บทที่ 2025+2026

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2025 เด็กคนนี้จริงใจต่อเธอเกินไปแล้ว

ถึงแม้หลงซือเย่จะอึดอัดใจ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ฝ่าบาทลำบากลำบนไปเสาะหายารักษามาให้ซีจิ่ว ย่อมต้องเลี้ยงรับรองฝ่าบาทอยู่แล้ว”

พลางฉวยคันเบ็ดแล้วไปตกปลาอีกครั้ง มีเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งปาก ปลาสามตัวเห็นได้ชัดว่าไม่เพียงพอแล้ว…

ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ “แม่ทัพหลงช่างใจกว้างโดยแท้!” เขากวักมือเรียกสัตว์วิเศษที่ยืนอยู่ตรงนั้น “ไป๋เจ๋อ มานี่ วันนี้เจ้ามีลาภปากแล้ว ลงมากินด้วยกันสิ”

ด้วยเหตุนี้ ร่างของสัตว์วิเศษสีขาวพิสุทธิ์ตัวนั้นก็โยกไหว กระโจนลงมา จำแลงร่างเป็นมนุษย์แล้วนั่งตรงข้ามกับหลงซือเย่ “รบกวนแม่ทัพหลงแล้ว ข้าชอบกินปลาย่าง รบกวนแม่ทัพหลงย่างให้มากหน่อยเถิด”

ร่างมนุษย์ของไป๋เจ๋อเป็นขุนพลหนุ่มรูปงามอาภรณ์ขาวคนหนึ่ง ดูสง่างามองอาจ ทุกอากัปกริยาสุภาพมีมารยาทยิ่งนัก ซ้ำยังแฝงอำนาจอันกล้าแกร่งประการหนึ่งเอาไว้ด้วย ทำให้คนละเลยหมางเมินได้ยากยิ่ง

หลงซือเย่ย่อมรู้จักสัตว์วิเศษไป๋เจ๋อ เป็นสัตว์วิเศษที่เคยอยู่ในตำหนักของมหาเทพ เป็นหัวหน้าของแปดสัตว์วิเศษบรรพกาล ฐานะของมันยังสูงส่งกว่าจักรพรรดิเซียนเสียอีก ชาวเซียนธรรมดาเมื่อพบเห็นมันยังต้องคุกเข่าโขกศีรษะให้

ต่อให้เป็นหลงซือเย่ที่มีฐานะเช่นนี้ ก็ยังต้องค้อมกายคำนับเพื่อแสดงความเคารพต่อมัน

แผ่นดินในปัจจุบันนี้ ผู้ที่กล้าใช้มันเป็นสัตว์พาหนะคงจะมีเพียงเสินเนี่ยนโม่บุตรแห่งเทพมาร

คู่มหาเทพสามีภรรยาไปจากแผ่นดินนี้แล้ว แต่ได้ทิ้งแปดสัตว์วิเศษไว้ให้บุตรชาย ยามปกติพวกมันจะอาศัยอยู่ในตำหนักของมหาเทพ ถ้าตี้ฝูอีมีธุระถึงจะเรียกให้ออกมา

หนนี้เพื่อรีบเร่งนำยากลับมาให้กู้ซีจิ่วโดยเร็ว เขาจึงเรียกไป๋เจ๋อออกมา

เขาเหนื่อยล้ายิ่งนัก ถึงแม้เขาจะดูเหมือนคนที่ไม่เป็นไร แต่ริมฝีปากที่ซีดเซียวนิดๆ ก็ยังคงเผยความอ่อนล้าของเขาออกมา

เขาก็นั่งอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่ว โน้มตัวเข้าไปค่อนข้างใกล้ ใกล้จนกู้ซีจิ่วได้กลิ่นหอมอ่อนจางชนิดนั้นจากร่างเขา กลิ่นหอมนี้ทำให้หัวใจเธอล่องลอย ทำให้เธอโหยหาอย่างน่าประหลาด…

กู้ซีจิ่วย่อมสังเกตเห็นสีหน้าอันซีดเซียวของเขาแล้ว เมื่อเห็นเขานั่งลงข้างกายตน ก็จับชีพจรให้เขาตามสัญชาตญาณ “ทำไมสีหน้าเจ้าซีดเซียวขนาดนี้? ไม่สบายหรือ?”

