มุ่งหน้าเข้าไปในภูเขาลึก

เทือกเขาหลงเฟิ่ง

ที่นี่เป็นดินแดนโบราณที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคทางเหนือ เหตุผลที่โด่งดังก็เพราะศึกมังกรหงส์ที่จัดขึ้นในเทือกเขาแห่งนี้

ตำนานเล่าว่าในสมัยโบราณมีมังกรและหงส์ฟ้าแท้จริงระเบิดการต่อสู้สะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นที่นี่ การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้เทือกเขาหลายแสนลี้ยุบตัวลงกลายเป็นพื้นราบ แม้แต่ท้องฟ้าก็แตกสลายไป

ในเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้าทรงพลัง มังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด ความทรงพลังนั้นเทียบเท่ากับจอมยุทธ์เทียนจื้อจุนเลยทีเดียว

การต่อสู้น่าตกตะลึงจบลงที่เทพอสูรทั้งสองหมดสิ้นลมหายใจ จุดที่ฝังร่างก็กลายเป็นเขตหลงเฟิ่ง ว่ากันว่าเขตหลงเฟิ่งนี้ถูกย้อมด้วยเลือดแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า ทำให้มีความพิเศษเป็นอย่างยิ่ง สมบัติมากมายที่ไม่สามารถหาได้จากภายนอกกลับพบในทุกที่ของเขตหลงเฟิ่ง

มากจนถ้าได้รับแก่นเลือดแท้จริงมา ก็จะสามารถชำระร่างมังกรแท้จริงและร่างหงส์ฟ้าแท้จริงได้จากการกลั่นนี้ หากทำสำเร็จละก็ ความอยู่ยงคงกระพันของร่างกายก็จะใกล้เคียงกับเผ่ามังกรและเผ่าหงส์ฟ้าเลยทีเดียว

ประเด็นสำคัญก็คือเลือดมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงยังมีพลังชีวิตทรงพลัง ซึ่งเป็นที่รู้ทั่วไปว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของเทพอสูรก็คือพวกมันมีพลังชีวิตที่มนุษย์ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ หากมนุษย์สามารถรับพลังชีวิตที่เหมือนกับพวกมันมา ก็จะเป็นประโยชน์ในการฝึกยุทธ์มหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย

นอกเหนือจากนี้ยังลือว่าในเขตหลงเฟิ่งมีมรดกที่มังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงซ่อนเอาไว้ภายใน หากได้ครอบครอง ก็เท่ากับกระโดดข้ามประตูสวรรค์ในก้าวเดียว

แต่หลายปีผ่านมา เขตหลงเฟิ่งเปิดไปแล้วหลายครั้ง ก็ไม่มีใครได้ยินชื่อคนที่ได้รับมรดกที่มังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงทิ้งเอาไว้เลย ดังนั้นจึงไม่อาจสรุปได้ว่าข่าวลือนั้นเป็นการกุขึ้นมาหรือเปล่า

แต่ไม่ว่าอย่างไร ทุกครั้งที่เขตหลงเฟิ่งเปิดตัว ไม่เพียงแต่อัจฉริยชนในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือจะลุกฮือ แม้แต่ขั้วอำนาจชั้นยอดนอกเขตภูมิภาคทางเหนือยังตาโต ส่งตัวแทนมาลงชิงชัยเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ศึกมังกรหงส์จึงกลายเป็นมาตรฐานทองคำที่ใช้ทดสอบจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือ สิ่งที่เรียกว่าบันทึกมังกรหงส์จึงได้เกิดขึ้น

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การเปิดศึกมังกรหงส์ทุกครั้ง ก็จะเป็นจุดสนใจของภูมิภาคทางเหนือ

มู่เฉินมุ่งหน้าสู่เทือกเขาหลงเฟิ่ง

เมื่อออกจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้ เขาก็มุ่งหน้าตรง แต่เนื่องจากที่นั่นตั้งอยู่ทางทิศเหนือของภูมิภาคทางเหนือ ด้วยระยะทางยาวไกล ไม่รู้ว่าต้องผ่านเขตแดนของขั้วอำนาจทรงพลังไปเท่าไร

