บทที่ 504 ขายหน้า

บัลลังก์พญาหงส์

มองหลิ่วฮูหยินจากที่ไกลๆ ถาวจวินหลันก็ต้องตะลึงไป เหมือนว่ามีเรื่องร้อนรนอย่างไรอย่างนั้น เสื้อผ้าที่สวมใส่มาก็เป็นชุดอยู่บ้าน ผมก็หวีเกล้าขึ้นไปเป็นมวยง่ายๆ 

 

 

           พอเดินเข้าไปใกล้ ก็สังเกตเห็นสีหน้าดำคล้ำของหลิ่วฮูหยิน ถาวจวินหลันก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่ ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นกังวล จากนั้นนางก็ค้อมตัวลง ยิ้มบางๆ พลางเอ่ยทักทาย “ท่านป้า” 

 

 

           ยังพูดไม่ทันจบ ก็ได้ยินดัง ‘เพี๊ยะ’ ดังสนั่น จากนั้นหน้าฝั่งขวาก็รู้สึกแสบร้อน 

 

 

           “ชายารอง!” ชุนฮุ่ยร้องด้วยความตกใจ แต่ทันแค่เพียงประคองถาวจวินหลันให้หลบไปข้างหนึ่ง 

 

 

           ถาวจวินหลันเงยหน้าขึ้นมา มองดูหลิ่วฮูหยินที่ยังยกมือค้างเหมือนอยากจะตบลงมาอีก แต่กลับถูกปี้เจียวจับเอาไว้แน่น นิ่งไปครู่หนึ่งถึงได้สติกลับมาแล้วเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด นางถูกตบ ถูกหลิ่วฮูหยินตบ นี่เพิ่งพบหน้า หลิ่วฮูหยินก็ง้างมือตบนางไปแล้วทีหนึ่ง 

 

 

           พูดตามจริงแล้ว ตอนแรกนางยังไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่รู้สึกมึนงง ทำไมหลิ่วฮูหยินถึงตบนางเล่า? ถาวจวินหลันไม่ค่อยเข้าใจ จากนั้นถึงเริ่มรู้สึกโมโห 

 

 

           หลิ่วฮูหยินอยากจะสะบัดตัวปี้เจียวออกไป แล้วพุ่งเข้ามาอีกครั้ง ถาวจวินหลันเห็นก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หน้านิ่งยืดหลังตรงเอ่ยถามหลิ่วฮูหยิน “ท่านป้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” นางโมโหมากแล้ว ร่างกายของนางสั่นเล็กน้อย หน้าอกดั่งไฟสุม แทบจะทำให้นางมอดไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้า 

 

 

           นางจะไม่โมโหได้อย่างไร แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ตบหน้านางทั้งๆ ที่เพิ่งพบหน้ากัน อีกทั้งตีคนอย่าตีหน้า ลงมือตบหน้าของนางโดยตรงนั้นยิ่งทำให้นางเสียหน้า โดยเฉพาะมีคนมากมายมองดูอยู่ นางถูกตบลงมาเช่นนี้ทีหนึ่ง เกียรติยศไม่เหลือแล้วไม่พอ ยังต้องเผชิญหน้ากับสายตาสงสัยของคนอื่นอีก 

 

 

           หากวันนี้หลิ่วฮูหยินไม่มีเหตุผลมากพอให้นาง นางก็ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน 

 

 

           ถาวจวินหลันคิดไม่ถึงว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการไล่ถามของตนเอง หลิ่วฮูหยินไม่เพียงแค่ไม่มีอาการใจฝ่ออะไร แต่กลับหัวเราะเสียงเย็นถามนางกลับว่า “ข้าจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ? เจ้าควรถามตัวเองว่าทำอะไรลงไปมิใช่หรือ!” 

 

 

           ถาวจวินหลันย่อมไม่รู้ว่าตนเองก่อกรรมทำชั่วอะไรจนหลิ่วฮูหยินต้องปฏิบัติกับนางเช่นนี้ แม้ว่านางจะโมโห แต่ก็ถือว่าเข้าใจ จะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้หลิ่วฮูหยินเป็นเช่นนี้แน่นอน เห็นได้ชัดว่าหลิ่วฮูหยินคิดว่านางเป็นคนทำ 

 

 

           ถาวจวินหลันหน้าคร่ำเคร่งเผชิญหน้ากับสายตาเฉียบคมของหลิ่วฮูหยิน ก่อนพูดช้าๆ ว่า “ข้าไม่รู้ว่าตนเองทำเรื่องอะไร ท่านป้าถึงเกลียดข้าเช่นนี้ ขอให้ท่านป้าบอกข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้าถึงจะเข้าใจได้ มิเช่นนั้นท่านป้าเข้ามาในจวนตวนชินอ๋องแล้วระบายอารมณ์เช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่เหมาะสมเท่าไร จริงหรือไม่? แม้ว่าจะเป็นญาติแต่ก็ไม่มีเหตุผลให้ทำเช่นนี้ ท่านว่าใช่หรือไม่?” 

