ตอนที่ 661 เจ้าเฝิงกำลังหึงหวง / ตอนที่ 662 ถอดชุดให้ข้าดู

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 661 เจ้าเฝิงกำลังหึงหวง

 

 

เมื่อก่อนเฉินยางมองอวี่เหวินลู่เป็นศัตรูตลอด ทั้งสองคนเจอหน้ากันก็จะเถียงกัน นางไม่เคยคิดเลยว่าอวี่เหวินลู่จะหวังสิ่งใดจากนาง เพียงแต่ผ่านเรื่องในเมื่อคืนแล้ว นางก็เริ่มรู้สึกบางสิ่ง เพียงแต่ในใจก็ยังไม่เชื่อ บางครั้งอาจจะเป็นความชั่ววูบเท่านั้น ในเมื่อเขาอธิบายเช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ไม่อาจไปคิดอีก นางเป็นหญิงมีสามีแล้ว ย่อมไม่ทำเรื่องที่ทรยศเฝิงเยี่ยไป๋เช่นนั้น

 

 

เพียงแต่นางกลับนึกไม่ถึงว่า เฝิงเยี่ยไป๋รู้ความคิดของอวี่เหวินลู่นานแล้ว หากดูตามเช่นนี้ อย่างน้อยก็รู้นานกว่านางมาก

 

 

อวี่เหวินลู่พักอยู่ที่พื้น เขาเช็ดมุมปากลุกขึ้นยืน ไม่ได้มีท่าทีจะเอาคืน “ครั้งนี้ถือเสียว่าข้ายอมเจ้า” เขารู้สึกผิดอยู่ในใจ หนึ่งเพราะเรื่องที่ฮ่องเต้ส่งคนมาขโมยลูกของเว่ยเฉินยางนั้นเขารู้ดีกลับไม่ทำอะไร สองคือเมื่อคืนเขาจูบเว่ยเฉินยาง ไม่ว่าอย่างไร นางก็เป็นหญิงมีสามีแล้ว เขาก็มีความคิดที่จะตีท้ายครัวเฝิงเยี่ยไป๋อยู่จริง ดังนั้นที่ถูกชกนั้นเขาจึงไม่เอาคืน

 

 

สายตาของเฝิงเยี่ยไป๋มองสลับไปมาทั้งสองคน จะบอกว่าช่วงสองวันที่เขาไม่อยู่นั้นทั้งสองคนขาวสะอาดไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูจากสภาพตอนนี้แล้ว เขาไม่เชื่อแน่นอน ต่อให้เว่ยเฉินยางไม่มีใจ ก็สู้ความจงใจของอวี่เหวินลู่ไม่ได้ นานวันเข้าย่อมมีความผูกพัน ส่งสายตากันไปมานานเช่นนี้ อวี่เหวินลู่ยังมีใบหน้าดั่งเจ้าสุนัขจิ้งจอกที่ทำเอาคนหลงได้อีก ยากจะรับรองได้ว่าเว่ยเฉินยางจะไม่ถูกหลอก แม้จะไม่ถึงขั้นสวนเขาให้ตัวเอง เพียงแต่การกระทำที่เกินเลยนั้น ก็ใช่ว่าจะไม่มี

 

 

ยิ่งพูดยิ่งเข้าใจผิด เฉินยางผลักอวี่เหวินลู่ “พอได้แล้ว เจ้ารีบกลับไปเสีย ตอนนี้สามีข้ากลับมาแล้ว บุญคุณเจ้าข้าจะคืน เพียงแต่เรื่องของเสี่ยวจินอวี๋เจ้าก็อย่าเสี่ยงอีกเลย”

 

 

ความตั้งใจของนางคืออยากจะให้เรื่องนี้ผ่านไปโดยเร็ว เพียงแต่ฟังอยู่ในหูของเฝิงเยี่ยไป๋กลับกลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง นางกำลังปกป้องอวี่เหวินลู่อยู่ เขาเพิ่งไปได้ไม่กี่วัน นางก็เริ่มปกป้องคนอื่นแล้ว เช่นนั้นหากเขาไปไม่กลับ ไม่ใช่ว่านางคิดจะเก็บของแต่งงานกับเขาเสียแล้วหรือ

 

 

อวี่เหวินลู่ได้ยินก็มีความหมายว่านางปกป้องตัวเอง สุดท้ายที่นางพูดว่าอย่าให้เขาไปเสี่ยง ไม่ได้บอกว่าให้เขาเลิกยุ่ง นี่ช่างต่างจากท่าทีที่มีต่อเขาในเมื่อก่อนเหลือเกิน บางทีนางอาจจะเริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาแล้วกระมัง

