ตอนที่ 570 นายกังวลอะไร / ตอนที่ 571 จะสายเกินไปไหม

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 570 นายกังวลอะไร

 

 

           มั่วไป๋เห็นใบหน้าที่จมดิ่งในอารมณ์ของไป๋จิ่ง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

 

 

           สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจด้วยความจนใจ ดังนั้นพูดมาจนถึงสุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะไป๋จิ่งตั้งแง่ในใจ ถึงได้ประสบกับเรื่องทั้งหมดนี้ใช่ไหม

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋ไม่พูดจา เขาก็เริ่มตื่นตระหนกบ้างแล้ว ถ้าวันนี้สลับเปลี่ยนกลับมา ถ้าเป็นมั่วไป๋พูดกับตัวเอง เพราะว่าตัวเองขี้ขลาดเกินไป ดังนั้นถึงทำให้เขาเผชิญชะตากรรมที่บังเอิญผิดพลาดมากมายขนาดนี้

 

 

           เขาก็ไม่รู้ว่าจะแสดงท่าทีตอบสนองอย่างไรได้เช่นกัน

 

 

           เพราะตัวเองรู้ ดังนั้นเขาจึงยิ่งไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับมั่วไป๋อย่างไร

 

 

           ไป๋จิ่งยื่นมือไปคว้ามือมั่วไป๋ไว้ มั่วไป๋ไม่ได้ชักมือออก แต่ปล่อยให้เขาจับ เวลานี้ถึงได้ทำให้ไป๋จิ่งโล่งใจไปทีโดยอัตโนมัติ

 

 

           ไม่ว่าจะว่าอย่างไร มั่วไป๋ไม่ได้เมินเขา เขาก็พอใจมากแล้ว

 

 

           ที่เหลือเขาไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้แล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งกำมือมั่วไป๋แน่น ทำอะไรไม่ค่อยถูก

 

 

           เวลาผ่านไปนานแล้ว เสียงต่ำของมั่วไป๋เอ่ยขึ้น “ช่างเถอะ ถึงยังไงก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ฉันไม่อยากจะไปคิดเล็กคิดน้อยอีก”

 

 

           เขาทุกข์ทรมานตัวเองมาตั้งนานขนาดนี้ กว่าจะปล่อยวางลงได้อย่างช้าๆ ไม่ใช่ง่ายๆ วันนี้ต้องไม่อยากจะกลับไปจำใหม่อีกครั้งเป็นธรรมดา

 

 

           ไป๋จิ่งอ้าปากพูด แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ เขาอยากอธิบาย แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะอธิบายอย่างไร

 

 

           มือที่ถูกไป๋จิ่งกุมไว้พลิกกลับมากุมมือไป๋จิ่งแทน การเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิดทำให้หัวใจของไป๋จิ่งเงียบสงบลงแล้ว

 

 

           การกระทำนี้ของมั่วไป๋ทำให้ไป๋จิ่งใจเย็นขึ้นมาก

 

 

           “เมื่อก่อนผมขี้ขลาดเกินไป”

 

 

           ไป๋จิ่งเงยหน้ามองมั่วไป๋ นัยน์ตาจริงใจหาใดเปรียบ

 

 

           “แต่ต่อไปจะไม่เป็นแบบนี้แล้ว”

 

 

           ทันใดนั้นมั่วไป๋ก็ยิ้มหัวเราะขึ้นมา “ฉันไม่ได้คิดจะเสียใจทีหลังสักหน่อย นายกังวลอะไร”

 

 

           ไป๋จิ่งกลืนน้ำลาย

 

 

           มั่วไป๋เอ่ยถามอีกครั้ง “อะไรกัน นายไม่เชื่อฉันเหรอ”

 

 

           “ไม่ใช่ไม่เชื่อคุณ ผมไม่เชื่อตัวผมเอง”

 

 

           มั่วไป๋บีบมือไป๋จิ่งไว้ “พอเถอะ เลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว”

 

 

           เรื่องนี้ถือเป็นอดีตที่ผ่านไปแล้ว แต่ไป๋จิ่งยังรู้สึกละอายใจทรมานใจอยู่ วนเวียนอยู่กับมั่วไป๋ตั้งนานสองนาน ถึงเพิ่งถูกมั่วไป๋ไล่ออกไป

 

 

           หลังจากไป๋จิ่งออกไปได้ไม่นาน มั่วไป๋ก็หยิบภาพออกจากห้องไป

 

 

           ……

 

 

           ตามเวลากำหนดที่นัดกันไว้ ไป๋จิ่งก็ขับรถไปยังร้านอาหาร

 

 

           ตอนที่เขาไปถึง ไมเคิลก็ถึงที่นี่แล้ว ไป๋จิ่งไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินเข้าไปนั่งลงอยู่ที่ข้างหน้าไมเคิล

 

 

           เขาอยู่ตรงข้ามกับไมเคิล ตำแหน่งของทั้งสองคนที่เหลือไว้อยู่ตรงข้ามกันคือด้านหลังทั้งสองของโซฟา ซึ่งเก็บความเป็นส่วนตัวได้ดีมาก ไม่เห็นคนที่อยู่ด้านหลัง