 

 

           หลิ่วฮูหยินยังคงพูดแค่ว่า “เจ้าทำอะไรเจ้าคิดให้ดี” จากนั้นก็ถลึงตามองปี้เจียว “เจ้าเป็นใครกัน? ยังไม่ปล่อยมืออีก? เจ้านายไม่มีมารยาท บ่าวย่อมไม่มีมารยาทเช่นเดียวกัน!” 

 

 

           ปี้เจียวยังไม่ยอมปล่อยมือ ถ้าปล่อยไปแล้วหลิ่วฮูหยินลงมือทำซ้ำอีกจะทำอย่างไร?  

 

 

           ถาวจวินหลันมองไปทางปี้เจียว พลางมองหลิ่วฮูหยินสลับกัน แล้วจึงสั่งว่า “ปี้เจียว ปล่อยมือเถิด ท่านป้าชาติกำเนิดสูงส่ง ไฉนเลยจะเหมือนกับคนธรรมดาปากตลาดได้” 

 

 

           คำพูดนี้ช่างเป็นการเสียดสีอย่างแท้จริง หลิ่วฮูหยินมีชาติกำเนิดสูงส่งก็จริง แต่ไหนแต่ไรมานั้นก็ถือว่าตนเองเกิดมาสูงส่ง มีมารยาท สูงกว่าคนอื่นขั้นหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นหลิ่วฮูหยินก็แสดงการกระทำแบบคนชั้นต่ำมิใช่หรืออย่างไร? 

 

 

           พอเห็นใบหน้าแดงก่ำพูดไม่ออกของหลิ่วฮูหยิน ถาวจวินหลันก็สบายใจอย่างบอกไม่ถูก หลิ่วฮูหยินเป็นผู้ใหญ่ ต่อให้นางเสียเปรียบก็ไม่ไปคาดคั้น แต่ความโกรธนี้นางกลับกลืนไม่ลง แอบเสียดสีเช่นนี้ก็ถือว่าถาวจวินหลันได้แก้แค้นแล้ว 

 

 

           จนถึงขั้นที่ถาวจวินหลันอดหัวเราะไม่ได้ แต่พอขยับริมฝีปากก็รู้สึกว่าปากและใบหน้าเจ็บมาก จึงสูดหายใจเย็น 

 

 

           เห็นได้ว่าหลิ่วฮูหยินลงมือแรงมากจริงๆ ถาวจวินหลันคิดเยาะเย้ยตนเอง ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วนางไปทำเรื่องอะไรเอาไว้?​ หลิ่วฮูหยินถึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ ไม่เพียงแค่ไม่สนใจฐานะ ไม่สนใจมารยาท แม้แต่ศักดิ์ศรีก็ไม่สนใจ 

 

 

           “หลี่เย่เล่า?” หลิ่วฮูหยินหน้าแดง ไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร แล้วจึงถาม “พวกเจ้าไปเรียกเขามา ข้ามีเรื่องอยากถามเขาให้แน่ใจ!” 

 

 

           “มีเรื่องอะไรท่านป้าสามีสามารถพูดกับข้าได้เลย ตอนนี้มีแขกสำคัญอยู่ในจวน ท่านอ๋องไม่สะดวกมาพบท่าน อีกอย่างเรื่องระหว่างผู้หญิงอย่างพวกเรา ดึงผู้ชายอย่างเขาเข้ามาก็คงไม่ค่อยดีนัก” ถาวจวินหลันหรี่ตาลง หลังยืดตรงมองดูหลิ่วฮูหยิน ไม่ยอมให้ตนเองแสดงความขลาดกลัวและอ่อนแอ “อีกทั้งท่านเองก็ยังไม่ได้อธิบายให้ข้าฟัง ว่าแท้จริงแล้วข้าทำเรื่องอะไร ท่านถึงได้รังเกียจข้าถึงเพียงนี้” 

 

 

           หลิ่วฮูหยินไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ แต่นางอยากถามให้เข้าใจ ถึงจะถูกตบไปแล้ว แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้โดนไปเปล่าๆ! อย่างน้อยนางก็ต้องเข้าใจที่มาที่ไป! 

 

 

           นางไม่ยินยอมลากหลี่เย่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ และไม่ยินยอมให้หลี่เย่เห็นสภาพน่าเวทนาของนาง 

 

 

           อย่างไรโดนตบไปทีหนึ่งจะน่ามองได้อย่างไร? อีกอย่างมองดูนางเช่นนี้ หลี่เย่เองก็ลำบากใจ ด้านหนึ่งต้องเรียกความยุติธรรมให้นาง อีกด้านหนึ่งเพราะว่าป้าสะใภ้เป็นผู้ใหญ่ นี่ไม่น่าลำบากใจหรืออย่างไร? 

