ตอนที่ 1590 เคาะจังหวะสั่งการ

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1590 เคาะจังหวะสั่งการ Ink Stone_Fantasy

ฟุบ!

ขณะที่หนิงซื่ออวี๋บดโสมโลหิตสวรรค์อายุขัยจนละเอียด นิ้วชี้เย่หยวนเคาะที่พักแขนแผ่วเบาตามจังหวะคล้อยไป

สายตาของหนิงซื่ออวี๋พลันเหลือบมองจ้องพินิจอยู่บนนิ้วของเย่หยวนอยู่ตลอด

เมื่อเห็นเย่หยวนเคาะนิ้วให้จังหวะ เวลานี้เองร่างของนางก็เริ่มเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ

การเคลื่อนไหวของหนิงซื่ออวี๋ยังคงห่างไกลจากความคล่องแคล่วแบบซ่งฉีหหยาง ดูท่าทางของนางค่อนข้างเงอะงะ

เมื่อทุกคนเห็นภาพฉากนี้ต่างพากันอดประหลาดใจมิได้

ทักษะเงอะงะเช่นนั้นหรือจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ?

“หุหุ นังนี่มันเล่นตลกหรืออย่างไร? ทักษะแบบนั้นหรือยังต้องการจะเอาชนะข้าให้ได้?”

ซ่งงฉีหยางระเบิดหัวเราะกับตัวเอง

ตึก! ตึก! ตึก!

นิ้วชี้เย่หยวนยังคงเคาะเป็นจังหวะต่อเนื่อง ทันทีทันใดท่าทางการเคลื่อนไหวของหนิงซื่ออวี๋ก็แปรเปลี่ยนไปทันที

ศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ถูกสกัดออกมาจากโสมโลหิตสวรรค์อายุขัยเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่เครื่องคัดแยกเต๋าไม่หยุดหย่อน

แต่เดิมผู้ดูแลที่เป็นกรรมการท่านนั้นประเมินไว้ว่า หนิงซื่ออวี๋จะไม่สามารถผ่านรอบนี้ไปได้ ทว่าเวลาผ่านพ้นไป รูม่านตาดำของเขาพลันหดเล็กเท่ารูเข็ม จับจ้องหนิงซื่ออวี๋แสนเหลือเชื่อ

ผู้ดูแลคนนี้อยู่ใกล้กับหนิงซื่ออวี๋มากที่สุด จึงสัมผัสถึงกลิ่นอายของศาสตร์แห่งสวรรค์ที่ถูกสกัดออกมาได้ชัดเจน

ศาสตร์แห่งสวรรค์เหล่านี้มิได้กระจายสูญสลายออกมากนัก โดยส่วนใหญ่ล้วนถูกนำส่งเข้าเครื่องคัดแยกเต๋าโดยตรง

ตึก!

ตึก! ตึก! ตึก! ตึก!

ตึก! ตึก! ตึก!

นิ้วชี้เย่หยวนยังคงเคาะไม่หยุดหย่อน บางครั้นคราวเปลี่ยนจังหวะต่างออกไป

หากมองจากมุมมองคนนอกจะดูเหมือนว่าเย่หยวนกำลังเคาะที่พิงเล่นอย่างเบื่อหน่าย

แต่หนิงซื่ออวี๋กลับเคลื่อนไหวตามจังหวะของเย่หยวน และเปลี่ยนท่าทางไปต่อเนื่องไม่ซ้ำ

ขณะเดียวกัน ระดับเกณฑ์ของเครื่องคัดแยกเต๋ายังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!

สี่คะแนน!

ห้าคะแนน!

หกคะแนน!

เมื่อตรงถึงหกคะแนนมันกลับพุ่งไม่หยุดตรงสู่เจ็ดคะแนนโดยตรง!

ทุกคนต่างตกตะลึง ทักษะแปลกๆของหนิงซื่ออวี๋

เจ็ดคะแนนมันคือระดับปรมาจารย์ยอดฝีมือ!

ฝีมือการสกัดศาสตร์แห่งศาสตร์แห่งสวรรค์ของหนิงซื่ออวี๋เหนือชั้นถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

“อย่า…อย่าให้ถึงเจ็ดคะแนน! อย่าให้ถึงเจ็ดคะแนน!”

ซ่งฉีหยางร่ำร้องภายในใจด้วยความสิ้นหวัง หวังให้หนิงซื่ออวี๋หยุดมือโดยเร็ว

อย่างไรก็ตามแต่ หนิงซื่ออวี๋กลับมิได้มอบโอกาสให้แก่เขาเลย ระดับเกณฑ์วัดพุ่งไปถึงเจ็ดคะแนนโดยตรง!

อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่จบ!

หลังจากคะแนนพุ่งไปถึงเจ็ด ความเร็วก็เริ่มช้าลงจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า แต่มันยังคงไต่ขึ้นไปทีละนิด

ในที่สุดก็หยุดลงที่เจ็ดจุดสาม!

