1804-3 vs 1804-4 โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 1804-3
บางที ความทุ่มเทของเรา คนอื่นไม่มีวันเห็น เหลือเพียงเพื่อนเท่านั้นที่รู้สึกเหมือนประสบกับตัว
เซวียเหยาเย่ายืนอยู่ที่เดิม เงยหน้าขึ้น เธอกลัวว่าตัวเองจะร้องให้ด้วยเวทนาเหลือเกิน ส่วนโคโค่ที่คิดจะโทรเรียกเฟิงอี้ให้มาหา เพราะคิดว่าเวลานี้คงมีเพียงเฟิงอี้เท่านั้นที่กล่อมเจ้าแบล็กให้ไปฉีดยาได้ ทว่าเมื่อเธอคนนั้นยื่นมือมาจับข้อมือเขาก็เอ่ยแค่ “โคโค่ ฉันต้องไปตอนนี้ ไปหาพี่มั่ว ไม่งั้นฉันจะต้องทำเขาหายอีกแน่” เขาจึงโทรต่อไปไม่ได้ เพราะรู้ดีว่า ตัวเองไม่ควรห้ามเธอ ส่วนป๋อจิ่วยิ้ม เธอที่สวมผ้าปิดปาก โผล่เพียงดวงตาดำสนิทออกมา เสื้อขนเป็ดตัวดำยาว ปกปิดรูปร่างเธอได้พอดิบพอดี
ป๋อจิ่วไม่ต้องการดราม่า เธอรู้เช่นกันว่า ต้องทำให้ร่างกายดีขึ้น แต่แค่เดินออกไป ลมหายใจก็หนัก หนักจนกระทั่งเธอหยุดเดิน ถึงได้รู้ตัวว่าร่างกายตัวเองทนอาการไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ไม่ไหว
เสียงริมหูเริ่มจะอึงอล ได้ยินเสียงเอะอะมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีนักข่าวบุกมา…
เวลานี้ ป๋อจิ่วได้ยินเสียงจากด้านหนึ่ง “โฮชิโนะนี่! โฮชิโนะมาทำอะไรที่นี่?”
โฮชิโนะมองคนเหล่านั้น ไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง โยนยาให้อย่างไร้เสียง ซึ่งป๋อจิ่วรับทัน มองดูเขายืนอยู่ตรงนั้น รู้ว่าต้องการกันผู้คนให้ เธอจึงเบี่ยงตัวเดินไปทางหนีไฟ
เหล่านักข่าวไม่รู้ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น เพราะโฮชิโนะมีมูลค่าทางข่าวสูงมาก จึงทุ่มความสนใจไปที่ชายหนุ่ม ฝ่ายโฮชิโนะยิ้มบางๆ ตอบคำถามนักข่าวทุกคน จนกระทั่งผู้จัดการเฟิงเดินมา เขาถึงพยักหน้า ซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋า เดินสวนทางออกไป
เฟิงอี้ฉลาดแค่ไหน แวบเดียวก็มองออกว่าเมื่อครู่โฮชิโนะทำหน้าที่แทนตัวเอง ทั้งสองเดินไปยังห้องพักผ่อน รอจนไม่มีใครอยู่ด้วย เฟิงอี้จึงออกปาก “ขอบคุณมาก” โดยโฮชิโนะหยุดเดิน ยิ้มให้ “เรื่องเล็กน้อยน่ะ”
“ข้อมูลที่ผมได้มา คุณไม่ใช่คนที่ช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ” เฟิงอี้สมกับเป็นคุณชายหน้ายิ้ม
โฮชิโนะยังคงสดใสเหมือนเดิม “ท่าทางข้อมูลที่ผู้จัดการเฟิงได้มา คงมีข้อผิดพลาด ผมเป็นคนมีน้ำใจจะตาย ยิ่งผมหวังการแข่งขันในวันพรุ่งนี้มาก ย่อมไม่อยากให้คู่แข่งสะดุดเพราะเรื่องกระจุกกระจิก”
“แค่คู่แข่งเหรอ?” เฟิงอี้ไม่อ้อมค้อม ถามตรงๆ เลยทีเดียว
โฮชิโนะยิ้ม “ท่าทางทุกคนคงจะรู้เรื่องที่ผมชอบ Z แล้ว ไม่ผิดหรอกครับ ไม่ใช่แค่คู่แข่ง แต่เขายังเหมือนคนในครอบครัวผมด้วย”
คนในครอบครัวเหรอ? เฟิงอี้เริ่มไม่เข้าใจ เขาคิดว่าทุกอย่างที่โฮชิโนะทำ ก็เพื่อความรักฉันท์ชู้สาว ทว่าเมื่อเอ่ยคำว่าคนในครอบครัวออกมา เขาก็ไม่แน่ใจเสียแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ภายในตึกแห่งหนึ่งที่อยู่ทิศตะวันตกของเมือง ฝานเจียเริ่มนับเวลาย้อนหลัง เหลืออีก 4 ชั่วโมง คนตรงหน้าก็จะเป็นของเธอ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอขมวดคิ้ว เพราะเขาเอาแต่ยืนริมหน้าต่าง ไม่พูดอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว ไม่ว่าเธอจะกล่าวอะไร เขาตอบกลับเพียงนิดเดียว บางครั้งก็ไม่ตอบเอาดื้อๆ
ฝานเจียขัดใจกับเหตุกาณ์นี้มาก เพราะยิ่งคิดให้ลึกซึ้งยิ่งพบว่าทำไมเขายืนอยู่ตรงนั้น ก็เพราะไม่เจอคนที่อยากเจอไงล่ะ เธอกำมือแน่น เริ่มทดสอบปฏิกิริยาของชายหนุ่ม แต่พอจะดูออกว่า เขาทำตามคำพูดของเธอทุกประโยค ส่งผลให้เธอดีใจมาก แต่พอจะเดินไป กลับเห็นเขามองที่ริมหน้าต่างอีกแล้ว
ที่นั่นมีรถแท็กซี่จอดอยู่ คนที่ลงมาจากรถคันนั้น สวมเสื้อขนเป็ดตัวดำยาว เงยหน้ามองมาพอดี ก่อนจะเดินไปยังรถแลมโบกินี่ที่ไม่ถูกขับเคลื่อนไปเสียที
…………………………………………..
ตอนที่ 1804-4
ตอนแรกฝานเจียไม่รู้ว่าเป็นป๋อจิ่ว แต่เธอรู้สึกได้ว่าพอนังนั่นปรากฏตัวขั้น แววตาของฉินมั่วก็สว่างแวบ
ฝานเจียริษยาหนัก เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาแท้ๆ แต่เขากลับไม่มองเธอสักนิด เธอนึกว่านิสัยเขาเป็นแบบนี้แหละ แต่เห็นที มันคงยังไม่พอใช่ไหม? งั้นเธอจะทำให้ทุกอย่างจบลงล่วงหน้า! เธอมองตรงไปที่ร่างนอกหน้าต่างด้วยแววตาชั่วร้าย
ป๋อจิ่วไม่รู้เรื่องสถานการณ์ข้างบน เธอคิดว่าไม่ควรเอาแต่รออยู่ข้างนอก เพราะต้องระวังเรื่องสุขภาพตัวเอง ดังนั้นเมื่อมาถึงที่นี่ก็ขึ้นรถตัวเองทันที
เสี่ยวเฮยได้ยินเสียงเธอแล้วรีบเอ่ยขึ้นทันที “เจ้านาย นังปีศาจของคุณยังอยู่ด้านบน ไม่ได้ไปไหน คุณสบายใจได้ครับ”
เมื่อมาถึงที่นี่ ป๋อจิ่วก็สบายใจขึ้นมาก ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้กังวลว่าท่านเทพจะจากไปไหนหรือเปล่า แต่เป็นเรื่องเวลาต่างหาก เวลากระชั้นที่เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้เธอยังหาวิธีดีๆ ที่จะฟื้นความทรงจำให้ท่านเทพไม่ได้