 

 

           หลิ่วฮูหยินหัวเราะเสียงเย็น “ทำไมหรือ? ขาดกลัวหรืออย่างไร? กลัวว่าข้าจะเผยตัวตนที่แท้จริงของเจ้าให้หลี่เย่รู้หรืออย่างไร? ข้าต้องพบหลี่เย่ให้ได้! เจ้าถือเป็นอะไร คู่ควรจะมาพูดกับข้าอย่างนั้นหรือ?” 

 

 

           ถาวจวินหลันฟังน้ำเสียงดูถูกของหลิ่วฮูหยิน ฉับพลันนั้นก็รู้สึกว่ามีไฟกระแสหนึ่งพุ่งขึ้นมา ในใจของนางรู้ดีว่าหลิ่วฮูหยินคิดว่านางเป็นเพียงอนุภรรยา ไม่สมควรเอามาออกหน้าออกตาได้ แต่นางรู้ว่าตนเองนั้นเป็นแค่ชายารองจริง แต่นางก็ไม่รู้สึกว่าตนเองนั้นต่ำต้อยด้อยค่าอะไรขนาดนั้น 

 

 

           แต่เดิมนางยังคิดเคารพหลิ่วฮูหยินว่าเป็นผู้ใหญ่ แม้ว่าความโกรธในใจจะถูกกดเอาไว้ แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าตนเองไม่ควรคิดเช่นนี้! มีคนจำพวกหนึ่งที่มีนิสัยได้คืบจะเอาศอก ถลึงตาเชิดหน้าไม่รู้จักข้อบกพร่องของตนเอง! 

 

 

           ถาวจวินหลันพลันก็หัวเราะเสียงเย็น เชิดหน้าขึ้นน้อยๆ มองหลิ่วฮูหยินคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเห็นรู้ว่าข้ามีอะไรไม่คู่ควรให้พูดคุยกับท่านป้า พูดถึงฐานะท่านกลับต่ำกว่าข้าเล็กน้อย ถ้าจะพูดเรื่องเหล่านี้จริงๆ ท่านต้องทำความเคารพข้าด้วยซ้ำไป แม้จะบอกว่าพวกเราเป็นญาติกันไม่ต้องมาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเหล่านี้ แต่ท่านอย่าลืมฐานะของตนเองไป หากพูดไปแล้วจะทำให้คนคิดว่าท่านไม่มีมารยาทได้” 

 

 

           หลิ่วฮูหยินกลับลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เมื่อถาวจวินหลันพูดเตือน ใบหน้าก็แสดงท่าทีตื่นตะลึงอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากนั้นหลิ่วฮูหยินก็หัวเราะเสียงเย็น “อย่างนั้นหรือ? ฐานะสูงแล้วอย่างไร? ภรรยาเอกกับภรรยาเอกไปมาหาสู่กัน ส่วนอนุภรรยาอย่างเจ้าก็คู่ควรพูดกับอนุภรรยาที่จวนของข้าเท่านั้น” 

 

 

           คำพูดของหลิ่วฮูหยินนั้นช่างบาดลึกเข้าไปในกระดูก 

 

 

           ถาวจวินหลันกัดฟัน พยายามไม่แสดงสีหน้าโกรธเคือง “อย่างนั้นหรือ? ข้ากลับไม่รู้ว่าระดับฐานะถือว่าไม่อาจเอามานับได้” 

 

 

           “ข้าขี้เกียจมาพูดไร้สาระกับเจ้า ไป ไปเรียกหลี่เย่มาพบข้า” หลิ่วฮูหยินเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ หันไปชี้นิ้วออกคำสั่งกับปี้เจียว 

 

 

           ปี้เจียวโกรธอยู่แล้ว จึงสวนกลับไปอย่างราบเรียบ “ท่านอ๋องของพวกเรายุ่งมาก จะให้ใครที่ไหนก็ได้มาขอพบง่ายๆ ได้อย่างไรเจ้าคะ? บ่าวไม่กล้าไป ท่านอย่าสั่งบ่าวอีกเลย อีกอย่าง บ่าวเป็นบ่าวรับใช้ของชายารอง บ่าวสนใจเพียงปรนนิบัติชายารองให้ดีเท่านั้น เรื่องอื่นล้วนไม่สนใจเจ้าค่ะ” 

 

 

           หลิ่วฮูหยินโมโหจนควันออกหู ถลึงตามองถาวจวินหลันด้วยความโกรธ 

 

 

