องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 608 บุกรุกจวนอ๋องเย่กลางดึก
“นายท่าน” ชายชุดดำเห็นหนานกงเซวียนเหอซึ่งสวมหน้ากากอยู่ก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงทันที หนานกงเซวียนเหอชูมือขึ้นโดยยืนอยู่บนที่สูง
หนานกงเซวียนเหอถามโดยไม่ได้หันกลับมา “เป็นอย่างไร?”
“ในเมืองหลวงนั้นไม่เห็นหนานกงเย่จริงๆ รถม้าที่ไปเร่งไปชายแดนเป็นหนานกงเย่ไม่ผิดแน่ขอรับ”
“ถ่ายทอดคำสั่งทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารหนานกงเย่คู่สามีภรรยา เสนอเงินรางวัลหนึ่งหัวได้ห้าแสนตำลึง”
“ขอรับ”
“ส่งกำลังคนเข้าไปในเมืองหลวง เส้นทางหนึ่งไปยังจวนอ๋องเย่พร้อมหาวิธีสังหารลูกชายทั้งห้าของหนานกงเย่ เส้นทางหนึ่งปะปนเข้าไปในวังแล้วรอรับคำสั่งของข้า!”
“ขอรับ!”
คืนนี้ทั้งลมและหิมะทั่วทั้งนภา เช่นไรอวิ๋นหลัวฉวนก็นอนไม่หลับ
“เหตุใดถึงตื่นขึ้นมาอีกหล่ะ?”
อ๋องตวนสังเกตว่าคนข้างกายตื่นขึ้นแล้วลุกลงมาจากเตียงนำเสื้อคลุมตัวหนึ่งมาสวมให้อวิ๋นหลัวฉวน
อวิ๋นหลัวฉวนหันกลับมาเหลือบมองอ๋องตวนด้วยสีหน้าเศร้าหมอง: “ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอันใดกระสับกระส่ายอยู่ตลอด!”
“หมอประจำจวนให้เจ้าพักผ่อนให้ดีเจ้ายังไม่ยอมฟัง หรือว่าไม่กี่วันนี้ข้าออกไปแต่เช้าและกลับมาดึกดื่นส่งผลต่อการพักผ่อนของเจ้า หากเป็นเช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปนอนพักผ่อนที่ห้องตำราโน่น”
อ๋องตวนกล่าวจบก็รู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง หากว่าไปที่ห้องตำราเขาเกรงว่าตอนเช้าจะลุกไม่ขึ้นและในตอนกลางวันก็ทำงานได้ไม่ดี
อวิ๋นหลัวฉวนส่ายศีรษะ: “ไม่ใช่ปัญหาของท่านอ๋อง หม่อมฉันเพิ่งเริ่มเป็นในคืนนี้กระสับกระส่ายและรู้สึกอยู่เสมอว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
“คงไม่หรอก พักผ่อนเถอะ” อ๋องตวนจูงอวิ๋นหลัวฉวนกลับไปพักผ่อนแต่เขานั้นกลับนอนไม่หลับซะแล้ว
อวิ๋นหลัวฉวนนอนลงโดยที่อ๋องตวนนั่งอยู่ด้านนอก อวิ๋นหลัวฉวนนอนไม่หลับจึงคิดถึงเรื่องที่ไม่ควรคิด
“เหตุใดท่านถึงต้องทำลายหลุมศพของเขา?” เรื่องของหนานกงเซวียนเหอค้างคาใจอวิ๋นหลัวฉวนอยู่เป็นเวลานานแล้ว นางอยากจะถามอยู่ตลอดแต่ไม่กล้าถาม
คืนนี้นอนไม่หลับก็ดันนึกขึ้นมาได้นางจึงทนไม่ไหว
อ๋องตวนกำมือเอาไว้โดยที่ในใจร้อนรนขึ้นมา: “เรื่องที่ผ่านไปแล้วข้าไม่อยากเอ่ยถึง”
“ท่านเป็นบุรุษเหตุใดถึงได้ใจน้อยเช่นนี้ หม่อมฉันกับเขาไม่มีสิ่งใดกันท่านก็ยังทำร้ายเขาโดยที่เขาได้ตายไปแล้ว” เมื่อนึกถึงหนานกงเซวียนเหอและการตายสุดท้ายของเขา อวิ๋นหลัวฉวนก็ยังรู้สึกไม่สบายใจแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแล้ว
“ข้าไม่อยากอธิบาย” อ๋องตวนยังคงเฉยชาอยู่เช่นนั้น
อวิ๋นหลัวฉวนยิ่งงุนงงมากขึ้น: “ท่านเป็นท่านอ๋องผู้สง่างามเหตุใดถึงได้ถือสากับคนตายเช่นนั้น ยิ่งกว่านั้นหม่อมฉันกับเขาไม่มีสิ่งใดกัน ท่านเองก็รู้”
“……” อ๋องตวนไม่กล่าวอันใด เขาไม่อยากกล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น
“ท่านกับจวินฉูฉู่ หม่อมฉันได้ไปขุดหลุมศพหรือไม่ ท่านไม่กลัวกรรมคืนสนองหรือ?”
