ตอนที่ 488 เลือดกำเดาไหล / ตอนที่ 489 เธอจะเป็นอะไรไม่ได้

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 488 เลือดกำเดาไหล 

 

 

           เธอคิดเงียบๆ ในใจ กระชับแขนกอดเขาแน่น 

 

 

           และเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอคิดอะไรไร้เดียงสามากเกินไป นิสัยของคนบางคนไม่ใช่เรื่องที่จะแก้กันได้ง่ายๆ ภายในวันหรือสองวันจริงๆ 

 

 

           คืนนั้นเธอกับจิ้นหยวนใช้เวลากันอย่างมีความสุข และวันถัดมา เธอรู้สึกดีใจมากที่ฉินเพ่ยหรงไม่ได้มาที่บ้านแต่เช้าเหมือนเดิม… แต่เปลี่ยนเป็นมาตอนบ่ายแทนเสียอย่างนั้น 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงยังคงหอบข้าวของพะรุงพะรังเข้าบ้านเหมือนเดิม และมีแต่ยาบำรุงแปลกๆ สำหรับบำรุงร่างกายเฉียวซือมู่ทั้งนั้น เฉียวซือมู่เห็นแล้วถึงกับกุมขมับ อาหารที่ปรุงจากยาบำรุงพวกนั้นไม่ใช่แค่รสชาติแปลกมากเท่านั้น แต่มันแปลกมากจนถึงขั้นแย่ที่สุดเลยล่ะ 

 

 

           ไม่กินก็ไม่ได้อีก เพราะสายตาเข้มงวดคู่นั้นคอยจับจ้องเธอตาไม่กะพริบ 

 

 

           เวินเยวี่ยฉิงมาเยี่ยมเธอตามที่บอกเอาไว้ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็รู้สึกเห็นใจเธอมาก แต่สำหรับเรื่องนี้แล้ว เธอเห็นใจลูกสาวก็จริง แต่เธอก็ช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะของพวกนี้มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น ถ้าเอายาบำรุงถ้วยนี้ไปขาย ราคาคงแพงจนน่าตกใจ 

 

 

           เพราะฉะนั้น หลังจากใคร่ครวญอย่างรอบคอบแล้ว เธอจึงเห็นด้วยกับฉินเพ่ยหรง เกลี้ยกล่อมให้เฉียวซือมู่ดื่มยาบำรุงนั้นให้หมด เพราะของพวกนี้ดีต่อร่างกายของเธอมาก 

 

 

           คราวนี้เฉียวซือมู่กลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบไปแล้วจริงๆ แม้จิ้นหยวนอยากจะช่วยเธอ แต่กลับถูกฉินเพ่ยหรงโต้กลับว่า “ผู้ชายจะไปรู้อะไร!” จนเขาพูดไม่ออก 

 

 

           เธอทำอะไรไม่ได้ จึงต้องหลับหูหลับตากลั้นใจดื่มยาบำรุงพวกนั้นจนหมด จากนั้นรีบกินกับข้าวตามอีกหลายคำเพื่อกลบกลิ่นแปลกประหลาดพวกนั้น และการกระทำของเธอสร้างความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ให้แก่ฉินเพ่ยหรงทันที ฉินเพ่ยหรงเอ่ยอย่างดีอกดีใจ “ดูสิ ฉันว่าแล้วว่าวิธีของฉันต้องได้ผล ตอนนี้เธอเริ่มอยากอาหารแล้วใช่ไหมล่ะ? เห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อยแบบนี้ฉันก็สบายใจแล้ว” 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงใบหน้าอิ่มเอิบใจ ลูกสะใภ้กินได้มากย่อมหมายความว่าหลานของเธอต้องเจริญเติบโตได้ดีมาก และจะต้องเป็นหลานชายตัวขาวๆ อ้วนๆ แน่ 

 

 

           เธอดีใจจนกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม สั่งให้คนปรุงยาบำรุงมากมายให้เธอดื่มทุกวัน และยังคอยทำตัวเป็นผู้คุมคอยคุมเธอดื่มยาอย่างเข้มงวด 

 

 

           เฉียวซือมู่รู้สึกทรมานมาก แต่ก็ต้องจำยอม ตอนนี้ฉินเพ่ยหรงไม่ทำอะไรทั้งนั้น และไม่ก้าวก่ายว่าเธอจะทำอะไรด้วย เพียงแค่คอยกำกับให้เธอดื่มยาให้หมดถ้วยเท่านั้น หากเธอไม่ยอมทำตามคำขอที่แสนจะ “ง่ายดาย” แค่นี้ ฉินเพ่ยหรงคงไม่พอใจอย่างหนักเป็นแน่ 