มือนุ่มนิ่มของนางทาบลงบนข้อมือของเขา ทำให้เพลิงฉุนเฉียวในใจของตี้ฝูอีสงบลงไม่น้อยทันใด เขาหลับตาลงนิดๆ “เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”

สามวันมานี้เขาขี่ไป๋เจ๋อเดินทางหลายหมื่นลี้ ไม่หยุดพักเลย

ขนาดไป๋เจ๋อที่แข็งแกร่ง ก็ยังมีทีท่าเหนื่อยล้าเล็กน้อยแล้ว ตัวเขายิ่งเหนื่อยกว่า…

ถึงอย่างไรก่อนหน้านั้น เขาก็ตามหานางอยู่สามวัน ซ้ำยังสิ้นเปลืองพลังวิญญาณเพื่อทำการรักษานางอีก…

เกือบเจ็ดวันแล้ว เขาแทบจะไม่ได้หลับเลย สักงีบก็ไม่ได้นอน

เขาปลดหน้ากากออก พลางวางไว้ที่ด้านหนึ่ง

กู้ซีจิ่วเห็นเบ้าตาของเขาค่อนข้างคล้ำ ในที่สุดก็กระจ่างแล้ว “คงมิใช่ว่าสามวันมานี้เจ้าไม่ได้นอนเลยกระมัง?!”

ตี้ฝูอียิ้มแล้ว เอ่ยเพียงไม่กี่คำว่า “ไม่มีแก่ใจจะนอน…” เขาเกรงว่าถ้าเขากลับมาสายไปอาการบาดเจ็บของนางจะเสื่อมทรุดจนดับสูญไปทันที…

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ถึงได้กลัวนางดับสูญไปเป็นพิเศษ รู้อยู่แล้วชัดๆ ว่าควบคุมอาการบาดเจ็บของนางไว้ได้แล้ว แต่ในใจยังคงเป็นกังวลอยู่ เสมือนถูกขู่จนขวัญผวาไปแล้ว

ในใจของกู้ซีจิ่วอุ่นวาบและรู้สึกผิดไปด้วยในเวลาเดียวกัน เด็กคนนี้จริงใจต่อเธอเกินไปแล้ว!

พยายามอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือเธอ!

เธอคิดดูเล็กน้อย หยิบขวดเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากร่าง ยัดใส่ในมือเขาโดยตรง “เอ้า สิ่งนี้ให้เจ้า”

ตี้ฝูอียกขวดใบน้อยในมือขึ้นมา เปิดฝาขวดออก ยาลูกกลอนสีม่วงแวววาวสองเม็ดกลิ้งออกมา เมื่อมองเข้าไปในขวด ด้านในยังมีอยู่อีกไม่น้อยเลย มีถึงสี่สิบห้าสิบเม็ด

ยาชนิดนี้นางเคยมอบให้เขามาครั้งหนึ่งแล้ว ยามนั้นเขาไม่รู้ว่าคืออะไร เก็บไว้อย่างขอไปที พอว่างก็เอามาศึกษาดู พบว่าเป็นของวิเศษที่ช่วยบำรุงพลังวิญญาณอย่างมหาศาล

————————————————————————

บทที่ 2026 ฝ่าบาทน้อยผู้นี้กำลังพุ่งเป้ามาที่เขา!

วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงโอสถชนิดนี้ก็พบเห็นได้ยากเป็นที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของเขาจะยังมองไม่ออกเลยว่าหลอมกลั่นมาจากสิ่งใด

แต่ที่น่าประหลาดคือ เขารู้สึกวางใจในยาลูกกลอนนี้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะเมื่อได้กลิ่นของยาลูกกลอน ยิ่งทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา

ยาลูกกลอนเม็ดนั้นเขากินไปแล้ว ระดับความเร็วในการเพิ่มพูนพลังวิญญาณเกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ ยิ่งหาได้ยากยิ่งกว่านั้นคือ โอสถบำรุงพลังวิญญาณนี้เข้ากับพลังวิญญาณที่ร่างกายเขาได้รับมาจากการฝึกฝนอย่างยิ่ง ราวกับเดิมทีก็เป็นของเขาอยู่แล้ว

หลังจากเขากินเข้าไปก็เกือบนึกสงสัยแล้วว่าโอสถนี้เป็นสิ่งที่กู้ซีจิ่วให้ขึ้นเพื่อเขาโดยเฉพาะ

หรือว่าจะหลอมขึ้นเพื่อเขาโดยเฉพาะ? ถึงอย่างไรหน้าที่ของนางก็เป็นเพียงการทำให้พลังวิญญาณของเขาก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว…

โอสถนี้ล้ำค่าเป็นที่สุดอย่างแน่นอน มอบให้เม็ดเดียวก็มีน้ำใจมากมายมหาศาลแล้ว แต่ตอนนี้นางมอบให้ทั้งขวด!