อวิ๋นหลัวฉวนอดไม่ได้จึงลุกขึ้นถามอ๋องตวน
สีหน้าของอ๋องตวนดูไม่ได้ยิ่งนัก: “อย่าได้กล่าวอีก”
อวิ๋นหลัวฉวนรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างสุดซึ้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของเขาแต่เขายังไม่ยอมรับอีก
คนก็ไม่อยู่แล้ว!
อวิ๋นหลัวฉวนน้ำตาเอ่อล้นในดวงตาเนื่องด้วยความรู้สึกคับข้องใจ
จู่ๆนางก็พบว่ามีก็คือมี ไม่มีก็คือไม่มี พวกเขาล้วนแล้วแต่หลบหนีและไม่สนใจเรื่องราวบางอย่างที่ผ่านมา แต่แท้จริงแล้วไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ความเหินห่างของพวกเขาไม่ได้ลดน้อยลง หรือแม้แต่ไม่มีในตอนนี้ หรือแม้แต่ยิ่งแสดงก็ยิ่งรุนแรง การหลบหนีไม่สามารถแก้ปัญหาได้
อ๋องตวนลุกยืนขึ้นมา ขณะที่หันหลังกลับไปมองอวิ๋นหลัวฉวนในดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา: “คนก็ตายแล้วยังจะเอ่ยถึงอีกเพื่อสิ่งใด?”
“เหตุใดท่านถึงขุดหลุมฝังศพ?” อวิ๋นหลัวฉวนยังคงดื้อดึง
อ๋องตวนหันหลังกลับเพื่อจากไปแล้วอวิ๋นหลัวฉวนก็ถามว่า “ในใจของท่านยังมีจวินฉูฉู่อยู่ใช่หรือไม่?”
อ๋องตวนหยุดแล้วกุมมือเอาไว้ตรงด้านหน้า
“สำหรับข้าแล้วนางเคยอยู่จริง ข้ากล่าวจริงๆ เหตุใดถึงจะไม่มีหล่ะ” อ๋องตวนหันหลังกลับส่วนอวิ๋นหลัวฉวนน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาในทันใด ร้องห่มร้องไห้ซะจนอ๋องตวนเป็นทุกข์ยิ่งนัก
มองดูอวิ๋นหลัวฉวนอ๋องตวนก็รู้สึกเสียใจภายหลังไม่ควรพูดจาตัดรอนเช่นนั้น
อวิ๋นหลัวฉวนถามว่า: “เช่นนั้นท่านมีสิทธิ์อะไรไปเกลียดหนานกงเซวียนเหอ? เขาเกี่ยวข้องอันใดกับท่าน?”