 

 

           เธอจึงต้องทำตามคำขอของฉินเพ่ยหรงอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยการดื่มยาบำรุงให้หมดถ้วยทุกวัน และได้แต่ภาวนาในใจว่าหลังคลอดลูกแล้วเธอจะยังคงรักษาหุ่นให้ดีได้เหมือนเดิม 

 

 

           ขณะที่เธอกำลังคิดถึงหุ่นในอนาคตของตนอยู่นั้น เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้ 

 

 

           วันนั้น เธอเพิ่งดื่มยาบำรุงหมดถ้วยภายใต้สายตาอันเข้มงวดของฉินเพ่ยหรง ขณะที่เธอกำลังขมวดคิ้วเพราะบ๊วยดองรสเปรี๊ยวปรี๊ดนั้น จู่ๆ เธอก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนที่ค่อยๆ ไหลออกมาจากโพรงจมูก 

 

 

           เธอรีบใช้มือปิดจมูกทันทีด้วยความลำบากใจ หรือว่าเธอจะเป็นหวัดจนน้ำมูกไหล? แต่ก็ไม่เห็นมีอาการบ่งบอกมาก่อนนี่นา 

 

 

           เธอเอามือออกเพื่อหยิบกระดาษทิชชู พลันเห็นรอยแดงปื้นใหญ่บนฝ่ามือตน จนเธอตกตะลึงนิ่งอึ้ง 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงเห็นเข้าพอดี ตกใจจนกระเด้งตัวลุกจากเก้าอีก เอ่ยหน้าถอดสี “เธอเลือดกำเดาไหล?” 

 

 

           “หนู… หนูก็ไม่รู้ค่ะ…” เธอเอ่ยตอบท่าทางงุนงง เพราะเรื่องเช่นนี้เกิดกับเธอไม่บ่อยนัก เธอจึงงุนงันไปชั่วขณะ 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงไม่รอช้า รีบหมุนตัวออกไปโทรศัพท์ตามหมอประจำตระกูลทันที และเตรียมพร้อมสำหรับการส่งตัวเธอไปที่โรงพยาบาลทุกเมื่อ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 489 เธอจะเป็นอะไรไม่ได้ 

 

 

           เฉียวซือมู่รีบสำรวจร่างกายตนทันที นอกจากเลือดกำเดาไหลแล้วเธอก็ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ อีก นอกจากอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อยเท่านั้น 

 

 

           แต่เลือดกำเดาเธอยังคงไหลไม่หยุด กระทั่งหมอประจำตระกูลรุดมาถึงที่ เธอก็ใช้กระดาษทิชชูเช็ดเลือดกำเดาหมดไปครึ่งห่อแล้ว 

 

 

           เธอยังนึกสงสัยอยู่เลยว่าเลือดกำเดาไหลคราวนี้คงทำเอาเลือดในกายหายไปเกือบครึ่งแล้วกระมัง 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงเดินวนอยู่รอบตัวเธอด้วยความร้อนรนใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเลือดถึงไหลเยอะมากขนาดนี้? ขอสวรรค์คุ้มครองอย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลย โดยเฉพาะเด็กในท้อง…” 

 

 

           เฉียวซือมู่ได้ยินแล้วทั้งโมโหทั้งอดขำไม่ได้ จนคำพูดกับนิสัยของแม่สามีคนนี้จริงๆ 

 

 

           กล้าพูดออกมาต่อหน้าต่อหน้าเธอแบบนี้ ไม่กลัวว่าเธอจะไม่พอใจบ้างหรืออย่างไร? 

 

 

           เธอเงยศีรษะขึ้นเพื่อให้เลือดหยุดไหล ขณะเดียวกันก็มิวายแอบบ่นอุบอิบอยู่ในใจ แม้เธอจะเป็นคนเจ็บ แต่กลับไม่ได้กระวนกระวายใจเท่ากับฉินเพ่ยหรง เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอเป็นครั้งแรก 

 

 

           เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง  

 

 

           เธอพอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน ขืนพูดออกมาตอนนี้ แม่สามีของเธอจะต้องไม่ยอมเชื่อแน่ เพราะฉะนั้น รอให้หมอเป็นคนพูดเองน่าจะดีกว่า 

 

