บทที่ 610 บุกรุกจวนอ๋องเย่กลางดึก

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 608 บุกรุกจวนอ๋องเย่กลางดึก

“นายท่าน” ชายชุดดำเห็นหนานกงเซวียนเหอซึ่งสวมหน้ากากอยู่ก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงทันที หนานกงเซวียนเหอชูมือขึ้นโดยยืนอยู่บนที่สูง

หนานกงเซวียนเหอถามโดยไม่ได้หันกลับมา “เป็นอย่างไร?”

“ในเมืองหลวงนั้นไม่เห็นหนานกงเย่จริงๆ รถม้าที่ไปเร่งไปชายแดนเป็นหนานกงเย่ไม่ผิดแน่ขอรับ”

“ถ่ายทอดคำสั่งทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารหนานกงเย่คู่สามีภรรยา เสนอเงินรางวัลหนึ่งหัวได้ห้าแสนตำลึง”

“ขอรับ”

“ส่งกำลังคนเข้าไปในเมืองหลวง เส้นทางหนึ่งไปยังจวนอ๋องเย่พร้อมหาวิธีสังหารลูกชายทั้งห้าของหนานกงเย่ เส้นทางหนึ่งปะปนเข้าไปในวังแล้วรอรับคำสั่งของข้า!”

“ขอรับ!”

คืนนี้ทั้งลมและหิมะทั่วทั้งนภา เช่นไรอวิ๋นหลัวฉวนก็นอนไม่หลับ

“เหตุใดถึงตื่นขึ้นมาอีกหล่ะ?”

อ๋องตวนสังเกตว่าคนข้างกายตื่นขึ้นแล้วลุกลงมาจากเตียงนำเสื้อคลุมตัวหนึ่งมาสวมให้อวิ๋นหลัวฉวน

อวิ๋นหลัวฉวนหันกลับมาเหลือบมองอ๋องตวนด้วยสีหน้าเศร้าหมอง: “ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอันใดกระสับกระส่ายอยู่ตลอด!”

“หมอประจำจวนให้เจ้าพักผ่อนให้ดีเจ้ายังไม่ยอมฟัง หรือว่าไม่กี่วันนี้ข้าออกไปแต่เช้าและกลับมาดึกดื่นส่งผลต่อการพักผ่อนของเจ้า หากเป็นเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปนอนพักผ่อนที่ห้องตำราโน่น”

อ๋องตวนกล่าวจบก็รู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง หากว่าไปที่ห้องตำราเขาเกรงว่าตอนเช้าจะลุกไม่ขึ้นและในตอนกลางวันก็ทำงานได้ไม่ดี

อวิ๋นหลัวฉวนส่ายศีรษะ: “ไม่ใช่ปัญหาของท่านอ๋อง หม่อมฉันเพิ่งเริ่มเป็นในคืนนี้กระสับกระส่ายและรู้สึกอยู่เสมอว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น”

“คงไม่หรอก พักผ่อนเถอะ” อ๋องตวนจูงอวิ๋นหลัวฉวนกลับไปพักผ่อนแต่เขานั้นกลับนอนไม่หลับซะแล้ว

อวิ๋นหลัวฉวนนอนลงโดยที่อ๋องตวนนั่งอยู่ด้านนอก อวิ๋นหลัวฉวนนอนไม่หลับจึงคิดถึงเรื่องที่ไม่ควรคิด

“เหตุใดท่านถึงต้องทำลายหลุมศพของเขา?” เรื่องของหนานกงเซวียนเหอค้างคาใจอวิ๋นหลัวฉวนอยู่เป็นเวลานานแล้ว นางอยากจะถามอยู่ตลอดแต่ไม่กล้าถาม

คืนนี้นอนไม่หลับก็ดันนึกขึ้นมาได้นางจึงทนไม่ไหว

อ๋องตวนกำมือเอาไว้โดยที่ในใจร้อนรนขึ้นมา: “เรื่องที่ผ่านไปแล้วข้าไม่อยากเอ่ยถึง”

