ตอนที่ 574 เป็นไข้แล้ว / ตอนที่ 575 กระทบกระเทือนซ้ำซ้อน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 574 เป็นไข้แล้ว

 

 

           ในคืนเดียวกันนั้น จู่ๆ มั่วไป๋ก็เริ่มไข้ขึ้น เหยียนอวี้คิดว่าวันนี้มั่วไป๋ออกไปข้างนอก เขาก็ค่อนข้างจะเป็นห่วง ดังนั้นจึงตั้งใจเข้ามาดูเป็นพิเศษ

 

 

           ตอนที่เขาเข้ามา เป็นเวลาหกโมงกว่าแล้ว ไป๋จิ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ได้เข้าไป

 

 

           เหยียนอวี้เห็นไป๋จิ่งเป็นแบบนั้น เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกแปลกๆ อยู่ในที

 

 

           ‘คืนดีกันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงวิ่งมายืนรับโทษอยู่ข้างนอกอีก’

 

 

           เหยียนอวี้เอ่ยเสียงต่ำถามไป๋จิ่ง ไป๋จิ่งส่ายหัวไปมา ไม่พูดจาสักคำ

 

 

           เห็นสภาพการณ์แล้ว เหยียนอวี้ไม่ได้อะไรต่อมากมาย เขายื่นมือผลักเปิดประตูเข้าไป เห็นเพียงแค่ผ้าห่มที่คลุมไปถึงหัว นอนแน่นิ่งอยู่ข้างในผ้าห่ม

 

 

           เหยียนอวี้เห็นท่านอนแบบนั้นของมั่วไป๋ เขาก็ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ นอนหลับแบบนี้ไม่กลัวจะคลุมตัวเองตายเลย

 

 

           ด้วยเหตุนี้จึงเดินเข้าไปดึงผ้าห่มที่คลุมหัวมั่วไป๋ลง

 

 

           ใบหน้ามั่วไป๋แดงจัดอย่างผิดธรรมชาติ เหยียนอวี้ตะลึงงัน รีบยื่นมือไปแตะหน้าผากของมั่วไป๋ทันที ก็เห็นเพียงแค่ความร้อนลวก

 

 

           เหยียนอวี้สีหน้าเคร่งขรึม รีบเดินออกไป เพียงไม่นานก็นำพยาบาลเดินเข้ามาอีกครั้ง พร้อมรถเข็นในมือของพยาบาล

 

 

           ทันทีที่ไป๋จิ่งเห็น เขาก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจะปกติแล้ว เขาไม่มีเวลาจะสนใจเรื่องมั่วไป๋จะโกรธแล้ว รีบเดินตามเข้าไป

 

 

           ก็เห็นเพียงแค่เหยียนอวี้วัดไข้ให้มั่วไป๋ รออีกไม่กี่นาที มั่วไป๋ไข้ขึ้นไปถึงอุณหภูมิสามสิบเก้าองศา

 

 

           เหยียนอวี้ขมวดคิ้ว เขาฉีดยาลดไข้ให้มั่วไป๋อย่างรวดเร็ว

 

 

           ไป๋จิ่งอยู่ข้างๆ เอ่ยถามด้วยความตื่นตระหนก “เขาเป็นอะไรไปเหรอ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”

 

 

           เหยียนอวี้ไม่ได้สนใจเขา จนกระทั่งหลังจากตรวจอาการของมั่วไป๋เสร็จ เขาถึงได้หันมามองไป๋จิ่งอย่างจริงจัง “ผมกลับอยากถามมากกว่า คุณกับมั่วไป๋เป็นอะไรไป”

 

 

           ไป๋จิ่งยืนรับโทษอยู่ข้างนอก มั่วไป๋ไข้ขึ้นกะทันหัน

 

 

           ถ้าแบบนี้เขายังดูไม่ออก เขาก็โง่แล้วจริงๆ

 

 

           ไป๋จิ่งมองมั่วไป๋ที่หลับสนิทบนเตียง แล้วกัดฟันพูด “ไปพูดที่ห้องทำงานคุณ”

 

 

           เหยียนอวี้พยักหน้า เอ่ยกับพยาบาลที่อยู่ข้างๆ “นายเฝ้าดูอยู่ที่นี่นะ”

