ตอนที่ 661 เคลื่อนย้ายอย่างรุนแรง / ตอนที่ 662 นึกถึงเรื่องในอดีต

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 661 เคลื่อนย้ายอย่างรุนแรง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วยืนถอนหายใจเศร้าอยู่ที่หน้าทางเข้าเป็นครั้งแรก เมื่อเธอได้ยินว่าเหยียนเค่อจะไปหนานซาน เธอจึงได้แต่ตามไปด้วย ตอนนี้ร่างเธอใส่เสื้อผ้าหลายชั้นจนกลมไปหมดแล้ว พยายามอยากจะก้มลงไปเปลี่ยนรองเท้า

 

 

เหยียนเค่อเปลี่ยนชุดเสร็จเดินออกมาเห็นหล่อนทำท่าทางเหมือนจะเซเลยรีบเอื้อมมือไปดึงเอาไว้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเดินถอยหลังออกมาหน่อยให้เหยียนเค่อได้เปลี่ยนรองเท้าก่อน ส่วนตนพยายามที่จะยัดเท้าใส่ลงไปในรองเท้าบูท เหยียนเค่อยิ้มออกมา หยิบรองเท้าออกไปจากมือหล่อน แล้วก้มตัวลงเปลี่ยนรองท้าให้

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วตกใจจนต้องเดินถอยหลังไปอีกสองสามก้าว “นายจะทำอะไรน่ะ”

 

 

เหยียนเค่อเงยหน้ามองไปที่หล่อน “เข้ามา ต้องให้ฉันคุกเข่าลงไปเปลี่ยนให้เลยไหม”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วอายกับคำพูดของชายหนุ่ม เดินหน้าไปเล็กน้อย เหยียนเค่อจับข้อเท้าหล่อนไว้แล้วยกขึ้นเพื่อช่วยหล่อนเปลี่ยนรองเท้า

 

 

ภายใต้ผ้าพันคอผืนหน้าคือใบหน้าที่แดงก่ำของซย่าเสี่ยวมั่ว เธอรู้สึกว่าใบหน้าของเธอร้อนจนจะสุกอยู่แล้ว ร้อนยิ่งกว่ามะเขือเผาเสียอีก…

 

 

พอเดินออกมาด้านนอกเธอก็รู้สึกว่าอากาศมันหนาวมากจริงๆ ไม่ยอมให้เหยียนเค่อจูงแต่เธอกลับไปกอดแขนชายหนุ่มเอาไว้แทน เดินเหยียบไปบนหิมะอย่างตื่นเต้น

 

 

“ระวังหน่อย ถ้าล้มลงไปจะลุกขึ้นมาไม่ได้นะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วก้มลงมองหิมะหลายก้อนที่แทบจะกลายเป็นลูกบอล จากนั้นก็ค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวัง

 

 

ผู้ช่วยหวังกับเบลล์ก็ไม่คาดคิดว่าผ่านไปยังไม่ถึงสองวันเจ้านายของตนถึงกับจะพาคนรักไปด้วย

 

 

เบลล์เห็นกับตาตัวเองว่าเหยียนเค่อดันซย่าเสี่ยวมั่วเข้าไปที่เบาะหลังแล้วพยายามที่ช่วยดันหล่อนให้กระเถิบเข้าไปด้านใน ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา “ฮ่าฮ่า นี่มันเป็นการเคลื่อนย้ายที่รุนแรงจริงๆ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วพยายามดึงผ้าพันคอลงมาอย่างเก้ๆ กังๆ เพื่อกล่าวทักทายผู้ช่วยหวังกับเบลล์

 

 

“ประธานเหยียนปฏิบัติกับแฟนได้ห่ามจังเลย ผลักคุณให้เข้ามาอย่างนี้ได้อย่างไรกัน” เบลล์ส่ายหัว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

 

 

เหยียนเค่อกำลังช่วยซย่าเสี่ยวมั่วถอดเสื้อกันหนาวออก ไม่มีเวลาไปใส่ใจการหยอกเย้าของเบลล์ กลายเป็นซย่าเสี่ยวมั่วที่แสดงกริยาโง่ๆ โดยการตีมาที่เสื้อขนเป็ดอันหนาของเขา “ฉันใส่มาเยอะเกินไป ถ้าไม่กลิ้งเข้ามาคงขยับไม่ไหว”

 

 

“ยืดแขน” เหยียนเค่อเคาะไปที่ศีรษะของหล่อน “เดี๋ยวค่อยคุย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรับคำอย่างว่าง่าย ตอนที่ยืดแขนออกไปไม่ได้ระวังท่าทางเลยเกือบจะสะบัดไปโดนใบหน้าของเหยียนเค่อ เธอแลบลิ้น ลูบไปที่ตำแหน่งที่โดนไปเฉียดๆ”ขอโทษทีนะ”

 

 

เหยียนเค่อส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ช่วยถอดเสื้อคลุมทั้งสองชิ้นของหล่อนออกแล้วพับวางไว้ด้วยกันที่ด้านหลังเบลล์ที่นั่งอยู่ด้านหน้ามองการกระทำของคนทั้งคู่ก็หัวเราะจนปวดท้อง ผู้ช่วยหวังก็กลั้นขำไว้อยู่เหมือนกัน เจ้านายของพวกเขามีวันที่โดนจัดการได้น่าอนาถอยู่เหมือนกัน

 

 

“นายไม่หนาวเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าเหยียนเค่อใส่เสื้อน้อยชิ้นอยู่ตลอด วันนี้ก็ต่างจากวันอื่นก็ตรงที่เพิ่มการใส่เสื้อฮีทเทคไว้ด้านในอีกชั้นเท่านั้น “เอาของฉันไปใส่ตัวหนึ่งไหม”

 

 

เหยียนเค่อมองหล่อนยิ้มๆ เธอคิดว่าตัวเองใส่เยอะไปก็พูดมาตรงๆ ไม่ต้องเอาฉันมาเป็นข้ออ้าง”

 

 

คนที่โดนรู้ทันอย่างซย่าเสี่ยวมั่วรีบเปลี่ยนเรื่อง หันไปคุยกับเบลล์แทน “ผู้จัดการ ทำไมช่วงนี้ฉันไม่ค่อยเห็นคุณที่บริษัทเลยล่ะคะ”

 

 

เบลล์ถูกนายหญิงของตนเรียกตนเองว่าผู้จัดการต่อหน้าเหยียนเค่อก็รู้สึกหนาวๆ รีบส่ายมือ “คุณไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอกค่ะ เรียกฉันว่าเบลล์เฉยๆ ก็พอ”

 

 

เหยียนเค่อมองเบลล์เป็นเหมือนพี่สะใภ้ของตนเอง ได้ยินหล่อนเอ่ยพูดแบบนี้ก็เอ่ยเตือนซย่าเสี่ยวมั่ว “เรียกว่าพี่ก็ได้”

 

 

“พี่?” เบลล์ไม่ยอมรับ คลำที่หน้าตัวเองแล้วรู้สึกรับไม่ได้กับคำเรียกนี้ ฉันดูหน้าแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

 

“อย่างนั้นฉันเรียกคุณว่าพี่เบลล์แล้วกัน” ซย่าเสี่ยวมั่วมองไปที่เหยียนเค่อ ไม่รู้ว่าตนเรียกแบบนี้ได้หรือไม่

 

 

เหยียนเค่อพยักหน้า เบลล์ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรต่อได้แต่ยอมรับผลลัพธ์ที่เป็นเอกฉันท์นี้

 

 

“ตอนนี้เบลล์ถูกย้ายมาที่ YAN แล้ว ดังนั้นคงไม่ค่อยไปปรากฏตัวที่ฮุยเถิงแล้ว” เหยียนเค่อตอบแทนเบลล์แล้วเอ่ยเสริมไปอีก “เรื่องพวกนี้เธอถามฉันตรงๆ ก็ได้ ไปถามหล่อนทำไม”

 

 

…ซย่าเสี่ยวมั่วหมดคำพูดแล้วมองไปที่ชายหนุ่ม นี่มันเป็นการพูดคุยกันตามมารยาทนะ ทำไมคนๆ นี้ช่างน่าโมโหขนาดนี้นะ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 662 นึกถึงเรื่องในอดีต

 

 

เบลล์มีความประทับใจในตัวซย่าเสี่ยวมั่วเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าซย่าเสี่ยวมั่วจะยังดูเกร็งๆ อยู่ แต่เบลล์ก็ยังคงแสดงออกจากกระตือรือร้น เหยียนเค่อที่นั่งอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ทีจะเอ่ยขัดขึ้น “คุณชอบซย่าเสี่ยวมั่วเข้าแล้วหรือเปล่าเนี่ย”

 

 

“ฉันชอบและชื่นชมอาหารและชาที่ฮูหยินทำ ไม่แน่ว่า…”

 

 

เหยียนเค่อยิ้มเย็น “ต่อให้เป็นแค่คิดก็ห้ามคิด”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วผลักให้เหยียนเค่อกลับไป “อ่านเอกสารของนายไป”

 

 

เบลล์ยิ้มจนริมฝีปากยกยิ้มตาม น่าจะมีแค่ซย่าเสี่ยวมั่วคนเดียวที่กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้คุยกับเหยียนเค่อ ช่างน่าตลกจริงๆ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งพิงเบาะแล้วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ทำไมฉันถึงจำไม่ได้ว่านายเคยพูดถึงเรื่องนี้ด้วยนะ”

 

 

“อันหรานเอามาให้ฉันค่ะ อันหรานยังมาบ่นกับฉันอีกด้วยว่าคุณบังคับให้เธอกินอาการคนป่วยที่จะทำไปให้เหยียนเค่อ”

 

 

พอพูดถึงอันหราน ซย่าเสี่ยวก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจแล้ว “ฉันเข้าใจ เข้าใจเลย เธอคงเผาฉันให้คุณฟังไปหมดเปลือกเลย”

