสอน เข้าใจหรือยัง? อีกอย่าง เธอดูแลลูกดีขนาดนั้นแล้ว ลูกก็ต้องหัดพูดจาหวานๆ เพราะๆ กับเธอบ้าง คนแก่น่ะชอบฟังคำพูดหวานๆ เพราะๆ กันทั้งนั้นแหละ นี่ลูกคงไม่เคยพูดจากับเธอดีๆ เลยละสิ? เธอถึงไม่ชอบลูกขนาดนั้นน่ะ” 

 

 

           คำพูดเธอจี้ใจดำอย่างแรง เฉียวซือมู่จุกจนพูดไม่ออก คิดอยู่ตั้งนานแต่ก็คิดไม่ออกเสียทีว่าตนเคยพูดจาเพราะๆ กับฉินเพ่ยหรงบ้างหรือเปล่า 

 

 

           กระนั้น ตั้งแต่พบหน้ากันครั้งแรก แม่สามีคนนี้ก็ไม่เคยทำหน้าดีๆ กับเธอสักครั้ง แล้วจะให้เธอทำดีกับฉินเพ่ยหรงได้อย่างไร? 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 485 ดีใจหรือเปล่า 

 

 

           เฉียวซือมู่ไม่ใช่คนที่เอาอกเอาใจใครง่ายๆ 

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงรู้จักนิสัยลูกสาวของตนดี คิดๆ แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ “ไม่ว่ายังไงเธอก็เป็นแม่สามีของลูก ต่อให้ลูกไม่ชอบใจยังไงก็แตกหักกับเธอไม่ได้ เข้าใจไหม? อย่างมากก็เลี่ยงเผชิญหน้ากับเธอซะ พูดให้มันน้อยๆ เงียบได้ก็เงียบ” 

 

 

           “อืม” เธอตอบเสียงเบา ฟังออกว่าคุณแม่เป็นห่วงเธอมาก คุณแม่คงกลัวว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ดีระหว่างเธอกับแม่สามีจะสร้างความไม่พอใจให้จิ้นหยวน คิดๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นใหม่ “คุณแม่สบายใจเถอะค่ะ อาหยวนรู้ว่าหนูไม่ชอบแม่เขา ไม่สิ ต้องบอกว่าเราสองคนต่างไม่ชอบขี้หน้ากันต่างหาก ตอนนี้เขาก็เลยไปคุยกับแม่เขาแล้ว ถ้าไม่ติดขัดอะไร ต่อไปแม่เขาคงไม่ค่อยได้มาที่นี่อีก” 

 

 

           “เขาพูดอย่างนั้นจริงเหรอ เขาคงดีกับลูกมากเลยสินะ” เวินเยวี่ยฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกวางใจมากกว่า น้ำเสียงจึงผ่อนคลายลง “ถ้างั้นลูกก็ไม่ต้องกังวลให้มันมากนัก เอาอย่างนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ไปเยี่ยมลูกที่บ้านดีกว่า” 

 

 

           “จริงเหรอคะ? พูดคำไหนคำนั้นนะคะ ถึงเวลาอย่ามาเบี้ยวก็แล้วกัน” เธอดีใจมาก ความทุกข์ก่อนหน้านี้มลายหายไปจนสิ้น 

 

 

           “วางใจได้ ไหนๆ แม่ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ถ้าไม่… ความจริงตอนที่รู้ข่าวแม่ควรจะไปเยี่ยมลูกทันที” เธอพูดอึกอัก 

 

 

           เฉียวซือมู่รู้ดีว่าเพราะอะไร อย่าเห็นว่าคุณแม่พูดถึงเรื่องระหว่างท่านกับหลัวเฮ่าด้วยท่าทางนิ่งๆ เชียว แต่ความจริงแล้วทั้งสองตัวติดกันเป็นตังเม ที่ท่านยังมาเยี่ยมเธอไม่ได้เสียที คงเป็นเพราะแกะหลัวเฮ่าไม่ออกนั่นแหละ 

 

 

           เธอส่ายศีรษะเบาๆ เลิกล้มความตั้งใจที่จะซักไซ้ไล่เลียงท่าน จากนั้นคุยสัพเพเหระกับคุณแม่อีกสักครู่จึงวางสายลง 

 

 

           เพิ่งวางโทรศัพท์มือถือลงก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูอยู่นอกห้องพอดี 

 

 

           “เข้ามา!” 

 

 

           สาวใช้ถือถาดอาหารเดินเข้าไปในห้อง จากนั้นวางถาดลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง หันไปเอ่ยกับเฉียวซือมู่อย่างสุภาพ “คุณนายคะ นี่เป็นบะหมี่ไก่ฉีกที่คุณชายสั่งให้เตรียมให้คุณนายเป็นพิเศษค่ะ พ่อครัวทำจากน้ำสต๊อกเข้มข้น รสชาติดีมาก ขอให้ทานให้อร่อยนะคะ” 

 

 

           เอ่ยจบแล้วส่งยิ้มให้เธอ จากนั้นเดินออกจากห้องอย่างอ่อนน้อม 

 

 

           กิริยามารยาทเรียบร้อยและเป็นทางการมาก 

 

 

           เฉียวซือมู่มุ่นหัวคิ้วน้อยๆ ความจริงเธอไม่ใช่คนที่เข้ากับใครได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่เคยเบ่งอำนาจกับใคร ไม่รู้เพราะอะไร สาวใช้ที่นี่เห็นเธอทีไรเป็นต้องถอยห่างตลอด และยังปฏิบัติกับเธอนอบน้อมมากกว่าที่ปฏิบัติต่อจิ้นหยวนเสียอีก 

 

 

           มีความเป็นไปได้สองประการ ประการแรกอาจจะเป็นเพราะพ่อบ้านเฉินเป็นคนที่เคร่งครัดเรื่องระเบียบวินัยมาก สาวใช้ที่ถูกเขาฝึกฝนจึงถอดแบบลักษณะของเขาออกมาเป็นพิมพ์เดียวกัน จนกลายเป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้             

 

 

           อีกประการคงเป็นเพราะจิ้นหยวน สาวใช้พวกนี้ให้ความเคารพเธอเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ได้มากมายเช่นตอนนี้ ที่ถึงขั้นไม่กล้าพูดจากับเธอเกินจำเป็น นั่นเป็นเพราะจิ้นหยวนรู้เข้าว่ามีสาวใช้บางคนไม่ให้ความยำเกรงและไม่ดูแลเธอให้ดี เขาโกรธจัดและสั่งลงโทษสาวใช้พวกนั้น จนคนที่เหลือกลัวจนหัวหด และไม่กล้าคิดไม่ดีกับเฉียวซือมู่อีก 

 

 

           และทุกอย่างก็กลายเป็นอย่างที่เห็น สาวใช้ปรนนิบัติเธออย่างดีเยี่ยม แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดคุยกับเธอโดยไม่จำเป็น เหมือนสาวใช้คนนี้ที่ปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้วก็เผ่นหนีทันที ทำให้เฉียวซือมู่หมดโอกาสสอบถามสถานการณ์ข้างล่างไปโดยปริยาย  

 

 

           เธอส่ายศีรษะพลางทอดถอนใจ วางโทรศัพท์มือถือลงแล้วลุกออกจากเตียง เธอละเลียดกินบะหมี่อย่างช้าๆ ทันทีที่กลืนน้ำซุปแสนอร่อยลงคอ เธอก็หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข 

 

 

           รสชาติดีมากจริงๆ ด้วย คราวหน้าคงต้องตบรางวัลให้แม่ครัวแล้วล่ะ