“ท่านเป็นบุรุษเหตุใดถึงได้ใจน้อยเช่นนี้ หม่อมฉันกับเขาไม่มีสิ่งใดกันท่านก็ยังทำร้ายเขาโดยที่เขาได้ตายไปแล้ว” เมื่อนึกถึงหนานกงเซวียนเหอและการตายสุดท้ายของเขา อวิ๋นหลัวฉวนก็ยังรู้สึกไม่สบายใจแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแล้ว

“ข้าไม่อยากอธิบาย” อ๋องตวนยังคงเฉยชาอยู่เช่นนั้น

อวิ๋นหลัวฉวนยิ่งงุนงงมากขึ้น: “ท่านเป็นท่านอ๋องผู้สง่างามเหตุใดถึงได้ถือสากับคนตายเช่นนั้น ยิ่งกว่านั้นหม่อมฉันกับเขาไม่มีสิ่งใดกัน ท่านเองก็รู้”

“……” อ๋องตวนไม่กล่าวอันใด เขาไม่อยากกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น

“ท่านกับจวินฉูฉู่ หม่อมฉันได้ไปขุดหลุมศพหรือไม่ ท่านไม่กลัวกรรมคืนสนองหรือ?”

อวิ๋นหลัวฉวนอดไม่ได้จึงลุกขึ้นถามอ๋องตวน

สีหน้าของอ๋องตวนดูไม่ได้ยิ่งนัก: “อย่าได้กล่าวอีก”

อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างสุดซึ้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของเขาแต่เขายังไม่ยอมรับอีก

คนก็ไม่อยู่แล้ว!

อวิ๋นหลัวฉวนน้ำตาเอ่อล้นในดวงตาเนื่องด้วยความรู้สึกคับข้องใจ

จู่ๆนางก็พบว่ามีก็คือมี ไม่มีก็คือไม่มี พวกเขาล้วนแล้วแต่หลบหนีและไม่สนใจเรื่องราวบางอย่างที่ผ่านมา แต่แท้จริงแล้วไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ความเหินห่างของพวกเขาไม่ได้ลดน้อยลง หรือแม้แต่ไม่มีในตอนนี้ หรือแม้แต่ยิ่งแสดงก็ยิ่งรุนแรง การหลบหนีไม่สามารถแก้ปัญหาได้

อ๋องตวนลุกยืนขึ้นมา ขณะที่หันหลังกลับไปมองอวิ๋นหลัวฉวนในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา: “คนก็ตายแล้วยังจะเอ่ยถึงอีกเพื่อสิ่งใด?”

“เหตุใดท่านถึงขุดหลุมฝังศพ?” อวิ๋นหลัวฉวนยังคงดื้อดึง

อ๋องตวนหันหลังกลับเพื่อจากไปแล้วอวิ๋นหลัวฉวนก็ถามว่า “ในใจของท่านยังมีจวินฉูฉู่อยู่ใช่หรือไม่?”

อ๋องตวนหยุดแล้วกุมมือเอาไว้ตรงด้านหน้า

“สำหรับข้าแล้วนางเคยอยู่จริง ข้ากล่าวจริงๆ เหตุใดถึงจะไม่มีหล่ะ” อ๋องตวนหันหลังกลับส่วนอวิ๋นหลัวฉวนน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาในทันใด ร้องห่มร้องไห้ซะจนอ๋องตวนเป็นทุกข์ยิ่งนัก

มองดูอวิ๋นหลัวฉวนอ๋องตวนก็รู้สึกเสียใจภายหลังไม่ควรพูดจาตัดรอนเช่นนั้น

อวิ๋นหลัวฉวนถามว่า: “เช่นนั้นท่านมีสิทธิ์อะไรไปเกลียดหนานกงเซวียนเหอ? เขาเกี่ยวข้องอันใดกับท่าน?”

“เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าดังนั้นเขาจึงไม่ควรสอดรู้สอดเห็น” อ๋องตวนเอ่ยถึงหนานกงเซวียนเหอด้วยแววตาอันดุร้าย

อวิ๋นหลัวฉวนโกรธเคืองแล้วจ้องมองอ๋องตวนด้วยความโมโห

อ๋องตวนเดินเข้ามาใกล้ต้องการที่จะปลอบใจอวิ๋นหลัวฉวน แต่เพิ่งเดินไม่กี่ก้าวก็ถูกอวิ๋นหลัวฉวนก็เรียกเอาไว้: “ห้ามเข้ามา หม่อมฉันไม่อยากเห็นท่าน ท่านออกไปซะ”

คนผู้หนึ่งซึ่งไม่รักนางแต่ต้องการครอบครองทุกอย่างของนาง เขามีสิทธิ์อันใด?

อวิ๋นหลัวฉวนหันกลับไป นางไม่ต้องการเห็นอ๋องตวน

อ๋องตวนเหลือบมองท้องของอวิ๋นหลัวฉวนและในเวลานี้ไม่ต้องการทำร้ายอวิ๋นหลัวฉวน

“ข้าจะไปห้องตำรา”

หันหลังกลับอ๋องตวนออกประตูไปที่ห้องตำราโน่น แต่ว่าหลังจากเดินออกประตูไปไม่กี่ก้าวก็เห็นประกายไฟกระพริบผ่านไปและรวดเร็วนัก

อ๋องตวนมองลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งโดยรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วถามว่า: “เกิดสิ่งใดขึ้นที่ด้านนอก?”

คนบนหลังคาลงมายังตรงพื้นและคุกเข่าข้างหนึ่ง: “ไม่รู้พะย่ะค่ะ แต่มีคนกำลังเข้าใกล้วังหลวงและจวนอ๋องเย่”

“เหตุใดไม่มีใครมารายงาน?” ใบหน้าของอ๋องตวนโกรธจัดคนบนพื้นเกิดความลังเล

“ผู้น้อยกำลังรออยู่ เมื่อครู่……”

อ๋องตวนรู้ว่าเป็นเพราะเขากับอวิ๋นหลัวฉวนทะเลาะกันเป็นแน่คนจึงไม่กล้ารบกวน

“จัดกำลังคนไปวังหลวงโดยเร็ว”

“ขอรับ”

คนที่อยู่บนพื้นรีบจากไปอย่างรวดเร็ว อ๋องตวนมองย้อนกลับไปในห้องแล้วกลับไปหาอวิ๋นหลัวฉวน

“หม่อมฉันไม่ต้องการ……” เห็นอ๋องตวนเข้าประตูมาอวิ๋นหลัวฉวนคิดที่จะให้เขาออกไป แต่ท้ายที่สุดอ๋องตวนนำเสื้อคลุมขนสัตว์มาสวมให้อวิ๋นหลัวฉวนเลยโดยตรง

“ข้าจะไปจวนอ๋องเย่ปล่อยเจ้าไม่วางใจ ไปยังจวนกั๋วกงก่อน” อ๋องตวนก้มลงอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนแล้วเดินออกไปทางด้านนอก

คนชุดดำสองสามคนเดินตามออกไปทันทีและขึ้นรถม้าไป คนขับรถม้าโบยแส้ทีหนึ่งจากนั้นม้าก็มุ่งหน้าไปยังจวนกั๋วกง

อ๋องตวนแววตาเย็นชา เดิมทีอวิ๋นหลัวฉวนยังคงดื้อรั้นแต่ตระหนักได้ว่ามีเกิดเรื่องขึ้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง

“มิต้องส่งหม่อมฉันไปจวนกั๋วกง พวกเขาจะดูถูกพวกเราเป็นแน่” อวิ๋นหลัวฉวนนึกถึงว่าอ๋องตวนคงไม่เห็นด้วยที่นางจะตามไปด้วยจึงได้หาข้ออ้างและข้ออ้างทั้งหมดไม่ดีเท่าการถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมที่อ๋องตวนได้รับที่จวนกั๋วกง

แม้ว่าอ๋องตวนจะเป็นชินอ๋องแต่ไม่ได้รับการต้อนรับในจวนกั๋วกงเสมอมา นี่คือสิ่งที่เขาสนใจที่สุด

อ๋องตวนสนใจจริงๆด้วย

จับมืออวิ๋นหลัวฉวนเอาไว้แล้วอ๋องตวนก็กล่าวว่า: “ข้าจะไปจวนอ๋องเย่ ฉวนเอ๋อร์จะไปหรือ?”

