ตอนที่ 83-1 คนของเรา

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

“เนินเขาต้องพังทลายลงเพราะเจ้า” 

 

 

“พังทลายหรือเจ้าคะ” 

 

 

“มันต้องอาบไปด้วยเลือดก็เพราะเจ้า” 

 

 

คำพูดของหมอดูแก่นั้นกำกวม คำพูดของนางหาได้มีที่มาที่ไปใดไม่ กโยซึลไม่อาจเข้าใจคำพูดของนางได้เลย “เนินเขาหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน แล้วเหตุใดถึงพังทลาย เหตุใดต้องอาบไปด้วยเลือด” 

 

 

กโยซึลถามอีกครั้งด้วยความงุนงง ทว่ารูแฮก็เดินเข้ามาขวางหน้านางไว้ ใบหน้าของเขานิ่งสนิท เขาไม่ได้เพียงระแวงหมอดูแก่คนนั้น ทว่ายังแสดงออกว่ากำลังไม่พอใจอยู่มาก 

 

 

“รูแฮ?” 

 

 

“มันเป็นเพียงคำกล่าวเท็จที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ และไม่มีค่าอันใด” รูแฮพูดตัดอย่างเด็ดขาด  

 

 

แล้วเขาก็เดินเข้าไปหาหมอดูแก่คนนั้น รูแฮก้มตัวลงไปจนสบตากับนาง หลังจากนั้นก็พูดเตือนนางด้วยน้ำเสียงที่กดต่ำ “ท่านรู้อะไรหรือ หากท่านพูดจาเรื่อยเปื่อยล่ะก็…” 

 

 

“หญิงแก่ที่ได้แต่ยืนหลังค่อมอยู่ที่หัวมุมตลาดจะไปรู้อะไร เพียงพูดตามที่เห็นเท่านั้น” 

 

 

หมอดูแก่พูดขัดคำของรูแฮที่ฟังดูแล้วจะว่าเหมือนคำขู่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ หลังจากนั้นรูแฮที่พูดกดดันหมอดูแก่ด้วยน้ำเสียงตรงไปตรงมาและกดดัน พลันดวงตาก็เป็นประกายขึ้น พร้อมกับยื่นหน้าไปด้านหน้า 

 

 

“เจ้ารู้อันใดอยู่จริงๆ สินะ”  

 

 

ดวงตาวาววับ และริมฝีปากที่ฉีกยิ้มอยู่นั้นช่างน่ากลัว แต่ไม่นานเขาก็เอนตัวกลับไป หมอดูแก่ไม่ได้สนใจรูแฮมากนัก เพียงพูดคำหนึ่งกับเขา แล้วเบนหน้าไปทางอื่น 

 

 

“ยังเยาว์วัยนัก” 

 

 

หญิงแก่ที่อยู่ๆ ก็หันหน้าไปทางกโยซึลพูดขึ้น กโยซึลที่ไม่เข้าใจคำที่หมอดูแก่พูดได้ยืนกระพริบตา 

 

 

งงงวยอยู่อย่างนั้น แล้วรูแฮก็เขามายืนขวางระหว่างกโยซึลและหมอดูแก่ไว้ 

 

 

“นางกำลังพูดจาล่อลวงให้เราหลงเชื่อ” 

 

 

เดิมทีรูแฮนั้นไม่เชื่อเรื่อง ‘ดวงชะตา’ และไม่ชอบการดูดวงอยู่แล้ว เขารู้ว่ามันเป็นเพียงคำพูดไร้สาระ ทว่าในตอนนี้มันทำให้เขาไม่พอใจยิ่งนัก ด้วยความรู้สึกไม่ชอบมาพากลนี้ ทำให้รูแฮอยากจะไปจากที่นี่เสียตอนนี้เลย เขาจับมือกโยซึลกำลังจะเดินจากไป แต่หมอดูแก่ก็หาได้ใส่ใจ แล้วพูดขึ้นมาเร็วๆ ว่า 

 

 