ทั้งบริเวณปราศจากสุ่มเสียงแสนเงียบงัน กินเวลานานกว่าห้าอึดใจค่อยมีเสียงอุทานไล่หลังตามมา

“เจ็ดจุดสาม! นี่มัน…วิปลาสเกินไป!”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…หนิงซื่ออวี๋จักไต่เต้าถึงขอบเขตปรมาจารย์แล้ว!?”

“นี่มันเหลือเชื่อเกินไป! จอมเทพโอสถสามดาวหรือจะสกัดศาสตร์แห่งสวรรค์ได้ถึงเจ็ดจากสิบส่วน?! แม้แต่จอมเทพโอสถสี่ดาวยังมีเพียงไม่กี่คนที่ทำได้!”

เกณฑ์ของเครื่องคัดแยกเต๋าคือ ยิ่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งขึ้นยากมากขึ้นเท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่ผ่านเกณฑ์ขีดที่หกขึ้นไป ขยับเพิ่มแม้แต่จุดเดียวนับว่ายากประดุจขึ้นสวรรค์

แม้บางคนที่ขึ้นกลายเป็นจอมเทพโอสถสี่ดาว และความเข้าใจต่อศาสตร์แห่งโอสถจะลึกซึ้งขึ้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่จะทะยานจากหกไปเจ็ดคะแนนทันตาเห็นเช่นนี้

แต่หนิงซื่ออวี๋กลับสามารถทำได้!

ความประหลาดใจถูกเขียนขึ้นทั่วทั้งใบหน้าของหรงซู แต่เดิมเขาเพียงต้องการพึ่งพาคะแนนที่สูงมากของซ่งฉีหยางเพื่อใช้ตบหน้าเย่หยวนกลางสาธารณชน

แต่ตอนนี้คะแนนของซ่งฉีหยางกลับกลายมาเป็นถังขยะต่อหน้าหนิงซื่ออวี๋ไปแล้ว!

ความตื่นตะลึงภายในใจของซวนอี้เองก็มิได้น้อยไปกว่าหรงซูเลยแม้แต่น้อย

เขาอดปากเอ่ยถามเย่หยวนมิได้เลยว่า

“ผู้อาวุโสเย่…ท่านทำได้อย่างไร?”

อย่างไรก็ตามสีหน้าของเย่หยวนในขณะนี้ดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย และแสดงทีท่าไม่พอใจ เขากล่าวว่า

“นี่อุตส่าห์อนุมานให้ดูต่อหน้ายังทำออกมาได้แค่นี้ นางทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”

กลุ่มผู้อาวุโสเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ชายคนนี้ตั้งใจเก๊กท่ากระมัง?

เจ็ดจุดสามคะแนน!

แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับบอกน่าผิดหวัง!

อันที่จริง พวกเขาไม่รู้เลยว่าการฝึกพิเศษของเย่หยวนที่มอบให้หนิงซื่ออวี๋นั้น มุ่งเน้นไปที่การประลองหอโอสถครั้งนี้โดยเฉพาะ

ในเวลาเพียงสิบวันมันมีน้อยเกินไปจริงๆ แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะพัฒนาให้ความแข็งแกร่งของหนิงซื่ออวื๋ทะยานขึ้นสู่ระดับแสนน่าสะพรึง

 แต่หากมุ่งเน้นแค่การคว้าชัยในงานประลองหอโอสถ เย่หยวนย่อมบันดาลให้หนิงซื่ออวี๋สมหวังได้อย่างง่ายดาย

ทักษะที่หนิงซื่ออวี๋ใช้ไปเมื่อครู่เป็นทักษะการเคลื่อนไหวที่ถูกเย่หยวนสร้างขึ้นสำหรับการแข่งนี้โดยเฉพาะ เพื่อสร้างแนวทางให้หนิงซื่ออวี๋ทำตามจังหวะของเย่หยวนให้รอดตลอดรอดฝั่ง

ทั้งหมดจะมีร้อนกระบวนเคลื่อนไหว เย่หยวนให้หนิงซื่ออวี๋ฝึกเช่นนี้วนไปโดยอาศัยการให้จังหวะของตน

จังหวะเคาะนิ้วของเย่หยวนเปรียบเสมือนรหัสลับให้แก่หนิงซื่ออวี๋ ทันทีที่นางได้ยินรหัสลับนี้น่าจะเปลี่ยนกระบวนดำเนินการแตกต่างกันไปตามที่เย่หยวนกำหนด ทั้งหมดก็เพื่อดึงศาสตร์แห่งสวรรค์ออกมาให้ได้มากที่สุด

เพียงว่าหนิงซื่ออวี๋กลับไม่สามารถทำตามเย่หยวนได้ทั้งหมด แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ไม่ต่ำกว่าเก้าในสิบส่วนจากที่เย่หยวนหวังผลไว้เช่นกัน

ความเข้าใจของเขาต่อศาสตร์แห่งโอสถ หาใช่สิ่งที่คนอื่นใดสามารถเปรียบเทียบกันได้โดยง่าย