 

           ในที่สุดคุณหมอก็ก้าวเข้ามาในห้อง เหมือนสวรรค์ทรงโปรด ฉินเพ่ยหรงรีบเข้าไปรับหน้าทันที “หมอรีบมาดูเร็วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ? ทำไมถึงเลือดไหลออกมาเยอะขนาดนั้น? หรือว่าเด็กในท้องจะเป็นอะไรไป? หรือว่า…” 

 

 

           คุณหมอดันคานแว่นตรงจมูกขึ้นเล็กน้อย เอ่ยอย่างใจเย็น “ขอผมตรวจก่อนนะครับ” 

 

 

           ท่าทางใจเย็นของคุณหมอทำให้ฉินเพ่ยหรงได้สติ เธอปล่อยมือที่จับแขนเขาออก “รีบไปดูเร็วเข้า จะให้เธอเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาดนะ” 

 

 

           คุณหมอหมุนตัวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฉียวซือมู่ วางกระเป๋ายาลงแล้วเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าเวียนหัวไหมครับ?” 

 

 

           เธอพยักหน้าตอบ “นิดหน่อยค่ะ” 

 

 

           “แล้วมีอาการไม่สบายอย่างอื่นอีกไหมครับ? อย่างเช่น หน้ามืดตาลาย หนาวจับสั่น?” 

 

 

           หลังจากได้รับคำตอบจากเธอแล้ว เขาจึงพยักหน้าน้อยๆ แล้วหมุนตัวหยิบอุปกรณ์ออกมาจากกระเป๋าและเริ่มตรวจร่างกายเธอ 

 

 

           ฉินเพ่ยหรงมองดูทุกอย่างตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง 

 

 

           เฉียวซือมู่ที่ดูเหมือนจะรู้สาเหตุแล้วกลับใจเย็นมาก 

 

 

           เพียงไม่นานคุณหมอก็ตรวจร่างกายเธอเสร็จเรียบร้อย เขาเอ่ยสรุปนิ่งๆ “คุณนายไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แค่ร้อนในนิดหน่อยเท่านั้น” 

 

 

           “ร้อนใน?” ฉินเพ่ยหรงตะลึงนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ เธอหันไปมองหน้าเฉียวซือมู่ หวนนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา เรื่องที่ตนบังคับให้เฉียวซือมู่ดื่มยาบำรุงทุกวัน 

 

 

           คุณหมอพยักหน้าน้อยๆ “คือว่าอย่างนี้นะครับ คงเป็นเพราะช่วงนี้คุณนายดื่มยาบำรุงมากเกินไปหน่อย ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีมากเกินไปจนทำให้เลือดกำเดาไหลน่ะครับ อีกอย่าง ผมไม่แนะนำให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์กินของบำรุงเยอะมากเกินไป เพราะมันจะทำให้ความดันโลหิตสูง จนทำให้เป็นโรคอีกหลายอย่างตามมาทีหลัง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์โดยตรง ทำให้เด็กป่วยเป็นโรคอ้วนได้ง่าย…” 

 

 

           เขาอธิบายยืดยาว เฉียวซือมู่ฟังแล้วยกยิ้มมุมปากน้อยๆ จนทำให้ฉินเพ่ยหรงสีหน้าแย่มาก 

 

 

           เธอเคยบอกฉินเพ่ยหรงแล้ว แต่ฉินเพ่ยหรงไม่ยอมฟังเธอเลย ตอนนี้คุณหมอเป็นคนพูดเองกับปาก ฉินเพ่ยหรงคงไม่หัวรั้นทิฐิสูงอีกนะ 

 

 

           สีหน้าฉินเพ่ยหรงดูย่ำแย่มาก ได้แต่มองหน้าเฉียวซือมู่เงียบๆ 

 

 

           แต่พอเห็นสีหน้าเฉียวซือมู่แล้วก็ชักโมโหขึ้นมานิดๆ ยิ้มอะไรนักหนา กำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่ละสิ? มันเป็นเพราะฉันหวังดีกับเธอไม่ใช่หรือไง? 

 

 

           เฉียวซือมู่ไม่ใส่ใจท่าทางไม่พอใจของฉินเพ่ยหรงสักนิด ไหนๆ ฉินเพ่ยหรงก็ไม่เคยทำหน้าดีๆ กับเธออยู่แล้วนี่ หากวันไหนฉินเพ่ยหรงทำหน้าดีๆ กับเธอสิถึงจะแปลก