บทที่ 1720 - การมาถึงของถ้ำวารีจันทรา

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

AST
  บทที่1720 – การมาถึงของถ้ำวารีจันทรา
  หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง2 เดือนที่ผ่านมา ชิงสุ่ยเองยังคงรู้สึกผ่อนคลาย เขามีสัตว์อสูรในครอบครองจำนวนมากมาย ไปในตอนนี้ยังมีเพียงอสูรไม่กี่ตัวที่มีประโยชน์สำหรับเขา ส่วนตัวอื่นก็ยังคงถูกพักไม่ได้ใช้งานอีกสักระยะหนึ่ง
  ชิงสุ่ยคิดว่าที่เขาครอบครองอยู่นั้นก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้วอีกทั้งเขายังมีพลังจากภายนอก ความสามารถในการควบคุม และหนอนไหมมังกรทองที่สามารถช่วยชีวิตยามคับขัน ฉะนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวผู้ใด
  ย่างก้าวของมนุษย์คือความพึงพอใจและความไม่พึงพอใจที่จะย่างก้าวต่อความรู้สึกผิดหวังบางครั้งก็ทำให้คนตาบอดถึงจะมองไม่เห็นหนทาง แต่คนที่รู้สึกพึงพอใจหากหลงมัวเมาในความสุข ทุกอย่างก็อาจพังทลาย  ในแต่ละวันชิงสุ่ยจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการดูแลลูกน้อย เขาเต็มใจใช้เวลาของเขาเพื่อความสุขของครอบครัว เนื่องจากอีเย่เจี้ยนเก้อเองก็จำเป็นต้องฝึกฝน เขาจึงกลายเป็นคนต้องดูแลลูกน้อยในยามกลางวัน แต่บางครั้งหลัว ชิงเฉิงก็แวะเวียนมาสับเปลี่ยนดูแล
  ในช่วงเวลายามว่างชิงสุ่ยก็จะใช้เวลาในการวาดรูป เขาชื่นชอบในการวาดรูปลูกชายของเขา แต่ช่างน่าเสียดายที่ความสามารถในการวาดภาพก็ยังคงอยู่ในระดับเดิม
  เขาแบ่งเวลาอีกส่วนหนึ่งในการวาดภาพครอบครัวทั้งหมดของเขาหากผู้อื่นได้มองเห็นภาพวาดเหล่านี้ คนเหล่านั้นจะต้องตกใจ เพราะมันเป็นภาพวาดเหมือนมีจิตวิญญาณอยู่ภายในจริงๆ
  นี่ก็เป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายพี่ชิงสุ่ยได้ออกไปเยี่ยมเยียนแดนทะเลเหนือตอนที่ถานท่าย หลิงเยียนและฉินชิง เขาก็ได้กลับไปเยี่ยมเยียนเมืองหลินห่ายเพียงแค่ครั้งเดียว ดูเหมือนว่าพวกเธอจะกลับไปอยู่ในพระราชวังจอมอสูรที่ของพวกเธอ
  ทางด้านของเหลียนหลิงเฟิงและหยินต่งทั้งคู่ยังคงอาศัยอยู่ภายในหอคอยจักรพรรดิแห่งเมืองหลินห่ายพร้อมกับผู้อาวุโสเทียนยี่ ทุกคนยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ที่ชิงสุ่ยจากมา
  เหลียนหลิงเฟิงและหยินต่งทั้งสองยังคงฝึกฝนอย่างขะมักเขม้นนอกเหนือจากการคอยดูแลครอบครัวอวี้ เหนียง และทำนุบำรุงรักษาหอคอยจักรพรรดิ ชิงสุ่ยได้สอนผู้อาวุโสเทียนยีในหลายๆเรื่อง ทำให้ตอนนี้เขากลายเป็นแบบอย่างของแพทย์สวรรค์ที่เด็กๆทุกคนใฝ่ฝันจะเป็น
  ………………………..
