บทที่ 2029+2030

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2029 หึงหวง 3

ตี้ฝูอีกระตุกมุมปาก “ข้าไม่ชอบกินร่วมกับผู้อื่น!” เขาลุกขึ้นยืน พลางโยนขวดยาใบหนึ่งให้กู้ซีจิ่ว “ในนี้คือยารักษา อีกครึ่งชั่วยามให้หลังก็ใช้ซะ”

เขาร้องเรียกไป๋เจ๋ออีกครา “พวกเราไปกันเถอะ”

กู้ซีจิ่วทำอะไรไม่ถูกเลย

ไป๋เจ๋อกลับเข้าอกเข้าใจผู้อื่นดี มันมองออกว่าสภาพอารมณ์ของนายน้อยตนไม่ใคร่ถูกต้อง…

ย่อมไม่สนใจกินปลาย่างต่อแล้วเช่นกัน ลุกขึ้นมา “ได้”

มันมองสองคนนั้นแวบหนึ่ง เน้นมองไปที่กู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบ “แม่นางกู้ นายน้อยของบ้านข้าเพื่อจะขอยารักษามาให้ท่านแล้ว สามวันมานี้ทุ่มเทเดินทางสุดชีวิต แม้แต่เวลากินอาหารยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ…”

หัวใจกู้ซีจิ่วกระตุกวูบ เมื่อครู่เธอเพียงรู้สึกว่าตี้ฝูอีเจ้าอารมณ์เหมือนเด็กน้อยไปบ้าง เจตนาจับผิด ดังนั้นถึงได้ทำเป็นมองไม่เห็นตอนที่เขาไม่ดื่มน้ำแกง อยากจัดการนิสัยจู้จี้นี้ของเขา

กลับนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะก้าวจากไป ตอนนี้พอได้ยินไป๋เจ๋อกล่าวเช่นนี้ จึงสำนึกเสียใจขึ้นมาบ้าง ขณะที่เธอกำลังจะพูด หลงซือเย่เอ่ยขึ้นว่า “ที่แท้ฝ่าบาทก็ไม่ชอบกินร่วมกับผู้อื่น เช่นนี้ก็ง่ายแล้ว ให้ข้าจัดพ่อครัวส่วนตัวสำหรับเตรียมอาหารให้แก่ฝ่าบาทโต๊ะหนึ่งเป็นอย่างไร?”

“ไม่ต้องแล้ว” ตี้ฝูอีเอ่ยออกมาสามคำ กระโจนขึ้นสู่หลังไป๋เจ๋อที่กลับคืนร่างเดิมแล้ว “พวกเราไปกันเถอะ”

ไป๋เจ๋อบินจากไปแล้ว พริบตาเดียวก็กลายเป็นจุดแสงสายหนึ่งเลือนหายไปเลย

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน

เธอยังถือขวดยาใบนั้นไว้ในมือ หลุบตาลงเล็กน้อย ไม่ทราบเช่นกันว่าคิดอะไรอยู่

“ถึงอย่างไรฝ่าบาทเนี่ยนโม่ก็ยังเยาว์วัย มีนิสัยเจ้าอารมณ์ ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่จริงๆ ซีจิ่ว เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย” หลงซือเย่ปลอบใจเธอ

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็หงุดหงิดใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอรู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจว่ากล่าวหลงซือเย่ได้ แต่ว่า…

“เขาไม่ใช่เด็กแล้ว! เขาเป็นผู้ใหญ่ตั้งแต่สามขวบ! ครูฝึกหลง อย่าได้มองเขาเป็นเด็กอยู่ตลอด!”

น้ำเสียงเธอค่อนข้างหนักหน่วง หลงซือเย่ผงะไป มองดูเธอ “ซีจิ่ว เจ้าโกรธหรือ? ทำไมล่ะ?”

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน เธอก็รู้สึกเช่นกันว่าเพลิงโทสะนี้ของตนค่อนข้างประหลาด

เธอถอนหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “ข้าไม่เก็บมาใส่ใจหรอก เอาล่ะ ข้าเหนื่อยแล้ว ครูฝึกหลง ท่านก็ไปพักผ่อนเถอะ” จากนั้นหันหลังกลับเข้าเรือนไป

หลงซือเย่มองดูเงาหลังของนางจากไป เหม่อลอยอยู่บ้าง

หลายปีมานี้กู้ซีจิ่วสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด จัดการเรื่องราวได้เฉียบขาดกว่าผู้ใด น้อยมากที่จะสามารถกระตุ้นโทสะของนางได้ เรียกได้ว่าชมชอบโกรธาล้วนไม่แสดงออก

แต่ครั้งนี้อารมณ์ของนางคล้ายว่าจะไม่ปกติอยู่บ้าง เพราะอะไร?