แต่โดยทั่วไปการเดินทางครั้งนี้นับว่าราบรื่น บวกกับมู่เฉินใช้ความเร็วสูงสุด เขาจึงมาถึงพื้นที่ทางทิศเหนือในเวลาเพียงสองวัน

เมื่อใกล้เข้าไป มู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงจำนวนมากกำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน เห็นชัดว่าพวกเขามุ่งหน้าไปยังเขตหลงเฟิ่ง

เจ้าของคลื่นหลิงพวกนั้นยังมีอายุค่อนข้างน้อยและแข็งแกร่งพอตัว ทว่าพวกเขาก็ไม่ทำให้มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เพราะคนที่เขาเจอมาจนถึงตอนนี้อย่างมากก็แค่มีพลังสูสีกับสูชิงกับโจวเยี่ยเท่านั้น

มู่เฉินไม่คิดจะทำความรู้จักกับคนเหล่านั้น เขาเลือกหลบเลี่ยงแทน โดยเลือกเส้นทางภูเขาลึกสำหรับการเดินทางนี้ แม้ความเร็วจะถูกรบกวนโดยสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ในภูเขา แต่ก็ดีกว่าการมีเรื่องกับคน ทั้งยังสงบและสันตินัก จุดประสงค์หลักก็คือเขาต้องการความสงบสุขเพื่อที่จะศึกษาวิชาแสงบุปผาทำลายฟ้า

ราตรีปกคลุมผืนดิน

เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังครั้งคราวจากส่วนลึกของภูเขาสะท้อนออกมาในยามค่ำคืน

ประกายไฟลุกโชนในป่าทึบขณะที่ร่างสูงโปร่งนั่งหลับตาเงียบๆ บนฝ่ามือมีดอกไม้สีม่วงกำลังหมุนคว้างปล่อยแสงสีม่วงเข้มออกมา

ภายในดอกไม้สีม่วงเข้มราวกับมีข้อความโบราณผ่านทางฝ่ามือเข้าไปในร่างกาย มองเหมือนกับอักขระซับซ้อนเลือนราง

ร่างนี้ก็คือมู่เฉินที่เดินทางตัวคนเดียว ระหว่างสองวันนี้เขามุ่งหน้าเข้าไปในภูเขาลึก การทำความเข้าใจด้วยตัวเองก็ทำให้เขาได้รับประโยชน์บางอย่างมากขึ้นเช่นกัน

วงแสงสีม่วงคงอยู่เป็นเวลาสองชั่วโมงก่อนจะค่อยๆ จางหาย จากนั้นมู่เฉินก็เปิดเปลือกตาขึ้น เขามองดอกไม้สีม่วงในมือพร้อมกับพลิกฝ่ามือเก็บลงไป

“ช่างซับซ้อนอะไรแบบนี้… ต่อให้ข้าทำความเข้าใจความลึกซึ้งในอักขระเทพของดอกแมนดาลาโบราณในหน้ารายการนิรันดร์ได้ แต่ข้าก็สัมผัสได้เพียงผิวเผินบางจุดเท่านั้นเอง” มู่เฉินทอดถอนหายใจ วิชาแสงบุปผาทำลายฟ้าสมกับเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มยิ่งนัก ความยากในการฝึกฝนทำให้แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกปวดกะโหลกไปหมด

มู่เฉินพรูลมหายใจออกมาเบาๆ ข่มความคิดในใจไว้และตัดสินใจเข้าสู่สภาวะฝึกยุทธ์

“หือ?”

ทว่าขณะที่กำลังจะเข้าสมาธิ สีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไป เขาสะบัดมือดับกองไฟตรงหน้าพลางเคลื่อนตัวเข้าไปในความมืดราวกับแมวกระโจนผ่านป่าไปอย่างว่องไว

ผืนป่าปรากฏตรงหน้าจากนั้นครู่ใหญ่ มู่เฉินก็ร่อนกายลงบนต้นไม้ใหญ่เขียวชอุ่ม จากนั้นก็แหวกพุ่มไม้ออกมองไปข้างหน้า

เมื่อมองออกไป สีหน้าเขาก็อดชะงักค้างไม่ได้

ด้านนอกป่าเป็นทะเลสาบใสกระจ่างมีดวงจันทร์กลมโตแขวนอยู่บนฟ้า แสงจันทร์ส่องลงมาราวกับม่านสีเงินบนทะเลสาบ แต่สิ่งที่ทำให้มู่เฉินตะลึงไปไม่ใช่ทัศนียภาพนี้

ในทะเลสาบ ร่างขาวหิมะเปลือยเปล่ากำลังอาบน้ำด้วยท่วงท่าชดช้อย เรือนผมของนางราวกับม่านน้ำตกแผ่สยายบนผิวน้ำ จากมุมดังกล่าวมู่เฉินสามารถเห็นเสี้ยวหน้าของนาง ซึ่งเป็นเสี้ยวหน้าที่ทำให้มู่เฉินซึ่งคุ้นเคยกับการเห็นสาวงามต้องกลั้นหายใจ

นางมีคิ้วโค้งเรียว จมูกโด่ง ริมฝีปากสีแดงชาด ดวงตาดูราวกับหินแกรนิตเนื้อแก้วภายใต้แพขนตายาว นอกจากนี้บนผิวกายยังเปล่งประกายแวววาวอีกด้วย

มู่เฉินอดมองต่ำลงไปไม่ได้ เขาเห็นลำคอขาวผ่องสง่างามราวคอหงส์ ลาดไหล่เพรียวบางชวนน่าหลงใหล ส่วนที่อยู่ต่ำลงไปถูกน้ำในทะเลสาบบดบังไว้ แต่ก็เห็นส่วนโค้งเว้าได้เลือนราง

ในแง่ความสะคราญโฉม สตรีผู้นี้ติดสามอันดับแรกของสตรีที่มู่เฉินเคยเห็น ตามความคิดของเขาแม้แต่หงหยูจากแดนปีศาจที่มีความงามไม่เป็นสองรองใครในภูมิภาคทางเหนือก็คงแซงหน้านางไม่ได้

ซ่า!

ขณะที่มู่เฉินกำลังจ้องมองนาง น้ำในทะเลสาบเบื้องหลังนางก็เกิดเสียงซัดสาด ริ้วสีเจ็ดสีเคลื่อนตัวผ่าน ชั่วขณะต่อมาน้ำก็ระเบิดออก งูยักษ์เจ็ดสีพุ่งเข้าใส่หญิงสาวผู้นั้นทันที

เมื่อเห็นภาพนี้ สีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไปขณะที่กำลังจะพุ่งตัวออกไปโดยปฏิกิริยาตอบสนอง วินาทีต่อมาร่างเขาก็หยุดนิ่งลง

เพราะเขาเห็นหญิงสาวในทะเลสาบหัวเราะคิกคักเบาๆ เสียงหัวเราะของนางฟังดูราวกับไข่มุกกระทบบนถาดเงิน ทั้งใสและกังวาน นางโบกมือ งูยักษ์เจ็ดสีก็หดขนาดลงอย่างรวดเร็วจนมีขนาดเท่าฝ่ามือ จากนั้นก็ขดตัวอยู่รอบไหล่บอบบาง

ที่แท้งูเจ็ดสีตัวนี้คือสัตว์เลี้ยงของนางนี่เอง

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจลึกๆ ขณะที่กำลังจะจากไปเงียบๆ ดวงตาราวกับหินแกรนิตเนื้อแก้วดำสนิทก็ช้อนขึ้นมาจากทะเลสาบ

“เวร ถูกจับได้แล้ว”

หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวรีบกระโจนตัวหนีทันที

แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะมีความงามล้ำเลิศ แต่มู่เฉินรู้ว่านางไม่ใช่ธรรมดา ดังนั้นเขาไม่อยากท้าทายนาง

วาบ!