  วิถีชีวิตยังคงเป็นไปอย่างเรียบง่าย
  ผู้ชายคนมีความทะเยอทะยานและแรงบันดาลใจที่ตนต้องการแต่ดูเหมือนตอนนี้ชิงสุ่ยจะห่างไกลจากจุดนั้น ทุกๆวันที่เขามีชีวิตอยู่ดำเนินอยู่บนความสิ้นหวังอย่างช้าๆ เขาไม่เหลือความทะเยอทะยานอีกแล้ว และไม่ปรารถนาที่จะคอยบงการชีวิตผู้ใดอีก
  เป็นเวลา2 เดือน ที่ชิงสุ่ยไม่อาจหาคำอธิบายเรื่องของตระกูลหยวน เขาคิดว่ามันคงเป็นเพราะถ้ำคลื่นจันทรา แต่เขาก็ไม่ได้สร้างศัตรูมากมายนัก เขาจึงยังคงไม่เข้าใจ
  มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ชิงสุ่ยพาชิงซิ่วออกไปเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ขอให้พบเจอกับคนของพระราชวังหมาป่ามังกร พวกเขามาเพื่อขอให้นายหญิงชิงห่านอี่ของพวกเขากลับไปยังนิกายของตนเอง เพราะดูเหมือนว่าคนของถ้ำคลื่นจันทราเองก็ส่งคนมาหาพวกเขา
  ชิงสุ่ยเองก็ค่อนข้างตกใจเมื่อได้ยินชื่อของถ้ำคลื่นจันทรา
  ชิงห่านอี่ที่อยู่ไม่ไกลก็มาปรากฏตัวต่อหน้าคนของเธอค่อนข้างเป็นห่วง เธอจึงหันไปมองชิงสุ่ยด้วยสีหน้ากังวลใจ
  ”ไปเถิดข้าจะไปกับเจ้าด้วย มาดูกันว่าคนที่กล้าคิดร้ายกับเจ้ามันเป็นใครหน้าไหน”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ  ชิงห่านอี่รู้สึกผ่อนคลายกันทีหลังจากเห็นสีหน้าผ่อนคลายของชิงสุ่ยชิงสุ่ยเหมือนเป็นคนที่มีมนต์เสน่ห์ทำให้ทุกอย่างดูง่ายเมื่ออยู่กับเขา
  ”เจ้าจะไปจริงๆหรือ?”ชิงห่านอี่กล่าวถามชิงสุ่ยหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย
  ชิงสุ่ยพยักหน้าพร้อมกับสีหน้าจริงจังทำให้ชิงห่านอี่รู้ซึ้งถึงความตั้งใจของเขาจนใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงกล่ำ
  นายหญิงคนอื่นก็อยากเดินทางไปด้วยแต่ชิงสุ่ยต้องการให้พวกนางอยู่และคอยดูแลชิงซิ่วเพื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เพียงแค่เขาคนเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับการเดินทางไปเยี่ยมเยียนพระราชวังหมาป่ามังกร
  หญิงสาวของเขารู้จักบุคลิกของชิงสุ่ยเป็นอย่างดีทุกครั้งที่เขาตัดสินใจคือที่สุด พวกเธอจึงไม่พูดอะไรต่อ
  ”เจ้าแน่ใจหรือ?”ท่ามกลางการเดินทาง ชิงห่านอี่ถามย้ำเป็นครั้งที่ 3  ”เจ้าไม่มั่นใจในตัวผู้ชายของเจ้าจริงๆเหรอ?”
  ”เจี้ยนเก้อและคนอื่นๆคงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเจ้า”ชิงห่านอี่กล่าวด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย
  ”ข้าจะต้องไม่เป็นไรเจ้าอย่าได้กังวลข้าจะไม่มีทางต่อสู้ในศึกที่ข้าต้องตาย ข้าวมั่นใจข้าจึงกล้ามา”
  ”แล้วถ้าเจ้ายังไม่มั่นใจ?เจ้าจะมาไม่ได้เหรอ?”ชิงห่านอี่กล่าวถาม
  ”ข้าก็เพียงแค่สร้างหนทางที่จะทำให้ข้ามีความมั่นใจก็เท่านั้นถ้าหากเราใช้ปัญญา ก็ไม่มีอะไรที่เราจะเอาชนะไม่ได้”ชิงสุ่ยกล่าวแบบคลุมเครือ
  ชิงสุ่ยรู้สึกถึงอะไรบางอย่างทันทีที่ก้าวเข้าสู่พระราชวังหมาป่ามังกรเห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้มีเพียงแค่คนของพระราชวังหมาป่ามังกร เพราะพวกเขาล้วนหยิ่งยโสเหมือนกับคนที่ยืนอยู่เหนือพระราชวังหมาป่ามังกร
  และเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ชิงห่านอี่ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา