หอกสวรรค์กระดูกมังกร
ฟิ้ววววว!
หยดน้ำที่กระเซ็นออกมานั้นพุ่งผ่านอากาศ มีพละกำลังราวกับจะฉีกกระชากทุกอย่างที่ขวางทาง
ขนาดน้ำที่กระเซ็นออกมายังมีอานุภาพร้ายกาจขนาดนี้! จางเซวียนหรี่ตาด้วยความอัศจรรย์ใจ
เขายังสงสัยอยู่ว่าหยดน้ำเหล่านี้มาได้อย่างไร ซึ่งคำตอบก็เหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก
หากแม้แต่หยดน้ำที่กระเซ็นออกมาจากอะไรสักอย่างที่อยู่ในทะเลสาบยังมีอานุภาพขนาดนี้ แล้วเจ้านั่นจะต้องแข็งแกร่งขนาดไหน? ปรมาจารย์หยางจะรับมือไหวหรือเปล่า?
“ปลุกสายเลือด!”
รู้ดีว่าไม่มีเวลาให้ขบคิดนานนัก จางเซวียนรีบแผดเผาสายเลือดตระกูลจางอีกครึ่งหยดที่เหลือ แล้วกาลเวลารอบตัวเขาก็ช้าลงอีกครั้ง
เราต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่อย่างนั้นอีกไม่นานคงตายแน่*!* จางเซวียนคิดขณะรีบทะลุผ่านหยดน้ำทั้งหมดไปที่ริมทะเลสาบ
ฟึ่บ!
จากนั้น เลือดอีกครึ่งหยดที่เหลือก็เหือดแห้งไป แล้วกระสุนหยดน้ำก็พุ่งเข้าใส่กำแพงที่อยู่โดยรอบ
จางเซวียนเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าอะไรอยู่ตรงหน้าเขา
สิ่งที่โผล่พรวดขึ้นมาจากทะเลสาบนั้นเป็นโครงกระดูกขนาดใหญ่ นับจากหัวจรดหางก็น่าจะมีความยาวหลายสิบเมตร กระดูกทุกชิ้นของมันโปร่งแสงราวกับหยก และถึงแม้จะบอกไม่ได้ว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ลำพังข้อเท็จจริงที่ว่าการสะบัดตัวเพียงเบาๆของมันก็ทำให้เกิดหยดน้ำที่มีพละกำลังสังหารได้แม้แต่นักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด ก็เกินพอที่จะสร้างความน่าสะพรึงแล้ว
หลังจากจับตาดูรูปร่างของโครงกระดูกนั้น จางเซวียนก็ถึงกับชะงัก
นี่มัน*…โครงกระดูกมังกร?*
เพราะเป็นเจ้าของอสูรมังกรบาดาล จึงพอมีความเข้าใจเรื่องโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ เขาบอกได้เลยว่าโครงกระดูกที่อยู่ตรงหน้ามีโครงสร้างที่เป็นธรรมชาติและกลมกลืนกันมากกว่าหากจะเปรียบเทียบกับอสูรมังกรบาดาล ทำให้มีความเป็นไปได้ว่ามันน่าจะเป็นโครงกระดูกของมังกร
ต่อให้ไม่ใช่มังกรที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ แต่ก็น่าจะบริสุทธิ์กว่าอสูรมังกรบาดาลมาก
เห็นชายหนุ่มหลบเลี่ยงกระสุนหยดน้ำของมันได้สำเร็จ โครงกระดูกมังกรลดสายตาลงจ้องมองอีกฝ่ายขณะส่งเสียงดังสนั่น “คุณมีความสามารถในการควบคุมเวลาหรือ? ไม่ใช่หรอก, พลังของคุณดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับสายเลือด…คุณเป็นใคร? เป็นสายเลือดของตระกูลนักปราชญ์ตระกูลไหน?”
“ผมชื่อจางเซวียน!”
รู้สึกได้ว่าโครงกระดูกมังกรยังไม่คิดจะโจมตีเขาตอนนี้ จางเซวียนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกขณะประสานมือคารวะเจ้ายักษ์ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า และลอบสำรวจมันไปด้วย
โครงกระดูกมังกรมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูทะมึน เสียงพูดของมันดูจะมีต้นกำเนิดมาจากบริเวณศีรษะ ดวงตาของมันคือรู 2 รูที่เรืองแสงสีเขียวจางๆออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะมันพูดได้ ก็คงยากที่จะระบุได้ว่าโครงกระดูกมังกรชิ้นนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความคิดอ่านของตัวเอง
“จาง? คุณไม่ใช่ศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ขงนี่?” โครงกระดูกมังกรตั้งคำถาม
“ผมไม่ใช่” จางเซวียนส่ายหน้า
หลังจากที่ 100 สำนักแห่งนักปราชญ์ออกจากทวีปแห่งปรมาจารย์ไปแล้ว ตระกูลจางถึงได้เรืองอำนาจขึ้น ดังนั้นผู้ก่อตั้งตระกูลจางจึงไม่ใช่ผู้สืบทอดมรดกของปรมาจารย์ขง
“คุณเข้าใจเรื่องกฎเกณฑ์ของกาลเวลา ซึ่งมีแต่ปรมาจารย์ขงเท่านั้นที่ทำได้ แต่คุณก็ไม่ใช่ศิษย์สายตรงของปรมาจารย์ขง ดูเหมือนคนรุ่นหลังจะเก่งกาจไม่เบานะ!” โครงกระดูกมังกรพยักหน้า
“ผมขอชื่นชมคุณที่ต้านทานแรงกดดันและหลบเลี่ยงหยดน้ำของผมได้ แต่นั่นก็ยังไม่พอ ถ้าคุณอยากได้การยอมรับจากผมล่ะก็ จะต้องเอาชนะผมให้ได้ด้วย!”