“วางใจเถอะ หม่อมฉันจะไม่สร้างความวุ่นวายให้ท่าน”

อ๋องตวนมองอวิ๋นหลัวฉวนครู่หนึ่งและเพื่อรักษาหน้าจึงกล่าวว่า: “ไปจวนอ๋องเย่”

อวิ๋นหลัวฉวนถอนหายใจอย่างโล่งอก ขยับลงมาจากอ้อมแขนของอ๋องตวน

ตงเอ๋อร์ซึ่งขี่ม้าไล่ตามอยู่นอกรถม้าถามว่า “จวิ้นจู่”

“เจ้าไปรายงานที่จวนกั๋วกง บอกว่าในวังเกิดเรื่องต้องการให้จวนกั๋วกงส่งคนไปทันที ข้าจะไปจวนอ๋องเย่”

ได้ยินคำสั่งของอ่องตวนตงเอ๋อร์ไม่กล้าล่าช้าจึงรีบไปยังจวนกั๋วกง

ที่จริงจวนกั๋วกงก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว ฮูหยินกั๋วกงได้รออยู่ตรงประตูแล้ว เมื่อเห็นตงเอ๋อร์ก็มอบคนให้ตงเอ๋อร์ทันทีจากนั้นตงเอ๋อร์ก็นำคนตรงไปยังวังหลวงโดยตรง

จวนอ๋องเย่มีคนบุกรุกเข้าไปในเรือนจวินจื่อและอู๋ซังก็สังเกตเห็นในทันใด

“นายท่าน!”

เฟิงอู๋ชิงหลับไปแล้ว เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวก็ลุกขึ้นแล้วออกจากเตียง ในลานของเรือนจวินจื่อได้มีคนออกมาแล้ว

อวิ๋นจิ่นอุ้มเด็กคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องของลานเรือน ตรงหน้ามีคนสิบกว่าคนยืนอยู่

“พวกเจ้าสองสามคนรีบคุ้มกันจวนอ๋องให้ดีห้ามมิให้ผู้คนเข้ามา หากพวกเขาเข้ามาฆ่าให้หมด!”

“ขอรับ”

ผู้คนออกไปอย่างรวดเร็ว อวิ๋นจิ่นมองลงไปที่เจ้าสามในอ้อมแขนแล้วตบเบาๆและมองขึ้นไปยังคนสิบคนที่ลงมาจากบนหลังคา: “พวกเจ้าคุ้มกันหลังคา ประตูและสถานที่ที่สามารถเข้ามาได้”

“ขอรับ”

สิบคนถอยกลับไป อวิ๋นจิ่นกล่าว:“ผู้คนในแต่ละห้องยกเว้นเจ้าหอเฟิงและคนอื่นๆ คนที่เหลือห้ามออกมา”

แม่เฒ่าโฮ่วพ่อเฒ่าโฮ่วยืนอยู่ตรงหน้าประตูและเงยหน้าขึ้นมอง ส่วนโฮ่วเซิงเดินออกมาแล้วก็ถูกดึงกลับไป

ขณะนี้ในลานเรือนนั้นยกเว้นผู้ที่จัดการเรียบร้อยแล้วก็เหลือแต่เฟิงอู๋ชิงและอู๋ซังแล้ว

เฟิงอู๋ชิงมองอวิ๋นจิ่นอย่างละเอียดถี่ถ้วน เรือนหลังของจวนอ๋องเย่เป็นสตรีผู้หนึ่งที่กล่าวแล้วถึงจะนับได้