จาการประเมินของเย่หยวน อย่างน้อยนางต้องได้เจ็ดจุดห้าคะแนน ทว่าผลที่ออกมากลับแค่เจ็ดจุดสาม ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่พอใจเช่นนี้

ราวกับสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของเย่หยวน หนิงซื่ออวี๋ที่ยืนอยู่บนเวทีพลันแลบลิ้นออกมาประดับท่าทีเขินอาย

การสกัดคุณสมบัติสมุนไพรยังคงดำเนินต่อไป หนิงซื่ออวี๋ยามนี้กลับสู่สภาวะสมดุลมีสมาธิจดจ่อ ประสิทธิภาพในการสกัดจักจั่นหยกอมตะดีกว่าก่อนหน้ามาก

ในที่สุดผลลัพธ์ของจักจั่นหยกอมตะของหนิงซื่ออวี๋ก็ออกมาอยู่ที่ เจ็ดจุดห้า!

สีหน้าการแสดงออกของซ่งฉีหยางยิ่งบิดเบี้ยวน่าเกลียดจนร้อนผ่าว ราวกับกำลังถูกใครบางคนกระหน่ำตบหน้า

ก่อนหน้านี้เขายังคงเป็นเขาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ คิดไปว่าชัยชนะในรอบที่สองจักต้องตกเป็นของเขาแน่นอน

ในไม่ช้า ผลคะแนนของสมุนไพรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชนิดที่สามก็ออกมา

เจ็ดจุดห้า!

คะแนนรวมของหนิงซื่ออวี๋อยู่ที่ยี่สิบสองจุดสามคะแนน!

เมื่อเทียบกับของซ่งฉีหยางแล้ว ของนางสูงกว่าตั้งห้าคะแนนเต็ม!

ห้าคะแนนนี้กล่าวได้ว่าเป็นช่องว่างความแตกต่างที่ไม่มีสิ่งใดทดแทนได้

“เหลือเชื่อโดยแท้! สาวน้อยนางนี้คือหนิงซื่ออวี๋จริงๆรึ?”

“ผู้อาวุโสเย่น่าเกรงขามปานนั้นเชียว? ใช้เวลาแค่ไม่เท่าไหร่ก็สามารถสอนหนิงซื่ออวี๋ได้ถึงระดับนี้?”

“ศิษย์เชื้อสายของผู้อาวุโสใหญ่ ต่างไม่เหลือหน้าไว้มองใครได้แล้ว”

เย่หยวนเหลือบมองหรงซูด้วยรอยยิ้มที่มิใช่รอยยิ้มและกล่าวว่า

“ผู้อาวุโสใหญ่ สงสัยเสียว่าผลลัพธ์เช่นนี้ท่านยังมีอะไรกังขาอีกหรือไม่?”

ผู้อาวุโสใหญ่เผยสีหน้าเคร่งขรึม ขณะกล่าวว่า

“เจ้าหนุ่มอย่าเพิ่งลำพองใจไป! ในวันนี้เจ้าจักต้องประเผชิญพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่!”

เย่หยวนยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้นและกล่าวว่า

“ผู้อาวุโสใหญ่ราวกับเห็นข้าเป็นคนเอาแต่ใจกระมัง? ข้าเพิ่งขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสทว่าศิษย์ของท่านกลับห่อปัญหาให้ข้า ไฉนตอนนี้กล่าวราวกับข้าเป็นฝ่ายผิดกัน?”

ผู้อาวุโสใหญ่อดสำลักมิได้ ตะคอกเสียงเย็นตอกกลับไปว่า

“เจ้าหนุ่มอย่าอวดดีไป! เจ้ากับข้ายังมีนัดประลองกันอยู่!”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ฮ่าๆ ข้าเองก็รอไม่ไหวแล้ว”

ทั้งสองต่างฟาดฟันกันด้วยฝีปากอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน ส่วนเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆกลับนั่งเงียบเสมือนจักจั่นกลางฤดูหนาว

ผู้อาวุโสคนใหม่ใจถึงพึ่งได้โดยแท้

แม้แต่ผู้อาวุโสรองยังไม่กล้าต่อฝีปากกับผู้อาวุโสใหญ่ แต่เขาคนนี้กลับหาญกล้ายิ่งนัก!

ส่วนเรื่องที่ว่าเย่หยวนมีความสามารถจริงๆหรือไม่ ยามนี้ทุกคนยังเผยท่าทีสงสัยไม่คลายอ่อน

หากไม่เห็นกับตาตนเองคงยากที่จะเชื่อว่า จอมเทพโอสถสามดาวจะสามารถเอาชนะผู้อาวุโสใหญ่ได้จริงๆ

สำหรับหนิงซื่ออวี๋ พวกเขายังเชื่อเสียมากกว่าว่า เป็นผู้อาวุโสรองเองที่ใช้กลยุทธ์บางอย่างสั่งสอนศิษย์ตนเองจนเก่งขึ้นทันตาปานนี้

…………………………………