“ได้การยอมรับจากคุณ?” จางเซวียนทวนคำ
“ใช่แล้ว ทางเดินนี้มีขุมสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในบรรดาประตูทั้ง 99 บาน และก็อันตรายที่สุดด้วย ผู้ที่ได้การยอมรับจากผมจะสามารถนำตัวผมไป แต่หากไม่ผ่านการทดสอบ ก็ต้องถูกผมกลืนกิน” โครงกระดูกมังกรพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณหมายความว่าคนที่ได้การยอมรับจากคุณจะสามารถนำคุณติดตัวไปด้วยอย่างนั้นหรือ?” จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น
ขนาดหยดน้ำที่กระเซ็นออกมาจากโครงกระดูกมังกรก็มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะสังหารนักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุดได้อย่างง่ายดายแล้ว ประสิทธิภาพการต่อสู้ระดับนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าปรมาจารย์หยางเลย ถ้าเขาสามารถนำโครงกระดูกมังกรติดตัวไปได้ ทั้งพละกำลังและอำนาจของเขาจะต้องเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก!
“ใช่ แต่หากคุณต้องการการยอมรับจากผม อันดับแรก คุณจะต้องสำแดงประสิทธิภาพการต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่าผมออกมาก่อน ในครั้งนั้น นักปราชญ์โบราณหรันชิวใช้พละกำลังของเขาหว่านล้อมให้ผมอยู่รับใช้เขาชั่วชีวิต ผมหลับไหลอยู่ที่นี่มาหลายหมื่นปีแล้ว รอคอยที่จะได้พบใครสักคนที่คู่ควรต่อการรับใช้” โครงกระดูกมังกรตอบ
“นักปราชญ์โบราณหรันชิว…คุณเป็นอาวุธของนักปราชญ์โบราณหรันชิว? หรือว่า…คุณคือ…หอกสวรรค์กระดูกมังกร?” จางเซวียนพลันนึกบางอย่างได้ เขาตัวสั่นด้วยความอัศจรรย์ใจ
เขาเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับนักปราชญ์โบราณหรันชิว จึงพอรู้เศษเสี้ยวของประวัติศาสตร์อยู่บ้าง หอกสวรรค์กระดูกมังกรเป็นอาวุธที่นักปราชญ์โบราณหรันชิวใช้สังหารเผ่าพันธุ์ปีศาจจากโลกอื่นอย่างดุเดือดเลือดพล่านจนได้รับฉายาว่าเทพเจ้าแห่งสงคราม แม้แต่ปรมาจารย์ขงก็ยังยกย่องอานุภาพอันไร้เทียมทานของมัน…
หรือว่ากระดูกมังกรที่เห็นอยู่นี่จะเป็นอาวุธในตำนานชิ้นนั้น?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาก็ตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกทางเดินนี้!
“ใช่!” โครงกระดูกมังกรตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นักปราชญ์โบราณหรันชิวได้สกัดกั้นพละกำลังของผมไว้ ดังนั้นประสิทธิภาพการต่อสู้ของผมในตอนนี้จึงอยู่ที่ระดับของนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น ขอแค่คุณเอาชนะผมได้ ผมก็เต็มใจจะกลับไปกับคุณ แต่ถ้าไม่…ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือมีภูมิหลังมาจากไหน ผมก็จะฉีกร่างของคุณเสีย ค่าที่บังอาจมาท้าทายผม!”
“ได้, ได้แน่นอน เป็นสิทธิ์ของคุณที่จะทำแบบนั้นได้ เพียงแต่…” จางเซวียนเงยหน้าขึ้นมองโครงกระดูกมังกรอีกครั้ง “อย่างที่คุณเห็น ผมเป็นแค่นักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด ในเมื่อตอนนี้คุณเป็นนักรบขั้นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผมก็ไม่มีทางเทียบชั้นกับคุณได้…คุณคิดจะลดระดับวรยุทธลงมาให้เท่ากับผมก่อนที่เราจะสู้กันหรือเปล่า?”
“คุณอยากให้ผมลดระดับวรยุทธลงมาให้เท่ากับคุณหรือ?” โครงกระดูกมังกรตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกความไม่พอใจ
“คุณถูกขังอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน ผมเชื่อว่าคุณคงปรารถนาที่จะได้เห็นโลกกว้างและได้สู้รบกับข้าศึกที่คู่ควร ตอนนี้ผมเป็นเพียงคนเดียวที่เลือกทางเดินนี้ และถ้าไม่มีใครอื่นเข้ามาอีกหลังจากตัวผม นั่นจะไม่หมายความว่าคุณจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปหรือ? นั่นจะเป็นจุดจบอันน่าเศร้าสำหรับอาวุธชั้นยอดอย่างคุณเลยนะ!” จางเซวียนพูดอย่างใส่อารมณ์
“ในเมื่อมันเป็นการดวล มันจะมีความหมายก็ต่อเมื่อเราทั้งคู่เท่าเทียมกัน จริงไหม? ไม่อย่างนั้น จะสนุกอะไรถ้าคุณเอาชนะได้ตั้งแต่กระบวนท่าแรก?”
โครงกระดูกมังกรลังเลเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“ตกลงตามนั้นนะ! คุณน่ะเป็นไม้ตายของนักปราชญ์โบราณหรันชิว เพราะฉะนั้น ประสิทธิภาพการต่อสู้ของคุณก็ต้องจัดว่าเป็นชั้นยอด ไม่มีทางที่นักรบผู้อ่อนด้อยอย่างผมจะเอาชนะคุณได้หรอก ต่อให้คุณลดระดับวรยุทธลงมาเท่ากับผมแล้วก็เถอะ!” จางเซวียนตั้งข้อสังเกตด้วยความชื่นชม “แต่ถ้าคุณไม่มั่นใจล่ะก็…ผมก็เกรงว่าจะช่วยอะไรไม่ได้”
“ฮึ่มมม! ต่อให้ผมลดระดับวรยุทธลง ก็ไม่มีทางแพ้คุณหรอก!” โครงกระดูกมังกรคำรามเพราะคำยั่วยุของจางเซวียน “ก็ได้ ผมจะลดระดับวรยุทธลงเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด!”
อันที่จริง โครงกระดูกมังกรก็รู้อยู่แก่ใจว่าจางเซวียนจงใจยั่วยุมัน แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ และมันก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องพ่ายแพ้ให้กับจางเซวียน
ฟึ่บ!
ครู่ต่อมา รังสีอันทรงพลังของหอกสวรรค์กระดูกมังกรก็ค่อยๆลดระดับลงจนเท่ากับระดับวรยุทธของจางเซวียน คือระดับเซียนขั้น 9 สูงสุด
“เอาล่ะ เริ่มกันเถอะ…”
หลังจากลดระดับวรยุทธแล้ว โครงกระดูกมังกรกำลังจะเปิดการโจมตี ก็พอดีกับที่ภาพตรงหน้ามันพร่าเลือนไป จากนั้น ชายหนุ่มที่เมื่อครู่ยังยืนอยู่ห่างออกไปก็มายืนตรงหน้ามันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วปล่อยหมัดเข้าใส่ส่วนหัวของมัน
“คุณ…”
เมื่อถูกโจมตีอย่างกะทันหันโดยที่ไม่ทันระมัดระวังตัว โครงกระดูกมังกรถึงกับเสียอาการไปเล็กน้อย มันฟาดหางอย่างแรงเพื่อเล่นงานชายหนุ่ม แต่พริบตาต่อมาก็พบว่าพื้นที่โดยรอบมันถูกสกัดกั้นเอาไว้ทั้งหมด ราวกับแม่น้ำที่แข็งตัว มันขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไม่ได้เลย
“ศาสตร์การสกัดกั้นมิติของนักปราชญ์โบราณชิวอู๋?” โครงกระดูกมังกรอุทานด้วยความตกตะลึง
พริบตาต่อมา มันก็รู้สึกเจ็บแปลบที่กะโหลก หมัดของชายหนุ่มพุ่งเข้าใส่ศีรษะของมันอย่างจัง
พลั่ก! พลั่ก! ตุ้บ!
ทั้งกำปั้นและลูกเตะรัวๆพุ่งใส่โครงกระดูกมังกรราวกับห่าฝน ทำให้เกิดความเจ็บปวดที่สะท้านไปทั้งตัว มันรู้สึกเหมือนถูกกระแสน้ำเชี่ยวเซาะอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้แทบยืนไม่อยู่ ไม่มีโอกาสที่จะตอบโต้เลย
ด้วยการโจมตีอย่างไม่ลดละนั้น ไม่เพียงแต่โครงกระดูกมังกรจะได้รับความบอบช้ำ จิตวิญญาณของมันยังสั่นสะท้านอย่างหนักด้วย
โครงกระดูกมังกรแทบคลุ้มคลั่ง หมอนี่ทรงพลังขนาดนี้ได้อย่างไร*?*