ยักษ์เหล็กปรากฎขึ้นอีกครั้ง

ทันทีที่ซือเฟิงพูดจบทั้งห้องประชุมที่เต็มไปด้วยผู้เล่นหลายสิบคนก็เงียบลง ขณะเดียวกันสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ก็หันมามองซือเฟิงอย่างไม่พอใจ

“ผู้ชายคนนี้ช่างทะเยอทะยานอย่างมากจริงๆ !!!”

“อึก !! หุบเขาดาว ?! นี่ชายคนนี้คิดว่าเราเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจริงๆเลยรึปล่าว ? เขาต้องการจะให้เราไปทำภารกิจฆ่าตัวตาย !!!”

มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกนั้นคุ้นเคยกับหุบเขาดาวดี พวกเขาทุกคนนั้นล้วนใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของเมืองหรือไม่ก็ป้อมปราการในแผนที่นี้ เพราะไม่เพียงแต่หุบเขาดาวจะอุดมไปด้วยแร่ แต่มันยังเป็นที่ตั้งของซากปรักหักพังโบราณมากมาย

นอกจากนี้หุบเขาดาวยังเป็นบ้านของดันเจี้ยนภูมิภาค โหมดพระเจ้า ซึ่งเท่าที่รู้ก็มีเพียงแค่สองแห่งเท่านั้นในทวีปด้านตะวันตก ซึ่งมันเป็นเป้าหมายของทุกคนในการเข้าสำรวจและยึดครอง

กระนั้นซือเฟิงกับต้องการจะยึดป้อมปราการแสงดาว ในหุบเขาดาวให้ได้ !!!

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ที่นั่นเป็นดินแดนต้องห้ามเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย ฉันคิดว่าคุณอาจจะประเมินค่ากองกำลังสิงโตเงินของเราสูงเกินไป และแม้ว่าจะมีกองทัพเพิ่มอีกหนึ่งแสนคนภายใต้การนำของผู้อาวุโสสูงสุด แต่ฉันก็คิดว่าเราไม่สามารถจะผ่านประตูป้อมปราการแสงดาวไปได้แน่นอน ไม่ต้องพูดถึงการเข้ายึดป้อมปราการเลย “ แม๊คอาฟรี่กล่าวยืนยัน แทนที่จะโกรธกับเป้าหมายของซือเฟิง เขากับยิ้มอย่างขมขื่นออกมาแทน

ถ้าเผ่าศักสิทธิ์มีพลังมากพอในการจะเข้ายึดป้อมปราการแสงดาว พวกเขาจะเข้ายึดมันไปนานแล้ว และไม่ปล่อยมันให้อยู่มาถึงตอนนี้แน่นอน เพราะท้ายที่สุดการได้เป็นเจ้าของป้อมปราการแสงดาวนั้นมันให้ผลประโยชน์อย่างมากมายที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ และไม่มีมหาอำนาจใดสามารถจะเพิกเฉยต่อสิ่งล่อลวงแบบนี้ได้แน่นอน

อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีมหาอำนาจแม้แต่กลุ่มเดียวที่สามารถจะเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้สำเร็จ

แม๊คอาฟรี่นั้นยอมรับเลยว่าซือเฟิงแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ และเขาก็มีความสามารถเกินกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาดทั่วไปจะสามารถเทียบได้ แต่อย่างไรก็ตามด้วยผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนที่พวกเขามีนั้น มันก็ไม่เพียงพอที่จะใช้เข้ายึดป้อมปราการแสงดาวแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันอยู่ในดินแดนต้องห้ามด้วย และหากเขาต้องการจะทำจริงๆ เขาจำเป็นจะต้องมีกองทัพผู้เล่นที่ทรงพลังหลายแสนคนจึงจะสามารถทำงานนี้ได้สำเร็จ

“ฉันเข้าใจถึงความกังวลของคุณ รองผู้บัญชาการอาฟรี่ ฉันได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับป้อมปราการแสงดาวมาด้วยตัวเองแล้ว และฉันมั่นใจว่าด้วยความช่วยเหลือของกองกำลังสิงโตเงิน ฉันจะสามารถเข้ายึดมันได้” ซือเฟิงอธิบาย

ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขานั้น หุบเขาดาวมีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปด้านตะวันตก อันเนื่องมาจากมันเต็มไปด้วยทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์มากๆ และป้อมปราการในดินแดนต้องห้ามแห่งนี้มันก็เป็นเสมือนกับเหมืองทองคำ ซึ่งมหาอำนาจต่างๆก็ได้ตรวจสอบพวกมันมาอย่างละเอียดแล้ว และแม้แต่กิลชั้นรองอย่างชาโด้วก็ยังมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับป้อมปราการในแผนที่นี้

หลังจากพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของกองกำลังสิงโตเงินแล้ว ซือเฟิงจึงได้ตัดสินใจว่าป้อมปราการแสงดาวนั้นจะนับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

ป้อมปราการแสงดาวในหุบเขาดาวนั้นเป็นหนึ่งในป้องปราการไม่กี่แห่งที่พวกเขานั้นมีโอกาสที่จะเข้ายึดได้ในตอนนี้ แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่มันเป็นแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย ที่นี่มันก็ยังคงจัดว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายมากๆสำหรับผู้เล่นขั้นสาม

อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ซือเฟิงต้องการมัน

ป้อมปราการแสงดาวนั้นอยู่รอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นมันจึงมีมรดกที่แข็งแกร่งกว่าในยุคปัจจุบันมาก

ในตอนนั้นเผ่ามนุษย์นั้นมีตัวตนขั้นสามหรือเหนือกว่าขึ้นไปมากกว่าตอนนี้มาก และหากให้พูดจริงๆนั้นการทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามในตอนนั้นก็ง่ายกว่าตอนนี้มาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลังจากต่อสู้มาในสงครามนับครั้งไม่ถ้วน มนุษย์ก็สูญเสียมรดกที่ล้ำค่าไปเป็นจำนวนมาก มันจึงทำให้การเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นสามนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป

หากเขาสามารถยึดป้อมปราการแสงดาวได้นั้น ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของสภาสิบแปดปีกก็จะได้รับความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก

“เนื่องจากคุณได้ตัดสินใจแบบนี้แล้ว ดังนั้นฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม …. และเราสามารถเริ่มออกเดินทางได้ทันทีเลย หลังจากที่ให้กองกำลังสิงโตเงินได้พักผ่อน และเตรียมตัวสักพัก” แม๊คอาฟรี่กล่าวอย่างยอมรับ เมื่อเห็นความมั่นใจของซือเฟิง เขาจึงเลิกพยาบามที่จะห้ามปราบนักดาบ เพราะท้ายที่สุดเผ่าศักสิทธิ์ก็ได้ทำข้อตกลงกับซือเฟิงแล้ว และมันก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าเขาต้องการจะโจมตีที่ไหน โดยไม่ต้องคำนึงถึงความสำเร็จ

หลังจากนั้นสมาชิกแปดพันคนของกองกำลังสิงโตเงินก็ได้พักผ่อน และเตรียมพร้อมจะเดินทางเข้าสู่หุบเขาดาว

ซึ่งเมื่อพักผ่อน และจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย แม๊คอาฟรี่ก็ได้รายงานเรื่องนี้ไปยังอดอล์ฟ

“เขาต้องการจะเข้ายึดหนึ่งในป้อมปราการของหุบเขาดาวงั้นหรอ ? นี่เขาไม่รู้รึไงว่าหุบเขาดาวนั้นเป็นดินแดนต้องห้ามซึ่งห้ามผู้เล่นใช้สกิลเบอเซิกร์” อดอล์ฟประหลาดใจอย่างมาก เมื่อรู้ข่าวนี้

ผู้เล่นนั้นจะไม่สามารถใช้สกิลเบอเซิกร์ได้เลยในหุบเขาดาวได้เลย ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมมหาอำนาจต่างๆจึงมีความหวังเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นในการเข้ายึดป้อมปราการที่นั่นมาเป็นของตน แถมป้อมปราการเหล่านั้นยังได้จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับเหล่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายด้วย ซึ่งเมื่ออยู่ในพื้นที่นั่น พวกเขามันจะมีพลังในการต่อสู้สูงกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปมาก

ซึ่งหากไม่มีสกิลเบอเซิกร์ ผู้เล่นขั้นสามก็ไม่มีโอกาสจะต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเหล่านั้นได้เลย นอกจากนี้ในป้อมปราการของหุบเขาดาวแต่ละแห่งมันยังมีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายอยู่มากกว่าหนึ่งตัวด้วย