“เพราะพยายามทำสิ่งที่ผิดแผกไปจากที่ควรจะเป็น มันถึงยุ่งยากวุ่นวายไปหมดเช่นนี้ เรื่องที่หากเพียงอดทนรออยู่เฉยๆ ก็จะเกิดขึ้นเอง ก็พยายามไขว่คว้ามันจนทำให้ทุกอย่างพังไปหมด หากหว่านแหแล้วก็ควรจะอดทนรอ เพราะรีบร้อนไขว่คว้าเงาของปลา รีบร้อนไขว่คว้าหยดน้ำที่กระเด็น รีบร้อนไขว่คว้ากระแสน้ำที่กระเพื่อมไหวโดยบังเอิญเพียงเพราะลมที่พัดผ่าน จึงทำให้แหพันกันยุ่งเหยิง ยิ่งทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปหมด คำที่ว่าผู้ที่ร้องหาจะได้พรนั้นใช้ไม่ได้กับเรื่องนี้” 

 

 

คำพูดของหมอดูแก่นั้นยากที่จะเข้าใจได้ นางใช้คำที่คลุมเครือ และคำพังเพยอย่างไร้ที่มาที่ไป ทว่ามันกลับรั้งฝีเท้าที่กำลังจะก้าวออกไปของรูแฮได้ดีนัก 

 

 

“แต่ก็ยังถือว่าเยาว์วัยมากนัก จะต้องทำสิ่งที่ต้องมีการนองเลือดอีกเป็นแน่ ต้องทำเรื่องที่จะต้องมาเสียใจและหลั่งน้ำตาในภายหลังอย่างไม่ลังเลเป็นแน่ เจ้าเป็นคนเลือกมันเอง คงเป็นเพราะไม่อาจทนกับความเหน็บหนาวได้สินะ จิ๊จิ๊” 

 

 

เสียงพูดของหมอดูแก่ค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ จนเกือบเป็นเสียงที่นางบ่นพึมพำอยู่คนเดียว นางจิปากอย่างแผ่วเบาราวกับเสียงลมหายใจ หลังจากที่นางพูดในสิ่งที่ตนต้องการพูดจบแล้ว หมอดูแก่ก็นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วห่อตัวพร้อมกับก้มหน้าลง นางนั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหวราวกับว่านางหลับไหลไปเสียแล้ว กโยซึลได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ 

 

 

ดวงชะตาอย่างนั้นหรือ คำพูดที่จะยากจะเข้าใจนั่น นางพูดกับกโยซึลและรูแฮอย่างนั้นหรือ คำพูดยืดยาวของหมอดูแก่ผู้นั้นคลุมเครือ ราวกับว่ามันคือการตำหนิติเตียน แต่ก็เหมือนกับเป็นเพียงการพูดบ่นเรื่อยเปื่อยเพียงเท่านั้น  คลุมเครือแม้กระทั่งไม่รู้ว่าผู้ที่นางพูดถึงนั้นคือผู้ใด จริงอยู่ที่ว่านางพูดขณะที่มองไปที่กโยซึล จริงอยู่ที่นางพูดกับกโยซึล ทว่าผู้ใดกันที่ยังเยาว์วัย ผู้ใดกันที่ไม่รั้งรอ ผู้ใดกันที่ทำให้เรื่องวุ่นวาย ผู้ใดที่ต้องอาบเลือด และผู้ใดกันที่ต้องเสียใจในภายหลัง ถึงแม้นางจะพูดต่อกัน ทว่าด้วยโทนเสียงที่คลุมเครือ และสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดนั้น ทำให้รู้ได้ว่าหมอดูแก่กำลังพูดถึงใครอยู่หลายคน 

 

 

ผู้ใดกัน 

 

 

“เนินเขา…” กโยซึลพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับกายที่สั่นสะท้าน 

 

 