….

ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะหลงรักตนเข้าจริงๆ แล้ว…

ท่าทางทุกอย่างของเขาคือกำลังหึงหวงอยู่จริง…

กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนเตียงในห้องนอน ก้มหน้ามองยารักษาในมือ ไม่อาจหลบเลี่ยงปัญหาข้อนี้ได้อีกแล้ว

เธอรู้ว่าตัวเองค่อนข้างผิดต่อตี้ฝูอี และทราบว่าสมควรตามไปเกลี้ยกล่อมเขา ทำอาหารให้เขากินสักมื้อ

แต่ว่า ตอนนี้ความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเป็นที่แน่นอนแล้ว อีกทั้งเธอก็ไม่อาจตอบรับเคลื่อนไหวได้

ฉากที่เคยพบพานเหล่านั้นแวบเข้ามาในสมอง เธอหลับตาลงเล็กน้อย คนที่เธอชอบคือหวงถู ยามนี้ผู้ที่มุ่งมาดต้องการจะฟื้นคืนชีพให้ก็คือหวงถู หวงถูสิ้นชีพเพื่อเธอ ยามนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีความหวังในการฟื้นคืนชีพให้เขา แล้วเธอจะปันใจเป็นอื่นไปได้อย่างไร?!

ดังนั้น ไม่ว่าตี้ฝูอีจะเป็นเด็กหรือไม่ ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาล้วนถูกลิขิตไว้แล้วว่าไร้วาสนา ไม่อาจตอบรับได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรให้ความหวังใดๆ แก่เขา…

มิเช่นนั้นจะเป็นการทารุณต่อเขาอย่างแท้จริง

ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงตัดสินใจไม่ไปหาเขา ปล่อยเขาไปสักพัก ให้เขารู้ว่าเธอไม่มีความคิดในเชิงนั้นกับเขา…

เธอไม่อาจปล่อยให้เด็กคนนี้มาจมปลักอยู่กับเธอได้!

————————————————————–

บทที่ 2030 หึงหวง 4

ส่วนภารกิจของเธอ ก็ปล่อยไปก่อนชั่วคราว รอให้เขาเข้าใจอย่างสมบูรณ์แล้ว เห็นเธอเป็นเพียงสหายธรรมดา เธอค่อยหาทางกระตุ้นฝึกฝนวรยุทธ์ให้เขา…

เธอคิดได้กระจ่างแจ้งยิ่งนัก แต่ในใจยังไม่สบายใจอยู่บ้าง

แปลกจัง ชีวิตนี้เธอปฏิเสธอผู้ที่มาตามตื้อไปมากมายปานใดแล้ว ล้วนไม่รู้สึกร้อนรนอันใดเลย ทำไมหนนี้ถึงเกิดจิตใจรู้ผิดชอบชั่วดีขึ้นมาได้?

หรือเป็นเพราะเขาคือเด็กคนหนึ่ง? เป็นเพราะเขาคือคนที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาคนที่มาตามตื๊อ?

อาจเป็นไปได้!

กู้ซีจิ่วส่ายหน้า ไม่ขบคิดปัญหาเหล่านี้อีก กินยารักษาเม็ดนั้นเข้าไป จากนั้นนั่งสมาธิโคจรพลัง

เป็นยารักษาที่ตรงอาการจริงๆ เมื่อยาออกฤทธิ์ อาการบาดเจ็บของเธอดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม อาการของเธอหายดีกว่าครึ่งแล้ว

เธอยืดเอวบิดขี้เกียจทีหนึ่ง เอนกายนอน ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

….

เธอฝัน

ในฝันมีกลุ่มหมอกควันสีขาว เธออยู่ท่ามกลางหมอกขาวเพียงลำพัง รอบข้างไม่ปรากฏทางออกใดๆ

เธอชะงักไปครู่หนึ่ง เริ่มสาวเท้าก้าวไปด้านหน้า

เธอฝันแบบนี้อยู่บ่อยๆ เธอรู้ว่าตัวเองอยู่ในความฝัน ถึงขั้นที่รู้ด้วยว่าตนจะได้เห็นอะไรในหมอกขาวนี้

ใช่จริงๆ หลังจากเธอเดินอยู่ครู่หนึ่ง หมอกขาวก็ค่อยๆ สลายไปบางส่วน เงาร่างในชุดม่วงสายหนึ่งปรากฏวูบไหวอยู่ไกลๆ เป็นเช่นเดียวกับที่ผ่านมา เธอมองเห็นรูปพรรณสัณฐานของเงาร่างนี้ไม่ชัดเจน เป็นเพียงก้อนสีม่วงพร่าเลือนกลุ่มหนึ่ง

เขาคงจะเป็นหวงถูกระมัง?

