ตอนที่ 626: กานหยวน!

Crazy Leveling System

ตอนที่ 626: กานหยวน!

 

“ถึงแล้ว”

 

มีเสียงดังขึ้นเหมือนระเบิดดังในหูพวกเธอ ในตอนนี้เองพวกเธอก็พากันได้สติ พร้อมกับมองด้วยหน้าตาเหม่อลอย และก็พบว่าตรงหน้าของพวกเธอเป็นเขาลูกหนึ่งอย่างไม่คาดคิด

 

“นี่พวกเรามาถึงแล้ว?”

 

พวกเธอพากันตกใจ รู้สึกแค่แปบเดียว แต่กลับมาถึงแล้ว? ก่อนจะมา พวกเธอได้เตรียมตัวที่จะตายไว้แล้ว แต่ใครจะรู้ว่าจะมาถึงในพริบตา โดยที่พวกเธอยังไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ํา

 

“พวกเจ้าพากันปืนขึ้นไปที่ยอดเขาลูกนี้ มันไม่ได้ยากเท่าไหร่นัก” อี้เทียนหยุนเดินลงมาจากแพ ที่นี่ไม่มีผู้ฝึกตนอาศัยอยู่

 

ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาดูดกลืนเมฆดําเข้าไป ผู้ฝึกตนที่มาถึงที่นี่ก็สามารถปีนขึ้นไปได้อย่างง่ายดายด้วย ความยากที่ลดลง นอกจากผู้ที่มีระดับน่าผิดหวังเกินไปแล้ว ทุกคนล้วนแต่ปีนขึ้นไปได้

 

“ทะ ท่านคือมหาจักรพรรดิเทียนหยุนจริงๆ?” ติงชิงถามออกมา โดยที่คำพูดของเธอนั้นเปลี่ยนไปจากตอนที่เรียกเขาครั้งแรก

 

“อืม” อี้เทียนหยุนพยักหน้า จากนั้นก็จากมา ไม่รั้งอยู่ที่นี่ต่อ

 

ที่เขามาที่นี่ก็เพราะคิดว่าติงชิงเป็นคนดี จึงได้อํานวยความสะดวกให้สักหน่อย แต่ไม่ได้คิดที่จะไปยังโลกใต้พิภพด้วยกันกับพวกเธอ ยิ่งกว่านั้น ต่อให้ไปยังโลกใต้พิภพ ก็ไม่ได้ไปด้วยกันกับพวกเธออยู่ดี

 

ด้วยสภาพในปัจจุบันของเขา การจะไปยังโลกใต้พิภพถือเป็นเรื่องที่โหดร้าย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะพาคนอื่นไปด้วย

 

มองดูแผ่นหลังที่จากไปของอี้เทียนหยุน ติงชิงก็เหมือนมีอะไรจะพูด แต่ก็รู้สึกลังเล ทําได้เพียงมองดูแผ่นหลังของเขาค่อยๆ จากไปอย่างช้าๆ จนลับตาไป

 

“พี่ติง พวกเราไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เขาคือมหาจักรพรรดิเทียนหยุนจริงๆ… ได้ยินว่าการจะเจอกับเขานั้นยากมาก ขนาดคนของอาณาจักรเทียนหยุนเองยังไม่ได้เจอกับเขาบ่อยๆ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่ข้างกายพวกเรา”

 

“ใช่ โชคดีที่ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการไม่เคารพเขา ไม่อย่างนั้นคงเป็นเหมือนกับหลิวเต๋อนั่น ที่ถูกโยนลงไปในแม่น้ําใต้พิภพ”

 

“แต่ว่าเขาก็ร้ายกาจจริงๆ ใครจะคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นมหาจักรพรรดิจริงๆ? ดูเหมือนว่าจากนี้ไว้ข้าคงต้องระมัดระวังให้มาก ไม่เผลอไปทําให้ผู้เชี่ยวชาญที่ยังเด็กโกรธเข้า ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นปัญหาอย่างถึงที่สุด…”

 

พวกเขาพากันใจแป้ว ไม่กลําใจร้อนอีก ก่อนหน้านี้พวกเขาทั้งใจร้อนและอวดดี เมื่อนึกถึงหลิวเต๋อที่ถูกโยนลงไปในแม่น้ําแล้ว ก็อดไม่ได้ให้ตัวสั่น นี่เปรียบเสมือนกับฝันร้ายสําหรับพวกเขา

 

ติงชิงพยักหน้า แต่ก็ไม่พูดอะไร ตัวตนระดับนี้ไม่ใช่อะไรที่พวกเธอจะไปยุ่งเกี่ยวได้ ด้วยฐานะที่ต่างกันขนาดนั้น เธอเองยังไม่รู้เลยว่าทําไมถึงได้รับการปฏิบัติที่ดีขนาดนี้จากอีกฝ่าย