เนินเขา เป็นเพียงคำเดียวที่บ่งบอกว่านางกำลังพูดถึงสิ่งใด หมอดูแก่เรียกรูแฮกับกโยซึลว่าฝนวิหค นั่นคือนกและสายฝน เช่นนั้นแล้วเนินเขาจะต้องไม่ได้หมายถึงพวกเขาทั้งคู่อย่างแน่นอน ดวงชะตาของกโยซึลกับรูแฮ แต่มีผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างนั้นหรือ ราวกับว่ามันกำลังบอกว่าชีวิตของทั้งคู่นั้นต้องเกี่ยวข้องกับใครบางคนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ขณะที่กโยซึลกำลังจมอยู่ในความคิดของตนมากขึ้นเรื่อยๆ และนางกำลังครุ่นคิดลึกลงไปเรื่อยๆ รูแฮก็ดึงนางมากอดไว้แน่น ทันทีที่กโยซึลเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของรูแฮ ความกังวลทั้งหมดที่ทำให้ตัวของนางสั่นเทิ้มก็พลันมลายไป 

 

 

“เจ้าอยู่กับข้ามานานเกินไปแล้ว อ่อนเพลียแล้วใช่หรือไม่ เรากลับกันเถิด” 

 

 

รูแฮกระซิบพูดอย่างอ่อนโยน น้ำเสียงใจดีที่ใช้ปลอบโยนกโยซึลนั้น ทำให้ความคิดทั้งปวงที่ชวนให้คลื่นไส้สลายไป กโยซึลทำเพียงพยักหน้าตอบรับเท่านั้น 

 

 

ยิ่งดึกความครื้นเครงภายในงานเฉลิมฉลองก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น คู่รักก้าวเดินออกจากที่แห่งนั้นด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง ระหว่างทั้งคู่ที่กำลังเดินเข้าไปในเส้นทางลึกลับนั้นหาได้มีเสียงพูดคุยใดไม่ การปลดปล่อยตัวตนนั้นทำได้ไม่ถึงหนึ่งวันก็ต้องจบลง ต้องจบมันลงอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนนี้นั้นไม่สามารถเรียกทั้งคู่ว่าคู่รักได้อีกแล้ว  

 

 

ทั้งคู่ต้องกลับไปอยู่ในสถานะที่ถูกมอบหมายให้ นั่นก็คือ กโยซึลที่เป็นชายาฮวางแทจา และรูแฮที่เป็น 

 

 

ฮวางเซจา 

 

 

*** 

 

 

ถึงแม้ว่าทั้งกโยซึลและรูแฮจะกลับมายังพระราชวังและแยกย้ายกันไปแล้ว ทว่างานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดก็ยังไม่จบสิ้น ขณะนี้ทั่วทั้งพระราชวังกำลังเต็มไปด้วยความรื่นเริง ทุกวังในพระราชวังนั้นเงียบสงบ เว้นแต่พระราชวังกลางที่กำลังยุ่งวุ่นวาย และด้วยเหตุนี้จึงทำให้การลอบพบกันนั้นง่ายขึ้น เพราะว่าหูตาที่ต้องคอยระแวดระวังนั้นลดน้อยลง กโยซึลและรูแฮไม่ปล่อยให้โอกาสทองเช่นนี้หลุดลอยไป ทั้งคู่แอบไปพบกัน และใช้เวลาด้วยกันในทุกวัน 

 

 

ทว่าในทุกๆ วันนั้น รูแฮดูแปลกไปยิ่งนัก หลังจากที่พวกเขากลับมาจากไปเที่ยวชมงานเฉลิมฉลองด้วยกัน ไม่สิ หลังจากที่พวกเขาได้พบกันหมอดูประหลาด และได้ฟังคำทำนายนั่น รูแฮก็เอาแต่มองกโยซึลด้วยแววตาเศร้าสร้อย ทุกครั้งที่พวกเขาหลบเลี่ยงเหล่าข้ารับใช้ในพระราชวังมาพบกัน รูแฮมักจะดูเป็นกังวล และกระวนกระวนกระวายใจ 

 

 

“เขาต้องยังคงเก็บมันไปคิดอยู่เป็นแน่”