 

 

แต่สิ่งที่เหยียนเค่อสนใจกลับเป็นคำว่า อาหารคนป่วย ต่างหาก เหยียนเค่อดึงซย่าเสี่ยวมั่วกลับมา “ทำไมไม่เอาไปให้ฉัน”

 

 

“อันหรานกินไปหมดแล้ว” ซย่าเสี่ยวมั่วแกล้งทำโง่ แต่เหยียนเค่อไม่ได้โง่ แค่เขาคิดก็นึกออกแล้วว่าเป็นเรื่องตอนไหน อยากจะฆ่าหล่อนให้ตายนัก

 

 

“ถ้าคราวหน้ากล้าทำแบบนี้อีกฉันจะกินเธอเข้าไปเลย” เหยียนเค่อดึงซย่าเสี่ยวมั่วเข้ามากอด เอ่ยแล้วขู่เสียงเบา

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเปลี่ยนเป็นนอนราบหนุนตักชายหนุ่ม เอ่ยรับประกันอย่างดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่ “ไม่แน่นอน ต่อไปจะไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน”

 

 

เหยียนเค่อก็ไม่อาจคิดบัญชีกับหล่อนได้อยู่แล้ว หยิกไปที่แก้มหล่อน “จะนอนไหม”

 

 

“อื้อ” ซย่าเสี่ยวมั่วนั่งคุยมาเยอะ เธอรู้สึกง่วงตั้งนานแล้ว ยืนแขนไปด้านบน “ฉันจะนอนแล้ว จะนอนกับฉันไหม”

 

 

“…” เหยียนเค่อใช้มือปิดหน้าของหล่อนไว้ “คำพูดนี้เธอน่าจะพูดตั้งแต่อยู่ที่บ้านนะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเงียบเสี่ยงในทันที พลิกตัวตะแคง เอามือวางไว้ที่ขาของชายหนุ่มแล้วหลับไป

 

 

เนื่องจากว่าหิมะตก ทางด่วนเลยถูกปิด พวกเขาเลยขับที่ถนนหลักแทน พอไปถึงที่หนานซานก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี

 

 

เหยียนเค่อเห็นว่าซย่าเสี่ยวมั่วยังไม่ตื่นเลยให้ผู้ช่วยหวังกับเบลล์แยกย้ายกันไปก่อน ส่วนตนนั่งอยู่บนรถรอให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาเอง

 

 

ขาถูกกดทับมากว่าสองชั่วโมงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าขาเริ่มชา กลัวว่าการขยับจะทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วตื่นขึ้นมา ดังนั้นตอนนี้ขาเขาเลยไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว

 

 

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงซย่าเสี่ยวมั่วก็ตื่นขึ้นแล้วขยับมานั่งตามเดิม จากนั้นก็สำลักเป็นการใหญ่ เหยียนเค่อลูบหลังให้หล่อน “เป็นอะไร”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ เอ่ยบอกเหตุผลที่ทำเอาเหยียนเค่อแทบกระอัก “สำลักน้ำลาย”

 

 

“ไม่สำลักตายก็ดีแล้ว” เหยียนเค่อบิดฝาน้ำอุ่นแล้วส่งให้หล่อน “ดื่มเสร็จแล้วก็ใส่เสื้อให้เรียบร้อย เรามาถึงแล้ว”

 

 

หญิงสาวดื่มน้ำไปอึกหนึ่งแล้วมอกออกไปด้านนอกหน้าต่าง พอว่ารถไม่ได้ขับขึ้นไปแต่จอดอยู่ตรงเนินเขาแทน “เราต้องปีนขึ้นไปเหรอ”

 

 

“ใช่แล้ว” เหยียนเค่อรับขวดน้ำกลับมา ปิดฝาให้แน่น “อือ ถนนเส้นนี้จะปิดแล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่เดินขึ้นไปต้องน้อยมาก”

 

 

“อย่างนั้นตอนนี้เราต้องขึ้นไปใช่ไหม” ซ่ยาเสี่ยวมั่วรูดซิปขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจ เธอไม่อยากใส่เสื้อขนเป็ดอีกชั้นแล้ว กะว่าจะลงรถไปทั้งอย่างนี้เลย

 

 

เหยียนเค่อช่วยหล่อนถือเอาไว้ในมือ ผู้ช่วยหวังเอากระเป๋าเดินทางขึ้นไปให้แล้ว เหลือแต่กระเป่าสะพายติดตัวของซย่าเสี่ยวมั่วกับของติดตัวของเหยียนเค่อเท่านั้น พอเก็บของเสร็จเหยียนเค่อก็เดินจูงมือซย่าเสี่ยวมั่วที่ถือกระเป๋าอยู่ขึ้นไปบนเขา

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วนึกถึงครั้งแรกที่พวกเขามาที่นี่ เหยียนเค่อเป็นคนขนกระเป๋าทั้งหมดขึ้นไปคนเดียว ขนาดรำคาญตนขนาดนั้นแต่ก็ยังคงทำดีกับเธอมาก