AST
บทที่1724 – ผู้สืบทอดมรดกแห่งนักบุญเทวะ ปราณพหูสูตคลั่ง
รัศมีแรงกดดันจากตัวของสุ่ยหยุนเฟิงแผ่ซานออกมาจากร่างกายทำให้ชิงสุ่ยถึงกับขมวดคิ้วเพราะดูเหมือนชายที่อยู่เบื้องหน้าเองก็เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดมรดกแห่งนักบุญเทวะ
ถ้าหากชิงสุ่ยจดจำข้อมูลไม่ผิดพลาดสิ่งที่ชายผู้นั้นถืออยู่จะต้องเป็นมรดกสืบทอดระดับศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับมรดกแห่งเทพสงครามทองคำ เพียงแค่ว่ามรดกแห่งนักบุญเทวะนั้นไม่ได้มีส่วนร่วมในการสงครามระหว่างศึกของปีศาจและเทพเจ้า จึงทำให้มันไม่ค่อยมีใครสนใจเห็นจนกระทั่งชิงสุ่ยมองเห็นกระบี่สังหารอสูรที่อยู่ในมือของสุ่ยหยุนเฟิง เมื่อผสานกับกลิ่นอายที่รุนแรง มันก็ถือได้ว่าเขาคือผู้เหมาะสมที่จะได้รับการสืบทอดมรดกแห่งนักบุญเทวะ คนที่ได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่มีชะตาต้องกันกับสมบัติศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นฉะนั้นสมบัติศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นสมบัติที่ดีหรือสมบัติที่เลวร้ายก็ขึ้นอยู่กับมือของผู้ใช้งาน
”ข้ารู้สึกประหลาดใจจริงๆที่เจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้ครอบครองมรดกแห่งนักบุญเทวะแต่ช่างน่าเสียดายที่มันจะกลายเป็นสิ่งของไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า”ชิงสุ่ยจ้องมองสุ่ยหยุนเฟิงที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา เขาไม่ลังเลที่จะกล่าวทักทายคู่ต่อสู้กับเขาด้วยง้าวทองทะลวงศัตรู ซึ่งเมื่อเห็นว่าศัตรูเป็นหนึ่งในผู้ครอบครองสมบัติเทวะเขาเองก็คงจะประมาทไม่ได้
กรงเล็บมังกรทองคำ!!
ปราณจักรพรรดิ!!
เคล็ดวิชาล่าสังหาร!!
ในที่สุดชิงสุ่ยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมสุ่ยหยุนเฟิงถึงกลายเป็นเจ้าผู้ครองถ้ำวารีจันทรา
สุ่ยหยุนเฟิงเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่งโดยไม่พูดจาใดๆเขาต้องการจะสังหารเด็กเหลือขอที่อยู่ต่อหน้าเขา เขาไม่เคยรู้สึกเกลียดชังใครมากขนาดนี้มาก่อน
โฮกกกก!!
ปังงงงงงง!!
เสียงร้องคำรามคล้ายเสียงมังกรดังขึ้นทุกครั้งที่คมโลหะทั้งสองปะทะกันชิงสุ่ยใช้พลังกดดันทำให้ศัตรูมีพลังที่อ่อนแอลง ซึ่งมันยิ่งบีบรั้นสุ่ยหยุนเฟิงให้รู้สึกไม่พอใจ ในขณะที่ชิงสุ่ยกลับรู้สึกผ่อนคลาย
”ผู้ใดที่ได้ครอบครองมรดกแห่งนักบุญเทวะผู้นั้นจะต้องมีจิตใจอ่อนน้อม ถ่อมตน พร้อมแบกรับความทุกข์ทรมานของโลกใบนี้ มิใช่คนเห็นแก่ตัว ชอบดูถูกผู้อื่นเจ้าและทีสำคัญ ลักษณะที่น่าเกรงขามที่สุดของนักบุญเทวะคือการอัญเชิญดินแดนพลังเทวะแห่งเต๋าออกมาตัดสะบั้นศัตรู แต่หลังจากที่ข้าได้ปะมือกับเจ้า มันทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น ข้าคิดว่าเจ้ายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ แต่ตอนนี้มันยังห่างไกลจากสิ่งที่เจ้าเป็นมากนัก!!”ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เขารับกระบวนท่าของสุ่ยหยุนเฟิง
คำพูดของชิงสุ่ยเหมือนมีดสั้นที่กรีดลึกทะลุจิตใจของสุ่ยหยุนเฟิงในฐานะที่เขาเป็นผู้สืบทอดมรดกแห่งนักบุญเทวะ เขาควรจะเข้าใจมันมากที่สุด หากเป็นก่อนหน้านี้ ตอนที่เขายังไร้อำนาจ เขาอาจจะพาตัวเองเข้าถึงพลังขีดสุดที่เขาควรได้รับ แต่เมื่อเขาการเป็นคนพิการจากเส้นลมปราณที่บาดเจ็บ มันยิ่งทำให้ทุกอย่างแตกต่างออกไปจากเดิม novel-lucky
”เจ้าจะต้องตาย!!”
สุ่ยหยุนเฟิงกำลังจะสูญเสียความนึกคิดเขาโกรธอย่างมากเพราะชีวิตนี้ตัวของเขาเองเป็นผู้ชนะมาโดยตลอด และไม่เคยได้รับการดูถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง เขาจึงมีแรงอาฆาตอย่างมุ่งมั่น แม้จะต้องตายไปพร้อมกับชิงสุ่ย เขาก็จะทำโดยที่ไม่ลังเลเลย
ปราณพหูสูตคลั่ง!!