 

 

           หลังจากนั้นก็เอ่ยเสียงเย็นกับไป๋จิ่ง “คุณตามผมไปห้องทำงาน”

 

 

           ……

 

 

           ทั้งสองคนเข้าห้องทำงานไป บรรยากาศตึงเครียดมากอย่างยิ่ง เหยียนอวี้มองเขาแวบหนึ่งพร้อมเอ่ยขึ้น “โอเค คุณพูดเถอะ”

 

 

           ไป๋จิ่งทำหน้าเคร่งขรึม สารภาพเรื่องวันนี้รวมถึงแผนก่อนหน้านี้ทั้งหมดให้เหยียนอวี้ฟัง

 

 

           หลังจากพูดจบ เหยียนอวี้ก็เอามือกดศีรษะ ไม่พูดจาอยู่ตั้งนานสองนาน

 

 

           ตั้งแต่ไป๋จิ่งเริ่มพูด สีหน้าของเหยียนอวี้ไม่น่าดูเอามากๆ จนกระทั่งไป๋จิ่งพูดจบ เหยียนอวี้แทบอยากจะซัดหมัดใส่ไป๋จิ่งสักสองหมัด

 

 

           “ตอนคุณทำเรื่องพวกนี้ ทำไมบอกผมสักคำไม่ได้”

 

 

           เหยียนอวี้ใกล้จะอกแตกตายแล้วจริงๆ “คุณคิดใช่ไหมว่าช่วยมั่วไป๋เรื่องนี้แล้วมั่วไป๋จะลืมอดีตไปจนหมดสิ้นได้”

 

 

           ไป๋จิ่งเงียบไม่พูดจายืนอยู่ตรงนั้น

 

 

           เหยียนอวี้พยายามทำให้อารมณ์ของตัวเองสงบลง ในที่สุดเขาก็ทนไม่ได้ ถอนหายใจออกมา “คุณคิดว่าหลายปีมานี้มั่วไป๋ไม่ได้ทำอะไรเซียวเย่ว์ เพราะเขาทำไม่ไหวเหรอ”

 

 

           แววตาไป๋จิ่งสั่นสะท้าน “หมายความว่าไงครับ”

 

 

           “ถ้ามั่วไป๋อยากจะทำ เขาก็ทำไปตั้งนานแล้ว ทำไมจะต้องรอจนถึงวันที่คุณมาออกตัวทำให้”

 

 

           เหยียนอวี้ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ “ตอนนั้นเซียวเย่ว์ทำร้ายมั่วไป๋อย่างที่ไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้เพื่อคุณ ถ้าวันนี้มั่วไป๋ทำเรื่องแบบเดียวกันกับเซียวเย่ว์เพื่อแก้แค้น แล้วเขาจะแตกต่างอะไรกับเซียวเย่ว์เหรอครับ”

 

 

           ไป๋จิ่งช็อก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

 

 

           เขามองเหยียนอวี้ เหมือนว่าจะเข้าใจอะไรได้ขึ้นมากะทันหัน

 

 

           “มั่วไป๋ไม่ทำอะไรเซียวเย่ว์ไม่ใช่เพราะทำไม่ไหว และก็ไม่ใช่เพราะใจดีไม่อยากจะทำ แต่เพราะเขาไม่อยากจะเป็นคนที่เหมือนกันกับเซียวเย่ว์ เพื่อความต้องการส่วนตัวของตัวเอง ก็ทำร้ายคนอื่นโดยไม่ลังเลเลยสักนิด…ตามนิสัยของมั่วไป๋ ต่อให้แก้แค้นเซียวเย่ว์แล้ว เขาพอจะนอนข่มตาหลับลงได้อยู่เหรอครับ”

 

 

           

 

 

           ตอนที่ 575 กระทบกระเทือนซ้ำซ้อน

 

 

           “ที่จริงเขาเคยจะลงมือทำ เมื่อหนึ่งปีก่อน” เหยียนอวี้หลับตา “หนึ่งปีก่อนเขาใช้เวลาสองเดือน รวบรวมหาหลักฐานการทุจริตในบริษัทของพ่อเซียวเย่ว์…