ถ้า… ป๋อจิ่วกระชากคอเสื้อตัวเอง ก้มหน้าซบพวงมาลัย กินยาลดไข้ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ระบบจีพีเอส ภายในรถยังตรวจสอบอุณหภูมิของร่างกายเธอได้ เสียงของเสี่ยวเฮยจึงดังขึ้นอีก “เจ้านาย จากรายงานพบว่าร่างกายของคุณทนมาถึงขีดสุดแล้ว ในฐานะที่เป็นสุดยอดรถแห่ง The Fifth Avenue ผมจำเป็นต้องใช้ความรู้ที่ชำนาญของผมแจ้งให้คุณทราบว่า คุณต้องได้รับการรักษา อ้าว ทำไมคุณตาถึงไม่อยู่? ถ้าเขาอยู่ รับรองว่าไม่ยอมให้คุณผลีผลามมาแบบนี้หรอก”
แต่ป๋อจิ่วไม่ตอบ ยังคงค้างอยู่ในอาการเดิม เสี่ยวเฮยร้อนรน เริ่มกระพริบไฟอัตโนมัติอย่างไม่ยอมหยุด เพื่อจะให้คนเห็นว่ามันกำลังส่งสัญญาณ
ชั้นบน ฉินมั่วยืนที่ริมหน้าต่าง เดิมเขาคิดว่าเมื่อยัยนั่นปรากฏตัว เขาจะได้เห็นใบหน้าที่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เขาสงบจิตสงบใจได้ในชั่วพริบตา ทว่า 5 นาทีผ่านไป ฝ่ายนั้นยังคงอยู่ในรถ ฉินมั่วเคาะนิ้วเรียวบนต้นขาตนเอง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ไม่สบายใจ กำลังจะสาวเท้าลงตึก
ฝานเจียย่อมเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา จึงหัวเราะแผ่วเบา “พี่มั่ว พี่จะไปไหน ถ้าพี่ไปแล้วใครจะปกป้องฉัน พวกเขาจ้องฉันอยู่ด้านนอกนะ ถ้าพี่หายไป ไม่รู้ว่าจะมีพลยิงไกลซุ่มยิงฉันหรือเปล่า” ประโยคนี้ย่อมได้ผล เพราะฉินมั่วที่ซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋าถึงกับหยุดชะงัก แต่หัวใจกับการกระทำขัดแย้งกัน ย่อมทำให้เจ็บปวดแน่นอน
ห้วงเวลาที่ฉินมั่วหยุด ทรวงอกก็เหมือนถูกฉีกทึ้ง เขาพิงผนัง กำฮู้ป้องกันตนไว้ในมือ ราวกับจะบรรเทาความเจ็บปวดในเวลานั้นได้
ฝานเจียเห็นแล้ว อยากจะฉวยโอกาสแย้งฮู้นั่นมา ต้องรู้นะว่าเธอแค้นเจ้าฮู้นั่นมากแค่ไหน! อีกทั้งเวลานี้ฉินมั่วยังอยู่ในภาวะที่อ่อนแอสุดๆ
หากสิ่งที่เขายึดเหนี่ยวสูญสลาย จะต้องไม่เอาแต่พะวงกับ Z เหมือนเมื่อครู่นี้แน่! ฝานเจียคิดได้ดังนี้ก็ยื่นมือออกไป ทั้งยังเอ่ยกระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิต “พี่มั่ว ตอนนี้พี่ทรมานมากใช่ไหม ฉันรู้ดีว่านี่เป็นของที่ฉันให้พี่ มันสำคัญมาก ฉันจะดูแลแทนพี่ก่อน ไม่งั้นพี่คงทำมันพังแน่”
เวลานี้แววตาของฉินมั่วแดงก่ำ เขาอยากจะขยับมือหลายครั้ง แต่มักจะมีเสียงหนึ่งบอกว่าอย่าทำร้ายเธอคนนี้ จะต้องปกป้องเธอเอาไว้ให้ได้ เสียงนั่นเหมือนเป็นเสียงปีศาจที่ประทับในหัวของเขา
ฝานเจียเห็นสภาพชายหนุ่ม ก็รู้ดีว่ากุญแจได้กระตุ้นคำสั่งที่ฝังทางจิตออกมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว เธอหยักยิ้มมุมปาก แล้วแย่งเอาฮู้มา แต่ระหว่างที่เธอทำให้ฮู้นั่นห่างจากมือเขา! ก็ไม่รู้ว่าเขายกมือขึ้นทำไม ได้ยินเพียงเสียง “แคว่ก!” ฮู้นั่นถูกแกะออก มีแผ่นอะไรบางอย่างหลุดออกมาร่วงสู่พื้น…
…………………………………………..