ตอนที่ 577 จบการจู่โจม

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 577 จบการจู่โจม

“ปัง… ! ”

ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น ก็มีคนบินออกจากข้างในโลงศพ คนผู้นั้นสะบัดแขนออกในชั่วพริบตาที่บินขึ้นไป เพื่อสาดอาวุธลับจำนวนหนึ่ง

สวี่ซินเหยียนและซูม่อต่างก็หยิบกระบี่ขึ้นมาปัดอาวุธลับเหล่านั้น

“เคร๊ง ๆ ๆ ๆ…”

ทันใดนั้นก็ได้เกิดเสียงปะทะกันระหว่างเหล็กขึ้น กระบี่ของทั้งสองเกิดประกายไฟเล็กน้อยและแทบจะถอยเท้าไปพร้อมกัน จนถึงขั้นเกือบกระอักเลือดออกมาในเวลาเดียวกัน !

พละกำลังที่แข็งแกร่งที่ส่งผ่านมาจากอาวุธลับ เสมือนหินที่ตกลงมาจากท้องนภา โหมเข้าใส่กระบี่ของซูม่อและสวี่ซินเหยียนอย่างดุดัน พละกำลังนั้นพุ่งมายังร่างของพวกเขาโดยผ่านกระบี่ของตนเอง

“เคร้ง… ! ”

สวี่ซินเหยียนขบกรามแล้วปรี่เข้าปัดอาวุธลับที่พุ่งไปยังฟู่เสี่ยวกวน กระบี่ของนางหักออกเป็นสองท่อน ซูม่อถอยเท้าไป 5 ก้าว ในที่สุดก็สามารถโจมตีจนอาวุธลับนั้นหล่นลงมาได้ทั้งหมด จากนั้นอาการเจ็บก็ได้แล่นผ่านแขนขึ้นมาทันพลัน กำลังภายในในร่างกายถูกใช้จนหมดสิ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ

ฟู่เสี่ยวกวนไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาแทบจะชักปืนออกมาในเวลาเดียวกัน ยกมือขึ้นแล้ว “ปัง ๆ ๆ ๆ …”

ลูกกระสุนถูกยิงจนหมดเกลี้ยง คนผู้นั้นโซเซอยู่กลางอากาศ ซูเจวี๋ยอาศัยโอกาสนี้ลั่นไกซ้ำ

“ปัง… ! ”

ร่างของคนผู้นั้นชะงักและล้มลง เขาเกือบจะตกลงมาถึงพื้นแล้ว แต่แล้วก็ออกตัวบินขึ้นไปอีกครา ซูเจวี๋ยถือดาบไล่ตาม ผ่านไปครึ่งก้านธูปก็ได้กลับมาพร้อมกับความล้มเหลว

ในยามนั้น เพียงแค่ช่วงระยะเวลาของประกายไฟ ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาเล็กน้อย คาดมิถึงว่าหลังของตนจะชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ใบหน้าของสวี่ซินเหยียนซีดเผือดแต่ก็ยังคงถือกระบี่ที่หักและคอยคุ้มกันเขาอยู่ด้านข้าง ซูม่อขบกรามแน่นอย่างดุดัน และพ่นฟองเลือดออกมาหนึ่งคำ “ปรมาจารย์บัดซบ ! สมควรตาย ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนถอนหายใจยาว “ยังดี… ดีที่คนผู้นั้นรีบร้อน มิเช่นนั้นจะอันตรายยิ่งกว่านี้”

ซูเจวี๋ยขยับหมวก เลิกคิ้วขึ้นและมองไปยังทิศทางที่ร่างของคนผู้นั้นหายไป ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้นมาว่า “อย่างน้อยเขาก็โดนไป 1 นัด ปรมาจารย์ในยุทธภพมีจำกัด ข้าจะส่งจดหมายไปหาท่านอาจารย์เพื่อให้ท่านตรวจสอบเรื่องนี้”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า จากนั้นก็หยิบโคมไฟขึ้นมา และตรงมายังด้านหน้ากระโจมที่พังยับ คุกเข่าสำรวจศพของเฉินซีหยุนอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ เป้าหมายของผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์คือเฉินซีหยุน !