“เจ้ามีโอสถชนิดนี้มากนักหรือ?” ตี้ฝูอีโบกขวดใบน้อย

โอสถนี้เป็นสิ่งที่พบได้แต่ไม่อาจวอนขอได้ เธอก็มีแค่ขวดนี้ขวดเดียวเท่านั้น

หลายปีมานี้กินเข้าไปบางส่วน มอบให้คนอื่นไปไม่กี่เม็ด ที่เหลือล้วนอยู่ในขวดเล็กๆ ใบนี้

เพียงแต่ หากเธอบอกว่ามีแค่ขวดนี้ขวดเดียว คาดว่าเขาคงไม่รับไว้…

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงยิ้มเพียงแวบเดียว “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องใส่ใจหรอก เจ้าต้องการมันยิ่งกว่าข้า”

ตี้ฝูอีคลึงขวดยาในมือใบนั้น หัวเราะเบาๆ “โอสถนี้จะทำให้ภารกิจของเจ้าลุล่วงได้ง่ายดายขึ้นกระมัง? ไม่เอา!” พลางโยนคืนเธออีกครั้ง

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก

ไอ้เด็กเอาแต่ใจนี่! ต่อให้เธอทำไปเพื่อภารกิจก็เป็นผลดีต่อเขาเช่นกัน ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่เขาไม่เห็นค่าเลย…

ระหว่างที่พูดคุยกัน หลงซือเย่ที่อยู่ทางนั้นก็ย่างปลาเสร็จแล้วหนึ่งตัว เขายื่นให้กู้ซีจิ่วก่อน “ซีจิ่ว หิวหรือเปล่า? เจ้ากินก่อนเถอะ”

ขณะที่กู้ซีจิ่วคิดจะรับไป ไม่ทันตั้งตัวก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาจากด้านข้าง ฉวยปลาตัวนั้นไป “ให้ข้าชิมหน่อย”

กู้ซีจิ่วเงียบงัน เอาเถอะ เขาลำบากตรากตรำมา ปลานี่ก็สมควรให้เขากินก่อน

ตี้ฝูอีกินเข้าไปคำหนึ่งก็ยังไม่วายติเตียน “เค็มไปหน่อยนะ ยังไม่ได้เรื่อง ฝีมือในด้านนี้ของแม่ทัพหลงยังต้องพัฒนาอีก”

หลงซือเย่ไม่พูดอะไร เขารู้สึกฉุนเฉียวอยู่บ้าง! เอ่ยเรียบๆ ว่า “ดูเหมือนฝ่าบาทคงเชี่ยวชาญในด้านนี้กระมัง? เช่นนั้นมิสู้ฝ่าบาทมาย่างดูสักตัว ให้แม่ทัพอย่างข้าได้เปิดหูเปิดตา”

ตี้ฝูอีไม่ได้ตอบรับคำท้าแบบอ้อมๆ ของหลงซือเย่ เพียงส่งปลาในมือที่กินไปแล้วคำหนึ่งให้ไป๋เจ๋อ “ยกให้เจ้าแล้วกัน ดูสิว่ารสชาติถูกปากเจ้าหรือไม่”

ไป๋เจ๋อรับมากินคำหนึ่ง “ยังดีอยู่ แม่ทัพหลง รบกวนท่านย่างปลาให้ไป๋เจ๋อด้วยเถิด ไม่จำเป็นต้องมากเกินไป สักยี่สิบสามสิบตัวก็เพียงพอแล้ว”

สายตาที่ไป๋เจ๋อมองหลงซือเย่ก็เปี่ยมเมตตานัก “รบกวนแม่ทัพหลงด้วย”

หลงซือเย่พลันกำไม้เสียบปลาแน่น!

ฝ่าบาทน้อยผู้นี้กำลังพุ่งเป้ามาที่เขา!

แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่อาจปฏิเสธได้…

ในระหว่างที่เขาใคร่ครวญอยู่ สายตาของตี้ฝูอีก็มองมาอีกครั้ง “อะไรกัน? แม่ทัพหลงไม่ยินดีหรือ?”

หลงซือเย่ถอนหายใจเบาๆ “ได้ย่างปลาให้แก่แม่ทัพไป๋เป็นเกียรติของผู้แซ่หลงแล้ว แต่ว่าซีจิ่วนางยังต้องกินปลาเพื่อบำรุงร่างกาย…มิสู้ให้แม่ทัพอย่างข้าย่างให้นางก่อนสักสองตัว…”

“ไม่จำเป็น นางในยามนี้ยังไม่เหมาะจะกินอาหารหนักๆ ปลาย่างไม่เหมาะกับนาง สมควรตุ๋นน้ำแกงปลาให้นางกินถึงจะเข้าท่ากว่า” ตี้ฝูอีมองไปทางไป๋เจ๋อ “ไป๋เจ๋อ เจ้ามาปรุงน้ำแกงปลาหม้อนี้เถิด”

ไป๋เจ๋อชะงักไปเล็กน้อย ทักษะการครัวของเขาล้ำเลิศ เมื่อก่อนมหาเทพก็ชมเชยอยู่ไม่ขาดปาก การตุ๋นปลาย่อมมิใช่ปัญหา

เพียงแต่…

มันส่งกระแสเสียงหาตี้ฝูอี ‘ฝ่าบาท หากว่าท่านต้องการได้รับความรู้สึกดีๆ จากนาง สมควรจะลงมือปรุงด้วยตัวเองนะขอรับ กระหม่อมสามารถชี้แนะเป็นการส่วนตัวได้…’