 

 

           เพียงไม่นานเซียวเย่ว์ก็ตามเข้ามา

 

 

           เธอใส่ชุดคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของซีซั่นนี้ ถ้ามองจากแค่ด้านนอก เซียวเย่ว์รูปร่างหน้าการแต่งตัวดูจากทุกมุมไม่เลวจริงๆ

 

 

           แต่น่าเสียดาย จิตใจเธอไม่ได้ดีมาก

 

 

           “ไป๋จิ่ง รอนานไหมคะ” เซียวเย่ว์เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม นั่งลงตรงข้ามกับไป๋จิ่ง

 

 

           “ผมก็เพิ่งมาถึง”

 

 

           “ทำไมวันนี้ถึงนัดฉันมากินข้าวล่ะคะ” เซียวเย่ว์จงใจถามหยั่งเชิง

 

 

           ไป๋จิ่งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ยังไงกัน ไม่อยากกินข้าวกับผมเหรอ”

 

 

           พอเซียวเย่ว์ได้ยิน เธอก็รีบส่ายหัวทันที “ไม่ใช่แน่นอนค่ะ คุณยอมติดต่อฉันมาได้ ฉันมีความสุขแทบไม่ทัน แล้วจะไม่ดีใจได้ยังไงคะ”

 

 

           เซียวเย่ว์ค่อนข้างมองไป๋จิ่งด้วยความเขินอาย ส่งใบรายการอาหารให้ไป๋จิ่ง “คุณสั่งเถอะค่ะ ฉันไม่เลือกกิน อะไรก็ชอบหมด”

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นแบบนี้ก็ยื่นมือไปรับใบรายการอาหารมา แล้วสั่งอาหารมาจำนวนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

 

 

           หลังจากสั่งอาหารแล้ว ไป๋จิ่งก็สังเกตที่หน้าประตูทางเข้าตลอด ดูว่าเมื่อไหร่เปาเหวินซิงจะมาได้เมื่อไหร่

 

 

           เขารับมือกับเซียวเย่ว์ไปพลาง ดูข้างหลังไปพลาง

 

 

           รออยู่ตั้งนานสองนาน ในที่สุดก็มีคนเดินผ่านประตูเข้ามา

 

 

           รูปร่างหน้าตาถือว่าใช้ได้ ดูไปแล้วห่ามๆ ห้าวๆ ไม่เบาทีเดียว

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นเปาเหวินซิงเดินมุ่งหน้าไปหาไมเคิล ไม่ได้มองมาทางเขาเลยด้วยซ้ำ

 

 

           

 

 

ตอนที่ 571 จะสายเกินไปไหม

 

 

           เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สมกับเป็นเพื่อนของซือเหยี่ยน ไมเคิลลงมือปฏิบัติการแล้ว คล่องตัวอย่างที่คิดไว้จริงๆ

 

 

           คนที่ควรจะมาก็มาครบแล้ว สีหน้าของไป๋จิ่งเปลี่ยนไปจริงจังขึ้นมาอีกเล็กน้อย

 

 

           เวลานี้คนที่อยู่ด้านข้างส่งอาหารเข้ามาพอดี พอเซียวเย่ว์เห็นอาหารบนโต๊ะ ตาเธอก็อดจะลุกวาวไม่ได้

 

 

           มองไป๋จิ่งด้วยความรู้สึกที่ตื่นตะลึงเพราะได้รับการเอาใจใส่อย่างคาดไม่ถึง “คิด คิดไม่ถึงว่าคุณจะยังจำได้ว่าฉันชอบกินอะไร”

 

 

           ไป๋จิ่งยิ้มหัวเราะเล็กน้อย “ต้องจำได้อยู่แล้ว”

 

 

           การกระทำแบบนี้ของเขาคือการเอาอกเอาใจเซียวเย่ว์ ถ้าพูดถึงเมื่อก่อนเซียวเย่ว์เอาแต่กังวลเรื่องการได้มาและการสูญเสียไป แต่ในนาทีนี้เซียวเย่ว์มั่นใจขึ้นมาทันที ไป๋จิ่งต้องชอบตัวเธอเองแน่ๆ

 

 

           ถ้าไม่ชอบเธอ ทำไมจะต้องเป็นฝ่ายนัดเธอด้วย ทั้งยังสั่งอาหารที่เธอชอบกินมาทั้งหมดอีก

 

 

           เธอและเขาไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว

 

 

           เธอไม่เชื่อหรอกว่าคนเย่อหยิ่งอย่างไป๋จิ่งจะมาจำสิ่งที่คนอื่นชอบได้แบบขอไปที

 

 

           ความคิดนี้อยู่เต็มในหัวของเซียวเย่ว์ไปหมด หัวใจทั้งดวงของเธอเต้นแรงขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ มีความดีใจและประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

           เธอไม่ปกปิดอารมณ์ที่แสดงออกผ่านใบหน้าเลยสักนิด ดวงตาเปล่งประกายมองมาที่ไป๋จิ่ง

 