หน้าผาก ลำคอ รวมไปถึงหัวใจของเฉินซีหยุนล้วนมีดาบยาวสามชุ่นปักอยู่ แสดงว่ามาเพื่อฆ่าปิดปาก ย่อมเป็นตัวการใหญ่สักคนของลัทธิจันทราเป็นแน่

“คนผู้นี้ รู้จักข้าและพวกเจ้าเป็นอย่างดี มิเช่นนั้นคงมิซ่อนอยู่ในโลงศพเป็นแน่ ทั้งยังเป็นโลงเหล็กอีกด้วย กล่าวได้ว่า เขารู้ว่าพวกเรามีอาวุธที่อันตรายจนสามารถคุกคามชีวิตปรมาจารย์ได้… เขาจึงหนีไปอย่างตื่นตระหนก กังวลถึงอาวุธในมือของพวกเรา เขาคือผู้ใดกันแน่ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนหันหน้าไปหาสวี่ซินเหยียน “ในภูเขาหมินยังมีผู้ใดเก่งกาจถึงเพียงนี้อยู่อีกหรือไม่ ? ”

สวี่ซินเหยียนครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ แล้วส่ายหน้า “ปรมาจารย์มีมิมาก ที่ข้ารู้คือภายในภูเขาหมิน เดิมทีมีปรมาจารย์อยู่ด้วยกันเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น ไป๋หลี่หงส์จากอั้นเหมิน เหมียวเสี่ยวเสี่ยวจากหยิ่นเหมิน อีกผู้หนึ่งก็คืออาจารย์ของข้ามู่หรงเชี่ยนเชี่ยน แต่อาจารย์ของข้าได้ตกตายไป 2 ปีแล้ว ได้ยินมาว่าเหมียวเสี่ยวเสี่ยวต่อสู้กับศิษย์พี่ใหญ่ซูเจวี๋ยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนไป๋หลี่หงส์ก็ตกตายที่ทางเดินฉีซาน… บัดนี้ผู้ที่เก่งกาจที่สุดของลัทธิจันทราน่าจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของข้ามู่หรงเจียน แต่เขาเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้เพียงครึ่งก้าวเท่านั้น มิได้เก่งกาจถึงเพียงนี้”

“เช่อเหมินเล่า ? มิใช่กล่าวว่าลัทธิจันทรามีสามเหมินหรอกหรือ ? ”

“เช่อเหมินนั้นลึกลับมากที่สุด ข้าเคยได้ยินมาจากท่านอาจารย์ว่ามิมีผู้ใดรู้ว่าผู้อาวุโสใหญ่ของเช่อเหมินคือผู้ใด แม้แต่ศาสดาหรือนักบุญสาวก็มิทราบ ตามกฎเกณฑ์ดั้งเดิมตั้งแต่ก่อตั้งลัทธิจันทราขึ้นมา ศาสดาและนักบุญสาวต้องปรากฏตัวต่อหน้าชาวโลก มีเพียงเช่อเหมินเท่านั้นที่มิสามารถปรากฏตัวได้ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด บางทีอาจจะเป็นองค์ชายสักพระองค์หนึ่ง หรืออาจจะเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สักคน สรุปแล้ว…ต่อให้อยู่ในลัทธิจันทรา ก็มิมีผู้ใดรู้เกี่ยวกับเช่อเหมินเลย”

สิ่งนี้ซ่อนอยู่ค่อนข้างลึกลงไป ฟู่เสี่ยวกวนครุ่นคิดเสียจนคิ้วขมวดมุ่น เฉินซีหยุนเป็นไส้ศึกของลัทธิจันทราในเมืองจินหลิง ตามหลักแล้วก็มิน่าจะทราบเรื่องเกี่ยวกับเช่อเหมินเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งขั้นปรมาจารย์เมื่อครู่ เหตุใดจึงเสี่ยงอันตรายมาสังหารนางกัน ?

สุดท้ายเรื่องวุ่นวายนี้จึงตกอยู่ที่อารามซุ่ยเยว่…

อารามซุ่ยเยว่ !

ไม่ได้การแล้ว !

“ศิษย์พี่ใหญ่…”

ซูเจวี๋ยที่กำลังเขียนจดหมายถึงท่านอาจารย์เงยหน้ามองฟู่เสี่ยวกวน “ศิษย์พี่ใหญ่ ขอให้ท่านอาจารย์ส่งคนไปคอยสอดแนมและคุ้มกันอารามซุ่ยเยว่อย่างลับ ๆ เอาไว้ด้วย ! ”

“ที่นั่นยังมีความลับอยู่อีกหรือ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ถึงแม้ที่นั่นจะถูกศิษย์พี่แปดเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วก็ตาม… เดิมทีเฉินซีหยุนกำลังจะกล่าวความลับของที่นั่นออกมา แต่กลับตกตายด้วยใบไผ่จากปรมาจารย์ผู้นี้เสียก่อน เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นติดตามเฉินซีหยุนมาโดยตลอด หรือกล่าวได้ว่าเขาตั้งใจมาสังหารเฉินซีหยุน เพียงแต่บังเอิญว่านางตกมาอยู่ในมือของข้าเสียก่อน