จากข้อมูลที่มหาอำนาจต่างๆมี ป้อมปราการแต่ละแห่งนั้นได้รับการปกป้องด้วยด้วยมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายอย่างน้อยสามตัว ขณะที่บางป้อมก็มีห้าตัว โดยมันก็มีแกรนลอร์ดและลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากอยู่ในป้อมด้วย และแค่คิดถึงพลังการต่อสู้อันทรงพลังของมอนสเตอร์เหล่านี้ มันก็ทำให้อดอล์ฟรู้สึกขนลุกมากแล้ว

แม้เผ่าศักสิทธิ์จะมีไพ่ลับอย่างม้วนคัมภีร์อัญเชิญฮีโร่ขั้นสี่ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะเข้ายึดป้อมปราการที่มีความสามารถมากขนาดนั้นได้ อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับยืนยันที่จะลองท้าทายในเรื่องนี้

“เขายืนกรานว่าเขาได้ทำการตรวจสอบข้อมูลของป้อมปราการแสงดาวมาแล้ว และเขามั่นใจว่า เขามีโอกาสจะยึดมันได้ ภายใต้การช่วยเหลือของเรา …” คริมสันวิชที่ยืนอยู่ด้านข้างของแม๊คอาฟรี่อธิบาย และน้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความดูถูก

ในระยะนี้ของเกมนั้นมหาอำนาจต่างๆไม่สามารถจะเข้าไปแตะต้องป้อมปราการในหุบเขาดาวได้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้วการจะสามารถเข้ายึดป้อมปราการในพื้นที่นี้ให้ได้นั้น มันจะต้องรอจนกว่าพวกเขาจะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายพันคนอยู่ภายใต้คำสั่งของพวกเขา ซึ่งหากไม่ได้มีจำนวนมากขนาดนี้ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกวาดล้างลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ และแกรนลอร์ดในป้อมให้หมดไปได้ ไม่ต้องพูดถึงมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ….

“ฉันอยากให้ทุกคนระวังตัวไว้ให้ดี และถ้าสูญเสียกองกำลังไปมากกว่ายี่สิบเปอเซ็นต์ก็ให้ล่าถอยทันที” อดอล์ฟกล่าวหลังจากครุ่นคิด “ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆนั้นได้เริ่มทำการโจมตีดันเจี้ยน เลเวลหนึ่งร้อยกันแล้ว และพวกเขาก็จะมีปฎิบัติการขนาดใหญ่อีกมากมายในอนาคต เราไม่สามารถที่จะประสบความสูญเสียอย่างร้ายแรงในช่วงเวลาสำคัญนี้ได้ !!! ดันเจี้ยน เลเวลหนึ่งร้อยถือเป็นความสำคัญสูงสุดของกิล!!!”

“เข้าใจแล้ว !!!” แม๊คอาฟรี่ตอบ เขาเองก็มีความคิดที่คล้ายๆกับอดอล์ฟ การมุ่งเป้าความสนใจไปที่ดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยนั้นมันดีกว่าการพุ่งเป้าไปยังเป้าหมายที่ไม่สามารถทำได้จริงอย่างป้อมปราการแสงดาว
ดันเจี้ยน เลเวลหนึ่งร้อยนั้น จะดรอปอาวุธและอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อที่จะใช้เพิ่มความแข็งแกร่งโดยรวมของทั้งทีมได้ และอุปกรณ์พวกนี้นั้นก็จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองของกิลทำเควสเลื่อนขั้นเป็นขั้นสามได้เร็วขึ้นมาก และความแข็งแกร่งโดยรวมของกิลพวกเขานั้นจะเพิ่มขึ้นจริงๆก็ต่อเมื่อ พวกเขามีผู้เล่นขั้นสามมากขึ้นเท่านั้น

หลังจากนั้นแม๊คอาฟรี่ก็ได้นำกองกำลังของเขาไปพบกับทีมของซือเฟิงที่ห้องเทเลพอร์ต และหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้พากันเดินทางไปยังอาณาจักรทรายทองทันที ซึ่งมันเป็นประเทศที่อยู่ใกล้กับหุบเขาดาวมากที่สุด โดยอาณาจักรทรายทองนี้ไม่ต่างจากเป็นประเทศที่รกร้างเลย ซึ่งแปดสิบเปอเซ็นต์ของประเทศนี้นั้นเป็นทะเลทรายทั้งหมด

เมื่อพวกเขามาถึงทะเลทรายทองแล้ว กองกำลังทั้งหมดก็จะต้องเดินทางอีกราวสามชั่วโมงหรือมากกว่านั้นโดยอะเม้าท์บนบกเพื่อมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ชั้นนอกของหุบเขาดาว