ความเร็วของมู่เฉินรวดเร็วมาก เขาทะยานออกไปพันจั้งในเวลาเพียงพริบตา แต่ทันใดนั้นร่างเขาก็แข็งทื่อเมื่อร่อนลงบนต้นไม้ใหญ่ เมื่อมองไปเขาก็เห็นเงาร่างในชุดดำอยู่บนกิ่งไม้ มองมาที่เขาพลางยิ้มตาหยี

นี่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีใบหน้าบอบบางและงดงาม รอยยิ้มบนใบหน้าอบอุ่นไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าทำไม ร่างกายของมู่เฉินกลับเกร็งขึ้นทันทีที่เห็น เนื่องจากเขารู้สึกถึงอันตรายน่าอึดอัดแผ่มาจากชายหนุ่มชุดดำ

“สหาย…ถ้าเจ้าหนีไปแบบนี้ ข้าจะถูกอัดเอานะ” ชายหนุ่มชุดดำเกาศีรษะส่งยิ้มจนใจให้มู่เฉิน ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า

ม่านตามู่เฉินหดเกร็งรีบถอยหนีฉับพลัน

วาบ!

ทว่าทันทีที่เขาถอยหนี ชายหนุ่มชุดดำก็มาปรากฏตัวตรงหน้าวางมือลงบนไหล่ของเขาเบาๆ ทันใดนั้นคลื่นหลิงในร่างของเขาก็หยุดเคลื่อนไหว

ดวงตาของมู่เฉินเผยความตกตะลึง พลังของชายหนุ่มชุดดำน่ากลัวอะไรเช่นนี้ คนคนนี่ไม่ใช่ชายหนุ่มอย่างที่เขาเห็นภายนอกแน่นอน

ชายหนุ่มชุดดำคว้าไหล่มู่เฉินไว้และเคลื่อนกาย เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ที่ริมทะเลสาบก่อนจะปล่อยตัวมู่เฉินลง

มู่เฉินตกใจก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ขณะที่กำลังจะพูด หญิงสาวชุดสีอ่อนก็เดินเท้าเปล่าบนผิวทะเลสาบมาหยุดอยู่ตรงหน้ามู่เฉิน

มู่เฉินได้เห็นเด็กสาวเต็มตา ไม่ นางควรเป็นหญิงสาวมากกว่า นางอายุยังน้อยแต่กลับมีเสน่ห์ตามธรรมชาติแผ่ออกมาจากหว่างคิ้ว ความไร้เดียงสาบวกกับเสน่ห์ทำให้นางดูน่าหลงใหลอย่างยิ่ง

ขณะที่หญิงสาวเดินเข้ามา ชายหนุ่มชุดดำที่เผยพลังน่ากลัวก็ยิ้มประจบขณะที่วิ่งเข้าไปเสนอหน้า “พี่ใหญ่ ข้าช่วยเจ้าไล่สัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ๆ ออกไปตอนที่เจ้านี่เข้ามา เจ้าอย่าตำหนิข้าเรื่องที่ไม่คุ้มกันให้ดีล่ะ!”

มู่เฉินอึ้งไป หญิงสาวที่ดูเยาว์วัยเป็นพี่สาวของชายหนุ่มที่มีพลังน่ากลัวคนนั้นน่ะหรือ? แต่คลื่นหลิงรอบตัวหญิงสาวคนนี้ ดูเหมือนจะไม่แข็งแกร่งไปกว่าตัวเขาเท่าไรเลย

หญิงสาวถลึงตามองชายหนุ่มชุดดำด้วยแววเย็นชาในดวงตาเย้ายวน ก่อนจะมองมู่เฉิน งูเจ็ดสีเลื้อยอยู่บนไหลขณะที่แลบลิ้นใส่มู่เฉิน

“เอ่อ…”

มู่เฉินไอแห้ง ขณะที่กำลังจะพูด หญิงสาวก็ยื่นมือออกมาเสียงใสกังวานที่ดังก้องในยามค่ำคืน กลับทำให้มู่เฉินแข็งค้างเป็นหินเลยทีเดียว

“เจ้ามีกลิ่นเลือดมังกรไฟโบราณอยู่กับตัว เอามาชดเชยให้ข้าห้าหยด”