ข้าจึงแบกเฉินซีหยุนกลับมา สร้างภาพลวงตาว่ากำลังรักษาเพื่อช่วยชีวิตนาง เขากังวลว่าเฉินซีหยุนจะถูกช่วยเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงโจมตีอีกคราเพื่อเอาชีวิตของนาง แสดงให้เห็นแล้วว่าความลับในอารามซุ่ยเยว่ย่อมเป็นความลับที่สำคัญเป็นอย่างมาก ในความคิดของข้า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวข้องกับตัวตนของผู้อาวุโสเช่อเหมิน”

ซูเจวี๋ยนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว เยี่ยงนั้นก็ขอให้ท่านอาจารย์ส่งลูกศิษย์สองคนไปเฝ้าที่อารามซุ่ยเยว่ก็แล้วกัน”

ฟู่เสี่ยวกวนนั่งลงกับพื้น กรอกกระสุนใส่ปืนกระบอกเล็ก ราวกับกำลังคิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงส่ายหน้าแล้วหัวเราะออกมา

“แท้จริงแล้ว ตอนนี้จะเป็นเช่อเหมินหรือมิใช่เช่อเหมินก็มิสำคัญแล้ว หากกวาดล้างลัทธิจันทราจนเหลือเพียงแค่เช่อเหมิน เยี่ยงนั้นพวกเขาจะยังสามารถก่อระลอกคลื่นได้อีกสักเท่าใดกันเชียว ? ข้าคงจะกังวลมากจนเกินไป…”

การต่อสู้เมื่อครู่ ทำให้ผู้คนจำนวนมากตื่นตกใจ ทันใดนั้นเฟ่ยอัน เผิงยวี๋เยี่ยน และคณะอีกหลายสิบคนก็ได้วิ่งเข้ามา มองฟู่เสี่ยวกวนที่นั่งอยู่กับพื้น มองร่องรอยความโกลาหลโดยรอบ สุดท้ายสายตาก็ได้ไปหยุดอยู่ที่รอยกระแทกของโลกศพซึ่งวางอยู่บนพื้น เฟ่ยอันขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหันไปเอ่ยถาม “มิเป็นอันใดใช่หรือไม่ ? ”

“เกือบตาย”

“…ข้าประมาทจนเกินไป” เฟ่ยอันรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย หากฟู่เสี่ยวกวนมาตกตายตอนอยู่กับตน… แม้แต่โอกาสจะทำนาปลูกข้าวในบั้นปลายชีวิตนี้ก็คาดว่าคงจะมิเหลือแล้ว

“เจ้าอย่าได้โทษตนเองเลย ผู้ที่มาคือปรมาจารย์ โดนกระสุนไป 1 นัด และบัดนี้ได้หนีไปแล้ว”

ฟู่เสี่ยวกวนกล่าวเช่นนั้นและลุกขึ้น ถือโคมไฟเดินไปยังเบื้องหน้าของโลงศพเหล็ก คุกเข่าลงกับพื้นและตรวจสอบอย่างละเอียด ในที่สุดก็หารูกระสุนเจอแล้ว กระสุนทะลุแผ่นเหล็กแต่กลับไร้รอยกระสุนอยู่ที่อีกด้าน แสดงว่ากระสุนยิงโดนเขาแล้วใช่หรือไม่ ?

ดังนั้นเขาเลยบินออกมาจากโลงศพเหล็กนี้ !

จากนั้นตนก็ได้ยิงไปอีก 6 นัด มิรู้ว่าจะมีสักกี่นัดที่ยิงโดนเป้าหมาย

มิว่าอย่างไรก็ตามเขาคนนั้นจะต้องถูกยิงอย่างแน่นอน และด้วยพลังพิเศษของปรมาจารย์ผู้นั้นที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน เกรงว่าคงสามารถดึงตัวเขาคนนี้ออกมาได้

การต่อสู้เพื่อแคว้น เพื่อราษฎร หากเป็นการต่อสู้เพื่อก่อความวุ่นวาย ย่อมมิใช่เรื่องดี

ยุทธภพนี้ ในภายภาคหน้าต้องมีการสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาให้กับพวกเขา อืม… ต้องสร้างสำนักควบคุมชาวยุทธขึ้นมา ชาวยุทธทุกคนจะต้องลงทะเบียนเอาไว้ หากพวกเขามิเคารพกฎเกณฑ์… ในดวงตาของฟู่เสี่ยวกวนทอประกายเย็นชาขึ้นมา ข้าจะไปปราบยุทธภพนี้ให้ราบเป็นหน้ากลอง !