 

 

ยามที่อวี่เหวินลู่ไปนั้น ก็มองเฝิงเยี่ยไป๋ด้วยความหมายบางอย่างแฝงอยู่ แววตานั้น เฝิงเยี่ยไป๋ดูแล้วก็คือการประกาศสงคราม อวี่เหวินลู่ออกไปแล้ว เขาปิดประตูอย่างแรง เขาจ้องมองเว่ยเฉินยางด้วยสายตาน่ากลัว หัวเราะด้วยความเย็นชา ดูเหมือนว่าองครักษ์ที่ข้าให้ปกป้องเจ้ายามที่ข้าไปนั้นล้วนเป็นส่วนเกินเสียแล้ว ข้างกายเจ้าไม่ขาดคนปกป้องเลย!”

 

 

เฉินยางส่ายศีรษะด้วยความเหนื่อยใจ “ท่านเข้าใจผิดแล้วจริงๆ วันนี้ข้าเข้าวังจริง ใช่แล้ว ข้ายังเห็นอิ๋งโจวอยู่ในวัง ฮ่องเต้เรียกเขาเข้าวังรักษาน่าอวี้ แต่เดิมข้ายังกลัวว่าน่าอวี้จะขายท่านเสียแล้ว เพียงแต่อิ๋งโจวบอกว่าน่าอวี้ไม่ได้พูดอะไรกับฮ่องเต้เลย ข้าให้น่าอวี้ช่วยหาเสี่ยวจินอวี๋ในวัง ก็ไม่รู้ว่านางจะช่วยหรือไม่ ในเมื่อยามนี้ท่านกลับมาแล้ว เช่นนั้นท่านก็รีบหาวิธีเสีย ฮ่องเต้จับเสี่ยวจินอวี๋ก็เพื่อจะต่อรองกับท่าน ท่านรีบหาวิธีช่วยเสี่ยวจินอวี๋กลับมาให้ข้าเถิด!”

 

 

ยามที่เฝิงเยี่ยไป๋เขียนจดหมายให้ฮ่องเต้นั้นก็อยู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวงแล้ว ยามที่เพิ่งกลับมาถึงนั้นได้ยินว่าเสี่ยวจินอวี๋ถูกจับไปนั้นความคิดแรกของเขาไม่ใช่ลูกชายเป็นเช่นไร แต่เป็นเว่ยเฉินยาง คิดว่านางคงคิดอยากจะตายเลยด้วยซ้ำ จะบอกว่าไม่เป็นกังวลถึงลูกชายก็เป็นเรื่องโกหก เพียงแต่ไม่กังวลเท่านางแน่ๆ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 662 ถอดชุดให้ข้าดู

 

 

ฮ่องเต้จับเสี่ยวจินอวี๋ไป เป้าหมายก็เพื่อข่มขู่เขา ดังนั้นยามนี้แทบจะไม่ต้องเป็นกังวลถึงความปลอดภัยของเสี่ยวจินอวี๋เลย หากเสี่ยวจินอวี๋ตาย ฮ่องเต้ก็ขาดเบี้ยที่จะต่อรองกับเขา เพียงแต่อย่างไรเสียลูกชายก็อยู่ในมือศัตรู เขาจะกินดีอยู่ดีหรือไม่ จะมีคนดูแลเขาดีๆ หรือไม่ เรื่องเหล่านี้ที่ผู้เป็นแม่นึกถึง เขาผู้เป็นพ่อย่อมนึกถึง เพียงแต่เขาเป็นผู้ชาย เป็นเสาหลักของครอบครัวนี้ จะให้พูดถึงความกังวลนี้อยู่ตลอดไม่ได้ หากเขาเป็นดั่งเฉินยาง ร้อนรนจนควบคุมไม่ได้ บ้านนี้จะอยู่รอดได้อย่างไร

 

 

เพียงแต่ที่พวกเขาจะคุยกันยามนี้ไม่ใช่เรื่องนี้ การกระทำของเฉินยางเมื่อครู่เท่ากับฟันฟางเส้นสุดท้ายที่อยู่ในหัวของเขา เฝิงเยี่ยไป๋รู้สึกเสียใจ ทั้งเจ็บปวดทั้งแค้น เพียงแต่ต่อให้แค้นก็ไม่อาจทำอะไรนาง จะต่อว่านางก็พูดไม่ออก จะตีนาง เขายอมตบหน้าตัวเองก็ไม่อยากตีนาง เขามองนางอยู่นานแล้วถอนหายใจ เฝิงเยี่ยไป๋นั่งกลับไปที่โต๊ะ ยังคงรู้สึกติดใจเรื่องนี้ไม่หาย