เพียงน่าเสียดายที่ตนไม่เห็นรูปโฉมของเขาชัดๆ ถึงขั้นที่มองไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาสูงหรือเตี้ยอ้วนหรือผอม…

กู้ซีจิ่วยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ไม่ได้ก้าวต่อไป

เนื่องจากเธอรู้ว่าเธอไม่อาจก้าวไปถึงเบื้องหน้าเขาได้ เคยไล่ตามในความฝันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ผลคือยิ่งไล่ตามก็ยิ่งห่างออกไป จนกระทั่งเงาร่างของเขากลืนเข้าไปในหมอกขาวอย่างสมบูรณ์

หนนี้เธอมีสติกว่าเดิม ไม่คิดจะกระทำเรื่องไร้ประโยชน์เช่นนี้แล้ว เพียงยืนมองเขาอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงคือ เงาร่างชุดม่วงในม่านหมอกกลับมีทีท่าว่าจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

หัวใจกู้ซีจิ่วพลันเต้นแรงขึ้นมา!

เงาร่างนี้…ค่อนข้างคล้ายตี้ฝูอี!

หัวใจเธอเต้นโครมครามในทันใด ในที่สุดก็ทนไม่ไหวก้าวเข้าไป “หวงถู?”

เดิมทีร่างนั้นหันหลังให้เธออยู่ แต่ค่อยๆ หันกายมาช้าๆ…

กู้ซีจิ่วกลั้นหายใจทันที!

ตี้ฝูอี! คนที่อยู่เบื้องหน้านี้คือตี้ฝูอี!

เขาเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อยมองดูเธอ นัยน์ตาดุจน้ำพุลึกล้ำ จู่ๆ ก็ยิ้มแวบหนึ่ง “เด็กน้อย…” น้ำเสียงกระจ่างดั่งหยก

หัวใจกู้ซีจิ่วเสมือนถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบเข้าใส่! อ้าปากเล็กน้อย “ท่าน…” จู่ๆ ความขมขื่นฝาดเฝื่อนกลุ่มหนึ่งก็เอ่อท้นขึ้นมา ความฝาดเฝื่อนนี้พุ่งขึ้นสู่ลำคอ เสมือมีไข่เป็ดติดอยู่ตรงนั้น เธออยากร้องไห้ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

วินาทีต่อมา เธอถูกเขารั้งเข้าสู่อ้อมอก เขาโอบกอดเธอไว้แนบแน่นปานนั้น ราวกับต้องการผสานเธอเข้าไปในกระดูก

เธอหายใจไม่ออกอยู่บ้าง สติก็เริ่มพร่าเลือน ลืมเลือนไปชั่วขณะว่าเป็นความฝันหรือความจริง กอดเอวเขาไว้แน่น สัมผัสได้รางๆ ว่าเขาก็คือคนที่ตนตามหา จึงเงยหน้ามองเขา “ท่าน…ในที่สุดท่านก็หวนกลับมาได้แล้วใช่ไหม?!” ความคับข้องหมองใจในใจท่วมท้นอย่างน่าประหลาด ทำให้เธออยากร้องไห้ออกมา

เขาถอนหายใจเบาๆ จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ทาบทับลงมา!

จุมพิตของเขาดั่งพายุฝนโหมกระหน่ำ เต็มไปด้วยความปรารถนาอันหนักหน่วง สูบกลืนเธออย่างสิ้นเชิง และทำให้สมองของเธอมีเสียงดังหึ่งๆ

จุมพิตของเขาร้อนแรงเกินไป ร่างกายของเธออ่อนยวบยาบ อยู่ในอ้อมอกเขาแทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว

ท่ามกลางจุมพิตอันร้อนแรง เสื้อผ้าของเธอถูกเลิกขึ้น จุมพิตของเขาดุจเงาที่เคลื่อนไปตามร่าง จุมพิตลงบนจุดอ่อนไหวของเธอ

หัวใจเธอเต้นรัว ขัดขืนเขาตามสัญชาตญาณ “ไม่ อย่า…”

“ซีจิ่ว เดิมเราก็เป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว ข้าคิดถึงเจ้า…” เขาจับมือเธอไว้ ดวงตาดั่งบึงน้ำลึก สุกสกาวดุจดารา

—————————————————-