ตอนที่ 627 แม่สื่อแม่ชัก / ตอนที่ 628 ข้าทำเพื่อเจ้า

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 627 แม่สื่อแม่ชัก 

 

 

 

 

 

เมื่อถูกท่าทีนิ่งเฉยของอวี้อาเหราโจมตีเช่นนี้แล้ว ในใจของฉู่ป๋ายก็อัดอั้นไปด้วยความโกรธ 

 

 

หรือว่า…นางจะไม่เข้าใจจริงๆ? 

 

 

อวี้อาเหราสบถออกมา “เป็นอย่างไรเล่าเซิ่นซื่อจื่อ เจ้าคิดว่าอย่างไร” 

 

 

“ก็ได้” เหนือความคาดหมาย ฉู่ป๋ายก็พยักหน้าออกมาตรงๆ เช่นนี้ เลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “เรื่องนี้เจ้าก็เป็นคนพูดเองนะ เอาไว้พรุ่งนี้ข้าก็จะเรียกคนที่เจ้าพูดถึงมาให้หมด ดูสิว่าเจ้าจะทำหน้าที่แม่สื่อแม่ชักให้ข้าได้อย่างไร” 

 

 

“…” ก็ไม่อย่างไรหรอก! อวี้อาเหราสบถในใจ 

 

 

เมื่อครู่นี้นางเพียงแค่พูดเล่นเท่านั้น ไหนเลยจะถือเป็นจริงเป็นจังเช่นนี้ได้? คนผู้นี้ก็ช่างกล้าพูดยิ่งนัก ไม่กลัวว่านางจะคิดจริงหรืออย่างไร หากเขาจะแต่งงานกับอวิ๋นเซิ่นหรือจวินเสวียนจี แล้วอยากจะให้นางเป็นแม่สื่อหรือ อย่าได้คิดเลย! 

 

 

น้ำเสียงของฉู่ป๋ายก็เย็นชาขึ้นกว่าเดิม “ในเมื่อเจ้าไม่อยากเป็น นับแต่นี้ไปเจ้าก็ห้ามพูดเช่นนี้อีก” 

 

 

อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้น มองท่าทีเย็นชาของเขาแล้วถึงค่อยเข้าใจขึ้นมา เมื่อครู่นี้เขาเพียงตั้งใจพูดขึ้นมาเพื่อให้นางยกเลิกความคิดที่จะเป็นแม่สื่อแม่ชัก เมื่อเห็นเช่นนี้แล้วนางก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร นางแค่นเสียงใส่คำพูดของฉู่ป๋าย ไม่รู้ว่าจะตอบเขาอย่างไร จึงจำต้องยอมรับเท่านั้นเอง 

 

 

ฉู่ป๋ายเมื่อเห็นท่าทียอมจำนวนของนางแล้ว ก็พูดต่อไปว่า “ตกลงวันนี้เจ้าคุยเรื่องอะไรกับหนิงจื่อเย่กันแน่” 

 

 

อวี้อาเหราเงียบไป เรื่องนี้ อย่างไรเสียนางก็ไม่บอกเขาแน่ 

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นนางเงียบไป ในใจก็นิ่งงัน จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “แล้วพวกเจ้ามีเรื่องอะไรกัน” 

 

 

“เรื่องอะไร…” อวี้อาเหราถามกลับ ชั่วขณะนั้นนางก็ชะงักไป ไม่เข้าสักเท่าไรว่าเหตุใดเขาถึงได้ถามออกมาเช่นนี้ 

 

 

“พวกเจ้ากำลังแอบทำเรื่องอะไรกันอยู่หรือ?” ฉู่ป๋ายถามต่อ 

 

 

อวี้อาเหราหัวเราะออกมาเสียงดัง “เจ้าวางใจเถิด ไม่ได้ทำอะไรกันเลย” 

 

 

“จริงหรือ?” ฉู่ป๋ายเห็นนางยิ้มแย้มอย่างรื่นเริง ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อถือนัก แต่ก็ไม่อาจหาเหตุผลอะไรมาหักล้างได้ เขาจึงจำต้องเชื่อ  

 

 

รถม้ายังคงเคลื่อนที่ต่อไปข้างหน้า อวี้อาเหราถูกความสั่นสะเทือนของรถทำเอาเวียนหัวเสียแล้ว 

 

 

ฉู่ป๋ายเห็นนางไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก จึงออกปากกับหานสือว่า “เจ้าหยุดรถที” 

 

 