“เจ้าเป็นผู้หญิงของข้าดังนั้นเขาจึงไม่ควรสอดรู้สอดเห็น” อ๋องตวนเอ่ยถึงหนานกงเซวียนเหอด้วยแววตาอันดุร้าย
อวิ๋นหลัวฉวนโกรธเคืองแล้วจ้องมองอ๋องตวนด้วยความโมโห
อ๋องตวนเดินเข้ามาใกล้ต้องการที่จะปลอบใจอวิ๋นหลัวฉวน แต่เพิ่งเดินไม่กี่ก้าวก็ถูกอวิ๋นหลัวฉวนก็เรียกเอาไว้: “ห้ามเข้ามา หม่อมฉันไม่อยากเห็นท่าน ท่านออกไปซะ”
คนผู้หนึ่งซึ่งไม่รักนางแต่ต้องการครอบครองทุกอย่างของนาง เขามีสิทธิ์อันใด?
อวิ๋นหลัวฉวนหันกลับไป นางไม่ต้องการเห็นอ๋องตวน
อ๋องตวนเหลือบมองท้องของอวิ๋นหลัวฉวนและในเวลานี้ไม่ต้องการทำร้ายอวิ๋นหลัวฉวน
“ข้าจะไปห้องตำรา”
หันหลังกลับอ๋องตวนออกประตูไปที่ห้องตำราโน่น แต่ว่าหลังจากเดินออกประตูไปไม่กี่ก้าวก็เห็นประกายไฟกระพริบผ่านไปและรวดเร็วนัก
อ๋องตวนมองลงและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งโดยรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วถามว่า: “เกิดสิ่งใดขึ้นที่ด้านนอก?”
คนบนหลังคาลงมายังตรงพื้นและคุกเข่าข้างหนึ่ง: “ไม่รู้พะย่ะค่ะ แต่มีคนกำลังเข้าใกล้วังหลวงและจวนอ๋องเย่”
“เหตุใดไม่มีใครมารายงาน?” ใบหน้าของอ๋องตวนโกรธจัดคนบนพื้นเกิดความลังเล
“ผู้น้อยกำลังรออยู่ เมื่อครู่……”
อ๋องตวนรู้ว่าเป็นเพราะเขากับอวิ๋นหลัวฉวนทะเลาะกันเป็นแน่คนจึงไม่กล้ารบกวน
“จัดกำลังคนไปวังหลวงโดยเร็ว”
“ขอรับ”
คนที่อยู่บนพื้นรีบจากไปอย่างรวดเร็ว อ๋องตวนมองย้อนกลับไปในห้องแล้วกลับไปหาอวิ๋นหลัวฉวน
“หม่อมฉันไม่ต้องการ……” เห็นอ๋องตวนเข้าประตูมาอวิ๋นหลัวฉวนคิดที่จะให้เขาออกไป แต่ท้ายที่สุดอ๋องตวนนำเสื้อคลุมขนสัตว์มาสวมให้อวิ๋นหลัวฉวนเลยโดยตรง
“ข้าจะไปจวนอ๋องเย่ปล่อยเจ้าไม่วางใจ ไปยังจวนกั๋วกงก่อน” อ๋องตวนก้มลงอุ้มอวิ๋นหลัวฉวนแล้วเดินออกไปทางด้านนอก
คนชุดดำสองสามคนเดินตามออกไปทันทีและขึ้นรถม้าไป คนขับรถม้าโบยแส้ทีหนึ่งจากนั้นม้าก็มุ่งหน้าไปยังจวนกั๋วกง
อ๋องตวนแววตาเย็นชา เดิมทีอวิ๋นหลัวฉวนยังคงดื้อรั้นแต่ตระหนักได้ว่ามีเกิดเรื่องขึ้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง
“มิต้องส่งหม่อมฉันไปจวนกั๋วกง พวกเขาจะดูถูกพวกเราเป็นแน่” อวิ๋นหลัวฉวนนึกถึงว่าอ๋องตวนคงไม่เห็นด้วยที่นางจะตามไปด้วยจึงได้หาข้ออ้างและข้ออ้างทั้งหมดไม่ดีเท่าการถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมที่อ๋องตวนได้รับที่จวนกั๋วกง
แม้ว่าอ๋องตวนจะเป็นชินอ๋องแต่ไม่ได้รับการต้อนรับในจวนกั๋วกงเสมอมา นี่คือสิ่งที่เขาสนใจที่สุด
อ๋องตวนสนใจจริงๆด้วย
จับมืออวิ๋นหลัวฉวนเอาไว้แล้วอ๋องตวนก็กล่าวว่า: “ข้าจะไปจวนอ๋องเย่ ฉวนเอ๋อร์จะไปหรือ?”