 

 

เฉินยางนั่งเคียงไหล่เขา “เรื่องของพวกเราค่อยว่ากันเถิด ตอนนี้คิดหาวิธีช่วยลูกชายดีหรือไม่”

 

 

“ค่อยว่ากันหรือ” เขาถอนหายใจ “เจ้าคงไม่คิดว่าเวลาผ่านไปข้าจะลืมเรื่องนี้แล้วเรื่องนี้ก็จะผ่านพ้นไปเช่นนั้นกระมัง หากว่าใช่ ข้าขอเตือนเจ้าให้เลิกคิดเสีย วันนี้ไม่คุยเรื่องนี้ให้ชัดเจนไม่จบไม่สิ้นแน่ๆ”

 

 

“พูดให้ชัดเจนหรือ ยังมีอะไรต้องพูดให้ชัดเจนอีก ข้าคิดว่าข้าได้พูดกับท่านชัดเจนแล้ว ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับอวี่เหวินลู่ ที่วันนี้เข้าวังไปก็เพื่อให้น่าอวี้ช่วย ข้ากลัวว่าเฉาเต๋อหลุนรู้จะห้ามไม่ให้ข้าไป ดังนั้นถึงให้อวี่เหวินลู่แอบพาข้าไป ข้าอธิบายให้ท่านแล้ว ไฉนท่านถึงไม่เชื่อข้าเลย”

 

 

“อวี่เหวินลู่คิดไม่ซื่อกับเจ้า เจ้ามองไม่ออกหรือ”

 

 

“ในสายตาข้าไม่มีเขาเลยข้าจะมองออกอย่างไร” ไม่ว่าเฉินยางจะอธิบานอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อ นางค่อยๆ หมดความอดทน “ข้ายังไม่ได้ว่าท่านเลย ท่านไปนานเช่นนี้ก็ไม่เขียนจดหมายให้ข้าก็ช่างเสีย ข้าเขียนจดหมายให้ท่านท่านก็ไม่ตอบกลับมา ท่านไม่รู้ว่าวันที่เสี่ยวจินอวี๋หายไปนั้น โลกของข้าแทบพังทลายลงแล้ว เขียนจดหมายให้ท่าน รออยู่หลายวันก็ไม่ได้ขาวกลับมา เช่นนั้นจะให้ข้ามัวรออยู่ไม่ได้ นั่นเป็นลูกชายแท้ๆ ของข้า ข้าต้องหาวิธีช่วยเขา ดูเจ้าสิ กลับมาก็ไม่ถามถึงลูกชาย แถมยังสงสัยข้าไม่เลิก มีพ่อที่เป็นดั่งท่านเช่นนี้หรือ”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋บิดไหล่นางให้หันมาหาตัวเอง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าลูกชายหายไปข้าไม่ร้อนรน เพียงแต่ข้าเป๋นห่วงเจ้ามากกว่า ลูกชายหายไปข้าตามกลับมาได้ เพียงแต่หากหัวใจเจ้าหายไป จะให้ข้าไปตามหาที่ใดหรือ”

 

 

เฉินยางผลักเขา “ท่านพูดเหลวไหลอะไร เมื่อครู่ข้าอธิบายให้ท่านฟังตั้งมากมาย ท่านก็ยังไม่เชื่อข้าเช่นนั้นหรือ”

 

 

“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ให้เจ้าอยู่ห่างๆ อวี่เหวินลู่” เขาหาริมฝีปากนาง มือพันอยู่ที่ข้างเอวแล้วบีบอย่างแรง จากนั้นฉวยโอกาสที่นางอ้าปากร้องเจ็บบุกจู่โจมเข้าไปในปากนางไม่หยุด

 

 

เฉินยางเอาคืนเช่นกัน นางหยิกไปที่เอวของเขาโดยผ่านผ้าอยู่หลายชั้น เฝิงเยี่ยไป๋เจ็บจนปล่อยนาง นวดจุดที่ถูกนางหยิกเมื่อครู่ แววตาไม่ได้เหี้ยมโหดดั่งเมื่อครู่แล้ว “ข้าอยู่ข้างนอกสู้ศึกแทบเป็นแทบตาย กลับมาไม่เจอที่พักพิงที่อบอุ่นก็ช่างเสีย แถมยังถูกเจ้าหยิกเอาเสียอีก ข้าว่าเจ้าอยากให้ข้าตายเสียจริงๆ เลย!”

 

 

เฉินยางรีบถอดชุดเขา “ท่านเจ็บที่ใดหรือไม่ ท่านถอดชุดให้ข้าดูเสียหน่อย”