หานสือรีบหยุดรถในทันที จากนั้นก็พลิกตัวลงจากหลังม้า เลิกม่านขึ้น มองไปทางฉู่ป๋ายและอวี้อาเหราที่นั่งเกยกันอย่างใกล้ชิดด้วยความรู้สึกคาดไม่ถึง ที่จริงพวกเขาก็ไม่ได้นับว่านั่งคลอเคลียกันใกล้ชิดถึงเพียงนั้น เพียงแต่นั่งใกล้กันอยู่บ้างก็เท่านั้น เพราะเช่นนั้นคนที่พบเห็นจึงรู้สึกว่าช่างใกล้ชิดกันเสียเหลือเกิน ทั่วทั้งรถเกิดบรรยากาศที่บรรยายไม่ถูกอยู่บ้าง ฉับพลันสายตาของหานสือก็เห็นว่าอวี้อาเหรานั่งอยู่ตรงนั้นด้วยเสื้อผ้าหลุดลุ่ยออกมาครึ่งหนึ่ง 

 

 

ฉู่ป๋ายรู้สึกได้ถึงสายตาของเขา เช่นนั้นจึงได้มองไปทางอวี้อาเหรา ก่อนจะโบกชายเสื้อสีขาวเพื่อบดบังสายตาของเขา จากนั้นก็มองหานสือด้วยความโกรธเคือง “ออกไป” 

 

 

“…ขอรับ” หานสือรีบหลุบสายตาลงในทันที 

 

 

อวี้อาเหรากลอกตามอง เมื่อเห็นฉู่ป๋ายถลึงตาจ้องมองหานสือเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา 

 

 

เขาไม่ควรโกรธหานสือที่เป็นคนสนิทของเขามิใช่หรือ? 

 

 

มุมปากของฉู่ป๋ายเผยรอยยิ้ม “เจ้าอยากให้หานสือมองหรืออย่างไรกัน รีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย” 

 

 

“…” นางจะกล้ามีปากเสียงได้อย่างไร? 

 

 

อวี้อาเหราสังเกตได้ว่าสาบเสื้อด้านหน้าของตนเองยุ่งเหยิงหลุดลุ่ย ทันใดนั้นหน้าก็พลันแดงก่ำ ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกตัวมาก่อน เพราะอย่างนั้นจึงไม่รู้ว่าตัวเองมีท่าทีอะไรที่น่าอายตรงไหน ทว่าเมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ แม้แต่คนโง่ยังรู้เลยว่าพวกเขาทำอะไรกันในรถ 

 

 

แล้วหานสือจะคิดไม่ถึงเลยหรือ? 

 

 

นางจัดการเสื้อผ้าของตัวเองอย่างโกรธเคือง จากนั้นก็ถลึงตาจ้องมองฉู่ป๋าย 

 

 

หลังจากจัดการเสื้อผ้าเสร็จแล้ว นางก็ชะงักไป “เจ้าจะไปดูอาการป่วยให้บิดาของข้ามิใช่หรือ” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 628 ข้าทำเพื่อเจ้า 

 

 

 

 

 

“ใช่ ข้าก็กำลังตรวจอาการอยู่ แต่เมื่อนึกได้ว่าเกอเอ๋อร์ออกไปพร้อมกับเจ้า อีกทั้งเข็มเงินของข้าก็อยู่กับนาง เพราะอย่างนั้นจึงได้ออกไปหานาง แต่ใครจะคิดเล่าว่าจะพบเจ้ากับอวี้จื้อ…” เมื่อฉู่ป๋ายกล่าวเช่นนี้ก็ชะงักไป จากนั้นอวี้อาเหราก็ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เขาจึงยื่นมือออกไปรั้งร่างของนางเข้ามากอดแนบอก  

 

 

“เจ้าไม่กลัวว่าจะเกิดข่าวลือไม่ดีหรือ ที่ทำกับน้องชายแท้ๆ ของเจ้าเช่นนั้น…” 

 

 

“ปล่อยข้า” อวี้อาเหราได้ยินแล้วก็ไม่ยินดีนัก จ้องมองแขนของเขาที่กอดตัวของนางเอาไว้ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมที่จะปล่อยเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า นางก็ปวดหัวขึ้นมา นับตั้งแต่ที่นางโดนจูบ เขาก็กล้าที่จะทำเรื่องที่สนิทชิดเชื้อกับนางได้อย่างแนบชิดมากยิ่งขึ้น 

 

 

“ข้าอยากจะกอดก็กอด เจ้าผลักได้ก็ผลักสิ” ฉู่ป๋ายว่าขึ้นนิ่งๆ  

 

 

“เจ้า…เจ้านี่ช่าง…” อวี้อาเหราอายเสียจนไม่กล้าพูดออกมา หลังจากนั้นก็ถูกเขาปิดปากเอาไว้ 

 

 

“…”  

 

 

คำพูดทั้งหมดที่พูดออกมานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ทำได้เพียงกลืนคำพูดลงไป 

 

 

ผ่านไปเนิ่นนาน ฉู่ป๋ายถึงค่อยปล่อยตัวนางออก “ยังมีอะไรอยากจะกล่าวหรือไม่?” 