เมื่อกองกำลังสิงโตเงินมาถึงที่นี่นั้น มันก็สร้างความตกตะลึงให้กับผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจต่างๆในพื้นที่อย่างมาก แม้ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ในกองกำลังจะใช้เสื้อคลุมสีดำปิดบังตัวตน แต่ออร่าของพวกเขานั้นก็ยังทำให้ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามก็อดไม่ได้ที่จะถอยห่าง

ในที่สุดหลังจากเดินทางมามากกว่าสามชั่วโมง ซือเฟิงและกองทัพเล็กๆของเขาก็มาถึงยอดเนินเขาในป่าซึ่งอยู่ไม่ห่างจากป้อมปราการแสงดาวมากนัก ซึ่งจากจุดนี้นั้นทุกคนสามารถที่จะมองเห็นป้อมปราการได้อย่างชัดเจนเลย

“โอ้ ? มีคนมาที่นี่แล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นทีมของผู้เล่นจำนวนหนึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับมอนสเตอร์ในบริเวณที่ไม่ห่างจากป้อมปราการมากนัก

หุบเขาดาวนั้นเป็นดินแดนต้องห้ามเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย และในระยะนี้ของเกมนั้น มันก็มีผู้เล่นเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอที่จะล่าในพื้นที่ชั้นนอกได้ และไม่ต้องพูดถึงบริเวณที่ใกล้กับป้อมปราการแสงดาวเลย

ป้อมปราการแสงดาวนั้นตั้งอยู่ในระหว่างรอยต่อของพื้นที่ชั้นนอกกับชั้นในของหุบเขาดาว และแม้แต่มอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดที่นี่ก็ยังเป็นลอร์ดบอสเลเวลหนึ่งร้อยห้า ขณะที่พวกเขาที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นถึงมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเลเวลหนึ่งร้อยสิบ และแม้แต่กองกำลังหลักของมหาอำนาจต่างๆก็ยังจะไม่กล้าเข้ามาล่าที่นี่เลย หากไม่ได้เตรียมพร้อมมาอย่างดี

กระนั้นตอนนี้มันกับมีผู้เล่นทีมหนึ่งต่อสู้กับมอนสเตอร์อยู่ที่บริเวณใกล้กับทางเข้าป้อมปราการ นี่มันจึงน่าประหลาดใจมากๆ !!!

ซึ่งทีมนี้นั้นมีสมาชิกเพียงห้าร้อยคนเท่านั้น และทุกคนล้วนเป็นผู้เล่นอิสระ

“ช่างเป็นทีมนักผจญภัยที่ทรงพลังมากจริงๆ !!! พวกเขามีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าสามสิบคนในทีมห้าร้อยคนนี้ และผู้ที่มีเลเวลต่ำที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังมีเลเวลหนึ่งร้อยห้า ทีมๆนี้นั้นสามารถเทียบกับกองกำลังหลักของกิลชั้นสูงระดับต้นๆได้เลยในทางปฎิบัติ” คริมสันวิชกล่าวแสดงความเห็น

แน่นอนเมื่อซือเฟิง และกองทัพของเขามาถึงนั้น ทีมนักผจญภัยทีมนี้ก็สังเกตเห็นพวกเขาอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“พวกเขามากันมากมายเลย เราจะทำยังไงกันดีบอส ?” แรนเจอร์เลเวลหนึ่งร้อยหก ขั้นสาม ถามชายผู้แข็งแกร่งที่กำลังแท๊งแกรนลอร์ดเลเวลหนึ่งร้อยสิบ สายพันธุ์โบราณอยู่

แม้ว่าชายผู้แข็งแกร่งคนนี้จะสวมใส่เพียงแค่ชุดเกราะหนัง และใช้ถุงมือคู่หนึ่งที่เป็นเหล็กอยู่ แต่มันก็มีชั้นของพลังแปลกๆที่ห่อหุ้มร่างกายของพวกเขาไว้ ซึ่งมันช่วยลดจำนวนค่าความเสียหายที่เขาได้รับจากการโจมตีของแกรนลอร์ดลงไปอย่างมาก และแม้ว่าแกรนลอร์ดจะโจมตีโดนชายผู้นี้เต็มๆ แต่เขาก็เสีย HP ไปแค่ประมาณสองหมื่นเท่านั้น ซึ่งความเสียหายแค่นี้สำหรับผู้เล่นขั้นสามนั้นนับว่าไม่สำคัญเลย

