มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 508
อาจารย์สำนักฉางเหอไม่เต็มใจ ทั้งสองเจรจาเป็นเวลานาน หลัวซิวก็พูดตามเงื่อนไขของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ต่อให้กัดจนตายก็ไม่ยอมปล่อย

ตามคำพูดของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ หากเมื่อใดทีเขาเผลอผ่อนปรน อาจารย์สำนักฉางเหอก็จะรู้ได้ทันทีว่าคุณค่าของหินตรีภพนั้นมากยิ่งกว่านี้ จะหยิบยื่นความต้องการที่สูงขึ้นแท้จริงแล้วอีกฝ่ายก็ใช้วิธีนี้ เพื่อลองดูปฏิกิริยาของหลัวซิวเช่นกัน ใช้วิธีนี้เพื่อเก็งกำไรมูลค่าของหินตรีภพ

ในที่สุด อาจารย์สำนักฉางเหอก็ทำได้เพียงยอมรับราคานี้ ใช้หินตรีภพหนึ่งชิ้น เพื่อแลกกับยาระดับเจ็ดสี่เม็ด เดิมทีสามารถแลกได้ห้าเม็ด แต่หนึ่งในห้าเม็ดนั้น ต้องแบ่งออกมาให้หลัวซิวไปที่องค์กรนักล่ายุทธ์เพื่อประกาศภารกิจรางวัลนำจับ

“เหย ๆ มีเจ้าหินตรีภพที่ก้อนใหญ่กว่าเดิม การบรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์ ก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม!” ในใจหลัวซิวตื่นเต้นจนถึงขีดสุด

ตั้งแต่ผลการฝึกตนบรรลุถึงราชายุทธ์ ผลการฝึกตนของเขาก็ช้าลงเรื่อย ๆ หมดหนทางไปต่อ หากไม่มีสมบัติอย่างหินตรีภพปรากฏขึ้น การที่เขาจะบรรลุถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีอีกหลายปี

แต่อาจารย์สำนักฉางเหอที่คำนวณอยู่ในใจ ในมือของเขายังมีหินตรีภพก้อนสุดท้ายอยู่ ใหญ่กว่าอีกสองก้อนที่นำออกมา หากสามารถแลกกับยาระดับเจ็ดได้ นั่นก็คงจะได้ประมาณสิบเม็ด?

สามารถแลกได้สิบเม็ด นั่นหมายถึงหินตรีภพชิ้นสุดท้ายในมืออาจารย์สำนักฉางเหอ คือสองเท่าของหินชิ้นก่อนหน้านี้!

ในความเป็นจริงในใจของอาจารย์สำนักฉางเหอก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย ยาระดับเจ็ดสำหรับมกุฎยุทธ์ผู้แข็งแกร่งแล้วเป็นการดึงดูดที่ค่อนข้างจะไม่ธรรมดา หากสามารถได้รับยาระดับเจ็ดอีกสิบเม็ด เขาก็มีโอกาสที่จะบรรลุถึงแดนมกุฎยุทธ์ขั้นห้า หรือแม้กระทั่งแดนขั้นหก!

แต่อาจารย์สำนักฉางเหอกลับยับยั้งช่างใจเอาไว้ เขารู้สึกว่าความสามารถของหินตรีภพนั้นต้องไม่ได้มีเพียงเท่านี้แน่นอน

หลัวซิวยาวิเศษนำยาวิเศษระดับเจ็ดจำนวนมากมาจากคลังสมบัติที่องค์กรนักล่ายุทธ์ ส่วนมากสามารถนำมากลั่นยาเสวียนหยวนลายทองได้ ยาชนิดนี้สามารถยกระดับผลการฝึกตนพลังจิตแท้แดนมกุฎยุทธ์ได้ เป็นยาที่สำคัญที่สุดสำหรับการฝึกตนของมกุฎยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง

อาจารย์สำนักฉางเหอคนนี้ไม่ได้กลั่นร่างมกุฎยุทธ์ ที่จำเป็นมากที่สุดก็คือยาระดับเจ็ดชนิดนี้ที่สามารถยกระดับผลการฝึกตนพลังจิตแท้ได้

“ท่านอาจารย์น่าจะออกจากการปิดตนในอีกเจ็ดวันข้างหน้า อาจารย์สำนักฉางเหอสามารถรอได้หรือไม่?” หลัวซิวพูด

“ไม่มีปัญหา” อาจารย์สำนักฉางเหอพยักหน้า สำหรับการฝึกตนนับพันปีของเขาแล้วนั้น เวลาแค่เพียงเจ็ดวันก็แค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น

จากนั้น หลัวซิวก็กล่าวลา มาที่หอคอยฝึกตนใจกลางแดนตำหนักจื่อ

เพราะผลการฝึกตนถึงขีดจำกัดแล้ว หลัวซิวจะกลั่นยาระดับหก ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่ถ้าต้องการกลั่นยาระดับเจ็ด ก็จำเป็นต้องออกแรงอยู่บ้าง

ยาเสวียนหยวนลายทอง นี้เป็นครั้งแรกที่เขาจะกลั่น ดังนั้นจึงได้บอกเวลาไปประมาณเจ็ดวัน เพื่อเป็นการเผื่อเวลาให้ตัวเอง

ณ หอคอยฝึกตน หลัวซิวหยิบเอาเตาทยานนภามังกรคู่ออกมา จากนั้นก็ใส่ภูตอัคคีกลืนกินลงไปเพื่อทำให้เตาร้อน

ด้วยผลการฝึกตนของเขาในตอนนี้ การกลั่นยาระดับเจ็ดจำเป็นต้องทุ่มสุดตัว ตลอดทั้งกระบวนการไม่สามารถเกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย

ให้ระหว่างที่กำลังทำให้เตาร้อนนั้น เขาก็ได้หยิบเอาหินพลังจิตจำนวนมากออกมากองเต็มห้องลับ ในขั้นตอนการกลั่นยา เขาจะต้องใช้พลังจิตแท้จำนวนมหาศาล หากไม่สามารถเติมเต็มได้ทันเวลา ความพยายามทั้งหมดจะสูญเปล่า

สำหนรับยาระดับเจ็ด หลัวซิวเคยมีประสบการณ์กลั่นยาสลายร่างหลงหยางกับยาวาตะทองน้ำค้างหยก ในไม่ช้าเขาก็เข้าสู่สภาวะ มือคู่หนึ่งกลายเป็นเส้นความไวที่ไม่สามารถมองออกได้ด้วยตาเปล่า และใส่วิชายาหลายสายลงไป

สามวันถัดมา กลิ่นหอมของยาก็ลอยขึ้นมาจากเตากลั่นยา มุมปากของหลัวซิวเผยรอยยิ้มออกมา

เขาได้จัดสรรไว้เจ็ดวันเป็นการเผื่อเวลาให้ตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าใช้เวลาแค่เพียงสามวันก็สามารถกลั่นสำเร็จแล้ว

“เจ้าหนุ่มคนนี้ เป็นตัวประหลาดจริงเสียด้วย! ราวกับว่าเกิดมาก็สามารถกลั่นยาได้อย่างไรอย่างนั้น” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก็หมดคำจะพูด เขารู้ดีว่า ก่อนหน้านี้หลัวซิวไม่เคยกลั่นยาชนิดนี้มาก่อน

เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีนักกลั่นยาคนใดที่กลั่นยาชนิดนั้น ๆ เป็นครั้งแลกและประสบความสำเร็จ ถึงต่อให้มี ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะข้ามสองแดน เพื่อไปกลั่นยาระดับสูง!

สำหรับความคิดที่อิจฉาริษยาของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเช่นนี้ หลัวซิวเคยชินกับมันเสียแล้ว เพียงแต่ตนมีความทรงจำของปรมาจารย์กลั่นยาระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น9 เรื่องเช่นนี้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้