ทันใดนั้นร่างกายของสุ่ยหยุนเฟิงก็ระเบิดพลังแสงสีทองออกมาทั่วร่างกายส่งผลให้ความแข็งแรงของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างฉับพลัน ร่างกายของสุ่ยหยุนเฟิงในตอนนี้เหมือนแท่งทองที่ไม่อาจทำลายได้
ซึ่งทางฝั่งของชิงสุ่ยเองก็เริ่มปลดปล่อยพลังธรรมชาติออกมาจนทำให้เขาภูเขาที่ตั้งตระหง่านไร้การเคลื่อนไหว
คมกระบี่สังหารศักดิ์สิทธิ์!!!
กระบี่สังหารอสูรในมือของสุ่ยหยุนเฟิงระเบิดคลื่นปราณออกมาเป็นหมอกควันก่อนจะก่อรูปร่างกลายเป็นลักษณะของแข็งและฟันเข้าใส่ชิงสุ่ย
คลื้นนนนน!!
ห้องโถงทั้งหลังหายไปในพริบตาหลังจากทุกคลื่นกระแทกจากแรงโจมตีชิงสุ่ยมองดูกระบี่ยักษ์ที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขา มันมีกลิ่นอายของลมปราณที่แสนคุ้นเคย เพราะว่ามันคือรูปแบบพลังที่เกิดจากพลังปราณจิตและพลังลมปราณต้นกำเนิด
ชิงสุ่ยอาศัยทักษะย่าง9 ก้าวเทวา พร้อมกับปลดปล่อยหุบเขา 9 เทวาออกมารับมือ เขาใช้จิตขยายขนาดและผลักมันออกไปข้างหน้าเพื่อรับแรงโจมตีจากกระบี่ที่น่าเกรงขาม
ปังงงงงงงง!!
โชคไม่ดีนักเพราะดูเหมือนว่าหุบเขา9 เทวาจะไม่อาจหยุดคมคลื่นกระบี่ยักษ์เล่มนั้นได้ มันหยุดกระบี่ยักษ์ได้เพียงแค่ชั่วขณะ ก่อนที่จะถูกตัดแบ่งออกเป็น 2 ซีก
เปลวเพลิงบรรพกาลหยิน-หยาง!!
แน่นอนว่าโลหะย่อมแพ้ไฟและไฟที่ชิงสุ่ยใช้ก็ไม่ใช่ไฟธรรมดา แต่มันคือเปลวเพลิงบรรพกาลหยิน-หยางที่ถูกเพิ่มพูนพลังโดยกายาทองคำ 9 หยาง ยิ่งทำให้พลังไฟแข็งแกร่งแบบทวีคูณ
ตูมมมมมมม!!
เสียงระเบิดดังกึกก้องส่งผลให้พื้นที่ทั้งหมดพังทลายลงจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ส่วนตัวของชิงสุ่ยนั้นยังคงยืนนิ่งแบบปกติ ไม่ใช่เพราะเขาไม่บาดเจ็บแต่เพราะอัตราการฟื้นตัวเร็วเกินไปจึงทำให้ไม่เห็นแทบริ้วรอย
ทางด้านของสุ่ยหยุนเฟิงเขายิ่งแสดงสีหน้าวิตกกังวลเมื่อเวลาในการต่อสู้ยืดยาว เขาไม่อาจระงับอารมณ์โกรธแค้นที่มีต่อเด็กเหลือขอที่อยู่เบื้องหน้าได้ และสิ่งที่เขาโกรธยิ่งกว่าคือพลังของชิงสุ่ยที่ทำให้พลังปราณของเขาลดลงไปมาก โดยรวมแล้วตอนนี้เขาสูญเสียความว่องไวไปกว่าครึ่ง และสูญเสียพลังที่แท้จริงไปเกือบ 20 ส่วน
ศาสตราวุธเร้นลับ!!
ห่าฝนพิรุณโปรย!!
ชิงสุ่ยยิงเข็มพิษออกมาเป็นครั้งคราวและทุกครั้งที่สุ่ยหยุนเฟิงต้องป้องกันมันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ามันเสียเวลาและรู้สึกเหน็ดเหนื่อย เนื่องด้วยจำนวนเข็มทิศที่มีมากเกินไปและยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง มันยิ่งกระตุ้นให้สุ่ยหยุนเฟิงด่าคลั่ง และทุกครั้งที่เขาโจมตีกลับมันก็ไม่อาจส่งผลใดๆทั้งสิ้นกับชิงสุ่ย ความโกรธแค้นยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเขาเริ่มสูญเสียจังหวะการหายใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เห็นว่าตัวของสุ่ยหยุนเฟิงนั้นนมเหลวในทุกอย่างๆ หากเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับเด็กที่ยืนอยู่เบื้องหน้า มันจะยิ่งเป็นอะไรที่น่าอับอาย “ตราบใดที่ข้ายังมีป่าเขียว ข้าก็ไม่ต้องกลัวว่าฝืนจะหมด” เขาต้องการชิงตัวชิงห่านอี้ เพราะเธอคือความหวังเดียวที่ทำให้เขาฟื้นฟูร่างกายได้ ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นวิธีใดเขาจะต้องสั่งสอนเด็กเหลือขอคนนั้นให้ทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็น