“บอสเควสตัวนี้เหลือ HP หลอดแดงแล้ว ตอนนี้ไม่ต้องสนใจพวกเขา หากพวกเขากล้าที่จะขโมยของๆเรา เราก็จะลากพวกเขาไปลงนรกพร้อมกับเรา !!!” ชายผู้แข็งแกร่งกล่าว และเขาก็จ้องมองไปยังกองกำลังสิงโตเงินอย่างไม่มีท่าทีจะกลัวเลยแม้แต่น้อย แม้ว่ากองกำลังนี้จะมีจำนวนมากกว่าอย่างมาก
“ฉันเห็นด้วย ฉันได้ตรวจสอบมานาของพวกเขาแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะมีผู้เล่นมากกว่าเรามาก แต่มันก็มีเพียงแค่เจ็ดสิบคนเท่านั้นที่เป็นผู้เล่นขั้นสาม ซึ่งหากต้องต่อสู้กันจริงๆ ฉันมั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงให้กับพวกเขาได้แน่นอน !!!” ชายอีกคนหนึ่งที่ดุร้าย และถือดาบใหญ่กล่าวพลางพยักหน้าเห็นด้วย

ทีมนักผจญภัยทีมอื่นๆนั้นจะหนีไปแล้วแน่นอน หากพวกเขาต้องมาพบกับกองกำลังสิงโตเงิน แต่พวกเขานั้นแตกต่างออกไป พวกเขาจะไม่ถอยกลับจากการต่อสู้ แม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพที่ผู้เล่นแปดพันคนที่มาพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบร้อยคน

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราควรบอกให้พวกเขาออกไปไหม ?” แม๊คอาฟรี่ถามขณะที่เขาหันไปหาซือเฟิง

พวกเขานั้นมาที่นี่เพื่อยึดป้อมปราการ แม้ว่าผู้เล่นที่พวกเขาพบจะเป็นเพียงแค่ทีมนักผจญภัยที่มีจำนวนน้อยกว่าพวกเขามาก แต่คนเหล่านี้ก็อาจส่งผลต่อปฎิบัติการของพวกเขาได้

อย่างไรก็ตามในปฎิบัติการครั้งนี้นั้น ซือเฟิงเป็นผู้บัญชาการ แม๊คอาฟรี่จึงเลือกจะหันไปถามซือเฟิงก่อนที่จะออกคำสั่งใดๆ

“นั่นไม่จำเป็น พวกเรากับพวกเขามาที่นี่ด้วยเหตุผลคนละอย่างกัน …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว เขาไม่ได้มีความตั้งใจจะเคลียร์พื้นที่

“ถ้าเราไม่ให้พวกเขาออกไป เราจะไม่สามารถทำการปิดล้อมประตูหน้าได้นะ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” แม๊คอาฟรี่กล่าวยืนกรานอย่างโกรธเคือง

ป้อมปราการแสงดาวนั้นมีทางเข้าเพียงแค่ทางเดียว และมันก็เป็นพื้นที่ที่มีการป้องกันน้อยที่สุด ขณะเดียวกันด้านอื่นๆนั้นก็มีกำแพงหนาที่สูงสิบสองเมตรนั้นล้อมรอบป้อมปราการอยู่ทุกด้าน และพวกมันก็ได้รับการปกป้องด้วยวงเวทย์ที่ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถจะกระโดดข้ามกำแพงได้ นอกจากนี้มันก็ยังมีทั้งลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ และแกรนลอร์ดที่เป็นองครักษ์สายธาตุประจำการอยู่บนกำแพงด้วย ซึ่งบอสเหล่านี้นั้นไม่เพียงแต่จะสามารถโจมตีได้ในระยะไกลเท่านั้น แต่พวกมันยังมีเวทย์ AOE ด้วย

ซึ่งมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นจะระดมโจมตีพวกเขาจนจมดินกันเลยแน่นอน ก่อนที่พวกเขาจะสามารถทำลายกำแพงของป้อมปราการได้

อย่างไรก็ตามก่อนที่แม๊คอาฟรี่จะทันได้พูดอะไรต่อ ซือเฟิงก็ได้ทำการดึงเอายักษ์เหล็กที่เขาไม่ได้นำมาใช้นานออกมา

เรือเหาะมังกรสีเลือด !!!