           ถาวจวินหลันสีหน้านิ่งไม่ขยับไปไหน ภายในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงไม่นานก็กลายเป็นหยั่งเชิงกัน 

 

 

           ถาวจวินหลันโมโหมาก นางยืนอยู่ท่ามกลางลมเย็นมานาน ทว่ากลับไม่รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย แต่กลับเหมือนว่าทั้งร่างนั้นร้อนระอุดั่งไฟเผา 

 

 

           ฉับพลันนั้น ด้านข้างก็มีคนหัวเราะเบาๆ พลางพูดว่า “โอ้ นี่เกิดอะไรขึ้นหรือ? ทำไมอยู่ดีๆ ทุกคนถึงได้มายืนรับลมเย็นกันอยู่ตรงนี้เล่า? ชายารองก็จริงเสียจริง ทำไมถึงไม่ให้ท่านป้าเข้าไปนั่งเล่าเจ้าคะ? หากท่านอ๋องรู้เข้า เดี๋ยวก็มาโทษว่าพวกเรารับแขกไม่ดี”  

 

 

           ถาวจวินหลันหันหน้าไปมอง เห็นว่าเป็นเจียงอวี้เหลียน นางก็เริ่มหงุดหงิด อีกทั้งคำพูดของเจียงอวี้เหลียนก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ 

 

 

           เมื่อเจียงอวี้เหลียนพูดเช่นนี้ ก็เหมือนว่านางทำผิด แต่นางทำผิดอะไรเล่า? หลิ่วฮูหยินปฏิบัติเช่นนี้กับนาง หากนางยังต้องยิ้มแย้มเอาใจ แล้วนางยังเป็นอะไรอยู่อีก? 

 

 

           ใช่แล้ว หลิ่วฮูหยินเป็นผู้อาวุโสก็จริง แต่ไฉนเลยจะมีเหตุผลว่าผู้อาวุโสตรงเข้ามาลงมือลงไม้กับคนที่เด็กกว่าถึงในบ้านได้เล่า? หลิ่วฮูหยินฟังคำพูดของเจียงอวี้เหลียน ก็มองไปยังเจียงอวี้เหลียนทีหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงเย็นพูดว่า “ข้าเป็นใครกัน นางย่อมไม่เห็นค่าข้า อีกอย่าง นางเข้าใจหรือว่าอะไรเรียกว่ามารยาท?” 

 

 

           คำพูดนี้เป็นการกดถาวจวินหลันลงไปให้ไม่เหลือค่าเลยแม้แต่น้อย 

 

 

           ถาวจวินหลันคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าหลิ่วฮูหยินจะต้องพูดเช่นนี้ จึงมองไปยังเจียงอวี้เหลียนทีหนึ่ง “ชายารองเจียงพูดได้ดีนัก ข้าควรจะเชิญท่านป้าเข้าไปนั่งข้างในถึงจะถูก” 

 

 

           นางไม่ชอบเจียงอวี้เหลียนจริง นางรู้ความคิดของเจียงอวี้เหลียนดี ไม่มีอะไรมากไปกว่าจงใจให้นางเสียหน้าเท่านั้น แต่ตอนนี้นางยังไม่มีเวลามาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเหล่านี้ มิเช่นนั้นแล้ว เรื่องนี้ไม่อาจจบได้  

 

 

           ถาวจวินหลันหัวเราะเบาๆ “ท่านป้าทำเช่นนี้ ข้าก็กลัวว่าข้าเชิญแล้ว ท่านจะไม่ยอมเข้าไปข้างในกับข้า” 

 

 

           ไม่รู้ว่าวันนี้เจียงอวี้เหลียนหมายความว่าอย่างไร พอสังเกตเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของถาวจวินหลัน ก็ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ “ชายารองถาวเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ? ทำไมบนหน้าถึงได้กลายเป็นเช่นนั้น? โดนใครตบมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?” 

 

 

           ตอนที่เจียงอวี้เหลียนมานั้นเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกราด ข้างกายมีคนตามมาไม่น้อย ถาวจวินหลันเห็นคนเหล่านั้นมองมาที่ตนเอง ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีกับเจียงอวี้เหลียน 

 

 

           เห็นได้ชัดว่าเจียงอี้เหลียนต้องการทำให้นางดูน่าสมเพช 

 

 

           แต่นางกลับไม่คิดให้เจียงอวี้เหลียนสมปรารถนา จึงมองเจียงอวี้เหลียนคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มพูดว่า “คำพูดนี้ของชายารองเจียงฟังแล้วเหมือนมีความสุขยิ่งนัก ทำไมเล่า อย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าไม่คิดจะเรียกร้องความยุติธรรมให้ข้า แต่กลับดีใจเพราะคนอื่นมีความทุกข์อย่างนั้นหรือ?”