 

คนอื่นไม่รู้ มีแต่อี้เทียนหยุนที่รู้ สําหรับเขาแล้ว ในโลกที่โหดร้ายนี้ ติงชิงที่เป็นคนจิตใจดีคนหนึ่ง ถือว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง

 

อี้เทียนหยุนเดินกลับไปทางเดิม แต่ไม่ได้กลับไปจนถึงข้างนอก แต่มุ่งไปยังทางที่ก่อนหน้านี้มีหมอกแห่งความตายอยู่แน่นขนัด ตอนนี้หมอกแห่งความตายยังคงปกคลุมอย่างแน่นหนา แต่ว่าเขาก็ทําเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินเข้าไป

 

เหมือนว่าเขาไม่ได้เดินออกไปข้างนอก แต่กําลังเดินไปยังที่อื่นอย่างช้าๆ ดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีทาง และเขาก็เอาแต่ผืนเดินฝ่าเข้าไป จากนั้น ที่ตรงหน้าของเขาก็ปรากฏภูเขาลูกหนึ่งขึ้น

 

เขาไม่ได้เดินเลี่ยงไปทางอื่น แต่ว่าปีนขึ้นไปด้วยมือเปล่า สัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ๆ พากันร้องออกมา แต่ก็ไม่มีตัวใดกล้าเข้าใกล้ พวกมันสามารถสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงของอี้เทียนหยุน สัมผัสได้ถึงอันตราย ดังนั้นจึงไม่ได้กระโจนเข้ามา

 

อย่างรวดเร็ว อี้เทียนหยุนก็ปีนขึ้นไปถึงยอด ที่นี่ไม่มีหมอกแห่งความตายอะไร แต่ว่ามีกระท่อมอยู่หลังหนึ่งกระท่อมนี้ดูเก่า เห็นได้ชัดว่าไม่มีคนอาศัยอยู่ที่นั่นานแล้ว ภายใต้การเผชิญทั้งลมแลฝน จึงทําให้ตกอยู่ในสภาพนี้

 

เขาเดินเข้าไปพร้อมกับผลักประตูให้เปิดออกเบาๆ ข้างในเต็มไปด้วยฝุ่น ไม่รู้ว่าไม่มีคนอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว

 

“ดูเหมือนว่าผู้พิทักษ์จะจากไปแล้ว ไม่ได้เลือกที่จะปกป้องที่นี่….” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว จากความทรงจําที่ป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์ให้มา ที่นี่ควรจะเป็นที่ที่ผู้พิทักษ์อยู่

 

แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีคนอยู่ เห็นได้ชัดว่าคนได้จากที่นี่ไปนานแล้ว แต่ว่าจะไปที่ไหนนั้น ไม่แน่ใจนัก

 

ที่ทางผ่านใต้พิภพกลายเป็นสถานที่อันตราย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพราะไม่มีผู้พิทักษ์อยู่ดูแล จึงทําให้ค่ายกลจํานวนมากที่อยู่ที่นี่ไม่เหลืออยู่ ดังนั้น ภายใต้เวลาที่ร่วงผ่าน จึงได้กลายเป็นสภาพเป็นเขตอันตราย

 

หากว่าผู้พิทักษ์ยังมีชีวิตอยู่ ก็หมายความว่าอีกฝ่ายได้ละทิ้งหน้าที่จากคําสาบาน เขาจะต้องอยู่ปกป้องที่นี่ ไม่สามารถไปจากที่นี่แม้แต่น้อย จําเป็นต้องปกปักษ์ที่นี่รุ่นสู่รุ่น

 

แม้จะดูไร้เหตุผล แต่ก็ไม่ได้มีข้อจํากัดอื่นๆ ตราบเท่าที่ที่นี่ไม่มีปัญหา ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนก็จะไม่สนใจว่าพวกเขาจะไปที่ไหน ขอแค่ทําให้เส้นทางนี้ยังคงมันคงอยู่ก็พอ

 

แต่ตอนนี้เส้นทางได้กลายเป็นปั่นป่วนแบบนี้แล้ว ค่ายกลเคลื่อนย้ายสู่โลกใต้พิภพด้านบนก็ดูเหมือนจะซีดลงเล็กน้อย หากว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป เส้นทางนี้จะต้องหายไปอย่างแน่นอน

 