 

 

มีสิ! นางก็โกรธเสียจนอยากจะต่อยหน้าเขาหนักๆ สักครั้ง 

 

 

“ไม่มี” อวี้อาเหราส่ายหน้า 

 

 

ฉู่ป๋ายยิ้มอย่างพึงพอใจ ใช้มือลูบศีรษะของนางเบาๆ “ในเมื่อข้าเพิ่งจะสัมผัสเจ้าไป ถ้าอย่างนั้น…” 

 

 

“เจ้าสัมผัสข้าตอนไหนกัน? ก็แค่จูบเท่านั้นเอง” อวี้อาเหรายังมีคำที่ไม่ได้พูด ก็คือเพียงแค่โดนกัดเท่านั้น จะให้เขารับผิดชอบเลยหรือ? นางก็ไม่ได้หัวโบราณถึงเพียงนั้น เพียงจูบกัน ก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย 

 

 

เมื่อฉู่ป๋ายได้ยินนางพูดเช่นนี้ก็ไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเย็นชาขึ้นมาในทันที 

 

 

อวี้อาเหรามองไปที่เขา “พวกเรากลับไปที่จวนหลิงอ๋องกันก่อนเถิด เจ้าลากข้าออกมาเช่นนี้ ในจวนจะต้องวุ่นวายกันแน่ๆ พวกเราจะต้องรีบกลับไป เพื่อที่เสด็จพ่อจะได้ไม่เป็นกังวล” 

 

 

“เจ้ากลัวว่าหลิงอ๋องจะเป็นกังวล หรือไม่อยากอยู่กับข้า?” ฉู่ป๋ายถามขึ้นอย่างไม่เกรงใจ 

 

 

อวี้อาเหราชะงัก ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนไปเป็นยิ้มแย้ม “แน่นอนว่าต้องกลัวเสด็จพ่อเป็นกังวลสิ” 

 

 

“ยังไม่เย็นเลย ไม่จำเป็นจะต้องรีบกลับหรอก ออกไปเที่ยวกันเถิด” ฉู่ป๋ายเปิดม่านบนรถ เพื่อดูบรรยากาศด้านนอก แล้วเอ่ยกกับอวี้อาเหรา 

 

 

อวี้อาเหราที่ถูกบังคับเช่นนี้ แล้วนางจะไม่ยอมได้หรือ? 

 

 

หลังจากที่ลงจากรถแล้ว รถม้าก็ไปยังสถานที่บางแห่ง ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยสถานที่รกร้าง บางครั้งก็ได้ยินเสียงนกร้อง ไม่รู้จริงๆ ว่ามันมีอะไรน่าดู ลมหนาวเย็นพัดผ่านร่างของนาง อวี้อาเหราจึงกอดตัวเองขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว 

 

 

ฉู่ป๋ายมองไป แล้วเอ่ยออกคำสั่งกับหานสือ “เอาเสื้อคลุมกันลมตัวใหม่บนรถมาที” 

 

 

ผ่านไปไม่นาน หานสือก็นำผ้าคลุมกันลมสีแดงราวกับโลหิตออกมา มีแต้มรูปดอกเหมยอยู่ด้านบน ช่างงดงามสง่าเป็นที่สุด ฉู่ป๋ายรับเสื้อคลุมกันลมมา แล้วสวมให้อวี้อาเหราด้วยตัวเอง ก่อนถือโอกาสจัดการเส้นผมที่ยุ่งเหยิงของนาง หลังจากสวมแล้วก็เลิกคิ้วขึ้นมอง 

 

 

“เสื้อชุดนี้เหมาะกับเจ้าเสียจริง” 

 

 

“เจ้าทำขึ้นใหม่หรือ?” 

 

 

อวี้อาเหราเอ่ยถามขึ้น เพราะเมื่อครู่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น 

 

 

“ใช่” ฉู่ป๋ายพยักหน้าลง “ทำขึ้นเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะได้ใช้ จึงถือโอกาสนี้มอบให้เจ้าเสียเลย…” 

 

 

ใช่แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดช่างฟังดูเหมือนเรื่องบังเอิญยิ่งนัก 

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น หิมะห่าใหญ่จากท้องฟ้าก็ร่วงลงมา ปลิวปกคลุมบนร่างของคนทั้งสอง 

 

 

ผมสีดำ ชุดสีแดงอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ในนาทีนั้น โลกก็เปลี่ยนไปเป็นสวยงามมากยิ่งขึ้น 

 

 

หานสือมองพวกเขา แล้วถอยออกไปเงียบๆ