 

           ไป๋จิ่งสบตากับเธอ มองท่าทีตอบสนองของเธออย่างชัดเจน

 

 

           เขายิ้มหัวเราะเล็กน้อย เอ่ยเสียงอ่อนโยน “กินก่อนเถอะ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยเอา”

 

 

           เซียวเย่ว์พยักหน้ารับ “ค่ะๆ”

 

 

           “รู้ว่าคุณชอบมากินร้านนี้ ผมเลยจองไว้ล่วงหน้าให้เป็นพิเศษ หวังว่าคุณจะชอบ”

 

 

           เซียวเย่ว์อายหน้าแดง เธอมองไป๋จิ่งด้วยความดีใจ “คิดไม่ถึงว่าคุณจะจองร้านอาหารให้ฉันเป็นพิเศษ”

 

 

           “ให้คุณ ไม่ใช่ตั้งใจ”

 

 

           เขาป้อนคำที่ดูสนิทสนมกัน เดิมเซียวเย่ว์คิดอะไรกับไป๋จิ่งอยู่แล้ว ตอนนี้มาได้ยินคำพูดแฝงความหมายพวกนี้ สมองก็รวนไปหมดทันที

 

 

           เธอใช้ความคิดแบบปกติไม่ได้แล้ว

 

 

           ในหัวเต็มไปด้วยเรื่องที่ว่า คำพูดไป๋จิ่งที่ดีอย่างนี้หมายความว่าอะไร เธอคิดไปแบบนั้น ที่จริงแล้วไป๋จิ่งก็ชอบเธอเหมือนกันใช่หรือเปล่า

 

 

           เธอเบิกตากว้างมองไป๋จิ่ง อ้าปากพูดด้วยความตื่นเต้น “ไป๋จิ่ง คุณพูดกับฉันแบบนี้หมายความว่าอะไรคะ”

 

 

           ไป๋จิ่งถือแก้วยกขึ้นมาดื่มน้ำคำหนึ่ง ไม่ได้ตอบกลับไปตรงๆ แต่พูดว่า “สองปีมานี้ผมเคยสืบข่าวคราวของคุณ”

 

 

           เซียวเย่ว์หัวใจกระตุกวูบ “สืบข่าว”

 

 

           ไป๋จิ่งสีหน้าเหงาหงอย “เดิมทีผมอยากจะตามหาคุณ แต่กลับเห็นคุณอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง”

 

 

           เขาถอนหายใจเล็กน้อย “ผมรู้ว่าสายเกินไปใช่ไหมล่ะ”

 

 

           หัวใจเซียวเย่ว์เต้นเร็วจนจะหลุดออกมาข้างนอกแล้ว

 

 

           เธอรู้สึกเหมือนตัวเองจะได้ยินเรื่องอะไรร้ายแรงมา คำพูดที่ออกมาจากปากเหมือนจะมีเค้าความจริงอะไรบางอย่างอยู่

 

 

           เธอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก “ผู้ชายอะไรคะ”

 

 

           เมื่อครู่ไป๋จิ่งบอกใบ้ลักษณะบรรยายถึงเปาเหวินซิง แต่ไม่ถึงขนาดหลุดพิรุธออกมา แต่ก็ทำให้เซียวเย่ว์รู้ว่าเป็นใครได้พอดี

 

 

           “เขากับคุณ…ดูเหมือนสนิทกันมาก”

 

 

           เมื่อเซียวเย่ว์ได้ยินว่าไป๋จิ่งเห็นเธอกับเปาเหวินซิงอยู่ด้วยกัน เธอก็รีบโต้แย้งทันที “ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะคะ เป็นเขาที่ตามมาวอแวฉันอยู่ตลอด ฉันทำอะไรไม่ได้”

 

 

           ไป๋จิ่งมองเธออย่างไม่กล้าจะเชื่อได้ “คุณพูดจริงเหรอ”

 

 

           “จริงๆ ค่ะ เพื่อนฉันรู้กันหมด เขาเอาแต่ไม่รู้จักความอาย ตอแยฉันมาหลายปีแล้ว ฉันไล่ยังไงก็ไม่ไปสักที”

 

 

           เซียวเย่ว์กลัวไป๋จิ่งไม่เชื่อ เธอยังจงใจเสริมอีกประโยค “ฉันรำคาญเขามากเลยนะคะ จริงๆ !”

 

 

           รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าไป๋จิ่งทีละนิดๆ “ผมยังคิดว่าคุณ…”

 

 

           “ฉันชอบคุณมาตลอดค่ะ ชอบมากชอบมากๆ ฉันไม่มีวันจะชอบเขา ตรงไหนเขาก็เทียบคุณไม่ได้ ในสายตาฉันแม้เส้นผมเส้นเดียวของคุณ เขาก็เทียบไม่ติด”

 

 

           ไป๋จิ่งรู้สึกว่าเซียวเย่ว์คนนี้ใช้ชีวิตโดยสวัสดิภาพมาจนถึงวันนี้ได้ไม่ใช่ง่ายๆ จริงๆ