หากว่าคนได้ตายไปแล้ว ก็ไม่ได้ถือว่านี่เป็นการละทิ้งต่อหน้าที่ อี้เทียนหยุนทําการสํารวจที่นี่ รู้สึกว่าคนไม่ได้ตายไป เห็นได้ชัดว่าคนได้ทิ้งที่นี่ไป นี่ออกจะเป็นระเบียบ ไม่ได้มีโครงกระดูกแต่อย่างใด

 

ตัวคนไม่ได้ตายอยู่ที่นี่ ยิ่งกว่านั้นยังมีร่องรอยว่ามีเคยอาศัยอยู่ที่นี่มากกว่าหนึ่งคน

 

จากนั้นเขาก็เดินดูรอบๆ อยากจะดูว่ามีร่องรอยอะไรเหลือไว้บ้าง จนสุดท้ายก็เห็นป้ายวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งบนป้ายนั้นสลักคำว่า “กานหยวน” อยู่สองคำ

 

“กานหยวนนี้ หรือว่าจะเป็นอาณาจักรกานหยวน?” ในสายตาของอี้เทียนหยุนเผยร่องรอยแห่งความประหลาดใจอยู่หลายส่วน หากว่าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ งั้นก็คงเป็นเรื่องบังเอิญแล้ว

 

แม้ว่าเขาจะได้รับความทรงจํามา แต่ว่าเขาก็ไม่รู้จักชื่อของพวกเขา รู้แต่ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ถึงยังไงป้ายศิลาบรรพกาลสะกดสวรรค์ก็เป็นอาวุธ ไม่ใช่คน มันจึงรู้เรื่องราวเพียงคร่าวๆ เท่านั้น ไม่ได้รู้รายละเอียดทั้งหมด

 

ตอนนี้เมื่อเห็นตัวอักษร “กานหยวน” สองตัวนี้ ก็พลันรู้สึกสนใจขึ้นมา หากว่าเกี่ยวข้องกับอาณาจักรกานหยวนจริงๆ งั้นผู้พิทักษ์คนปัจจุบันก็ไม่ยินดีที่จะอยู่ที่นี่ แต่ออกไปสร้างอาณาจักรแทน!

 

ด้วยพลังอย่างพวกเขา การจะสร้างอาณาจักรขึ้นมาอาณาจักรหนึ่งย่อมไม่มีปัญหา การสร้างอาณาจักรนั้นไม่ใช่เรื่องสําคัญ ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนก็คงไม่เข้าไปแทรกแซง แต่ว่าต้องให้ความสําคัญกับทางผ่านใต้พิภพด้วย ไม่ใช่ว่าทิ้งไปโดยไม่กลับมาดูเลย

 

หากว่ากลับมาดูแลบ่อยๆ เชื่อว่าเมื่อราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนกลับมา เขาก็ต้องไม่เอาโทษอย่างแน่นอน

 

ตอนนี้เมื่อสร้างอาณาจักรขึ้นมา อีกทั้งยังจมจ่อมอยู่กับอํานาจ ละทิ้งงานที่ต้องดูแล ต้องรู้นะว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนเลือกพวกเขาเพื่อที่จะให้กลายมาเป็นผู้พิทักษ์ คอยปกปักษ์รักษาเส้นทางเอาไว้ แต่ตอนนี้กลับมาหนีไปจริงๆ

 

เขาเชื่อว่าหากราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนกลับมา เขาจะต้องโกรธอย่างแน่นอน

 

แต่แน่นอนว่าตอนนี้ราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนจะอยู่หรือตายก็ไม่มีใครรู้ กานหยวนผู้นี้ก็คงคิดว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ช่วงเทียนจะไม่กลับมาแล้ว ดังนั้นจึงได้เลือกที่จะทิ้งที่นี่ไป

 

เห็นได้ชัดว่าเขาต่างจากเริ่นเต๋อที่เต็มใจทําหน้าที่ผู้พิทักษ์อย่างเต็มภาคภูมิ เลือกที่จะทิ้งหน้าที่รับผิดชอบของตนเพื่อออกไปตั้งอาณาจักร

 

“ดูเหมือนว่าคงต้องไปเยี่ยมอาณาจักรกานหยวนดูสักครั้งแล้ว…”

 

เขาอยากจะติดต่อกับผู้พิทักษ์ของที่นี่เหมือนกับเรื่นเต่อ จากนั้นก็ให้อีกฝ่ายช่วยปกป้องอาณาจักรของตนพร้อมกับต่อต้านปีศาจที่อยู่ในผนึก ตอนนี้เขาคงต้องไปดูที่อาณาจักรกานหยวน ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ค่อนข้างมีระดับต่ําดูสักครั้งหนึ่งแล้ว