“วางใจเถอะ หม่อมฉันจะไม่สร้างความวุ่นวายให้ท่าน”
อ๋องตวนมองอวิ๋นหลัวฉวนครู่หนึ่งและเพื่อรักษาหน้าจึงกล่าวว่า: “ไปจวนอ๋องเย่”
อวิ๋นหลัวฉวนถอนหายใจอย่างโล่งอก ขยับลงมาจากอ้อมแขนของอ๋องตวน
ตงเอ๋อร์ซึ่งขี่ม้าไล่ตามอยู่นอกรถม้าถามว่า “จวิ้นจู่”
“เจ้าไปรายงานที่จวนกั๋วกง บอกว่าในวังเกิดเรื่องต้องการให้จวนกั๋วกงส่งคนไปทันที ข้าจะไปจวนอ๋องเย่”
ได้ยินคำสั่งของอ่องตวนตงเอ๋อร์ไม่กล้าล่าช้าจึงรีบไปยังจวนกั๋วกง
ที่จริงจวนกั๋วกงก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว ฮูหยินกั๋วกงได้รออยู่ตรงประตูแล้ว เมื่อเห็นตงเอ๋อร์ก็มอบคนให้ตงเอ๋อร์ทันทีจากนั้นตงเอ๋อร์ก็นำคนตรงไปยังวังหลวงโดยตรง
จวนอ๋องเย่มีคนบุกรุกเข้าไปในเรือนจวินจื่อและอู๋ซังก็สังเกตเห็นในทันใด
“นายท่าน!”
เฟิงอู๋ชิงหลับไปแล้ว เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวก็ลุกขึ้นแล้วออกจากเตียง ในลานของเรือนจวินจื่อได้มีคนออกมาแล้ว
อวิ๋นจิ่นอุ้มเด็กคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องของลานเรือน ตรงหน้ามีคนสิบกว่าคนยืนอยู่
“พวกเจ้าสองสามคนรีบคุ้มกันจวนอ๋องให้ดีห้ามมิให้ผู้คนเข้ามา หากพวกเขาเข้ามาฆ่าให้หมด!”
“ขอรับ”
ผู้คนออกไปอย่างรวดเร็ว อวิ๋นจิ่นมองลงไปที่เจ้าสามในอ้อมแขนแล้วตบเบาๆและมองขึ้นไปยังคนสิบคนที่ลงมาจากบนหลังคา: “พวกเจ้าคุ้มกันหลังคา ประตูและสถานที่ที่สามารถเข้ามาได้”
“ขอรับ”
สิบคนถอยกลับไป อวิ๋นจิ่นกล่าว:“ผู้คนในแต่ละห้องยกเว้นเจ้าหอเฟิงและคนอื่นๆ คนที่เหลือห้ามออกมา”
แม่เฒ่าโฮ่วพ่อเฒ่าโฮ่วยืนอยู่ตรงหน้าประตูและเงยหน้าขึ้นมอง ส่วนโฮ่วเซิงเดินออกมาแล้วก็ถูกดึงกลับไป
ขณะนี้ในลานเรือนนั้นยกเว้นผู้ที่จัดการเรียบร้อยแล้วก็เหลือแต่เฟิงอู๋ชิงและอู๋ซังแล้ว
เฟิงอู๋ชิงมองอวิ๋นจิ่นอย่างละเอียดถี่ถ้วน เรือนหลังของจวนอ๋องเย่เป็นสตรีผู้หนึ่งที่กล่าวแล้วถึงจะนับได้