 

 

           …ขอเพียงแต่ส่งหลักฐานพวกนั้นให้ตำรวจ ยังไงก็เพียงพอให้รับโทษที่สมควรจะได้รับได้อยู่แล้ว…

 

 

           …แต่ตอนที่มั่วไป๋จะส่งเมลไป เขาก็ล้มเลิกมัน…

 

 

           …ที่จริงสำหรับมั่วไป๋แล้ว คนที่ยอมลงมือเป็นเขา ไม่ได้คิดให้เป็นคุณ”

 

 

           ถ้าอยากจะแก้แค้นจริงๆ เป็นเขาเองก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องลำบากไป๋จิ่งเลยด้วยซ้ำ

 

 

           กระทบกระเทือนซ้ำซ้อน มิน่ามั่วไป๋ถึงกลายสภาพเป็นป่วยแบบนี้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงได้

 

 

           ไป๋จิ่งอ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูกอย่างคาดไม่ถึง

 

 

           เหยียนอวี้ถอนหายใจเล็กน้อย “ก็เหมือนอย่างที่คุณไม่อยากให้มั่วไป๋มาแปดเปื้อนกับเรื่องนี้ มั่วไป๋เองไม่หวังจะให้คุณมาแปดเปื้อนมันเช่นเดียวกัน”

 

 

           ……

 

 

           มั่วไป๋ยังไม่ตื่น ไป๋จิ่งยืนอยู่หน้าเตียงของเขา ดวงตาปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดงสดเต็มไปหมด

 

 

           ผ่านไปครึ่งชั่วโมง มั่วไป๋ขยับแล้ว เหมือนจะตื่นขึ้นมา ไป๋จิ่งหัวใจเกร็งแน่น ย่องออกไปจากห้องพักผู้ป่วยอย่างเงียบๆ

 

 

           เขารู้ว่าเวลานี้มั่วไป๋ไม่อยากเจอหน้าเขา

 

 

           เป็นอย่างที่คิดไว้มั่วไป๋ค่อยๆ ตื่นมาอย่างช้าๆ เห็นถุงน้ำเกลือข้างๆ ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

 

 

           ดูท่าว่าจะลำบากเหยียนอวี้อีกแล้ว

 

 

           เขายื่นไปกดกริ่งที่อยู่ด้านข้าง เพียงไม่นานเหยียนอวี้ก็เดินเข้ามา

 

 

           เหยียนอวี้มองเขา “เป็นไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

 

 

           มั่วไป๋ส่ายหัว “เปล่าหรอก ไม่มีอะไรไม่สบาย” เขาเอียงหน้ามองเตียงที่อยู่ด้านข้าง “นายให้คนมาย้ายเตียงนี้ออกไปเถอะ”

 

 

           เหยียนอวี้ชะงักงันไปครู่หนึ่ง แต่แป๊บเดียวก็มีท่าทีตอบสนองกลับมา เขาพยักหน้าเอ่ย “ได้ ฉันจะให้คนมาจัดการทันที”

 

 

           “งั้นรบกวนนายด้วย”

 

 

           เหยียนอวี้ยิ้มหัวเราะ “นายกับฉันจะมาพูดรบกวนอะไร”

 

 

           เพียงไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสองคนเข้ามาเคลื่อนย้ายเตียงคนไข้เตียงนั้นออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

 

 

           ห้องพักผู้ป่วยที่จากเดิมเคยแออัด เพียงชั่วครู่เดียวก็ว่างเปล่าลงไปมากทีเดียว

 

 

           มั่วไป๋เห็นพื้นที่ว่างเปล่านั้น เขาก็ยิ้มหัวเราะ

 

 

           เคลื่อนย้ายเตียงในห้องออกไปนั้นง่ายมาก

 

 

           อยากจะเคลื่อนย้ายคนคนนั้นออกไปจากห้องหัวใจ เกรงว่าจะต้องเปลืองเวลาไปอีกช่วงหนึ่งแล้ว

 

 

           แต่ว่าก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ครั้งแรก ทำเรื่องพวกนี้ เจ็บปวดก็เจ็บจนชินแล้ว

 

 

           เขากับไป๋จิ่งไม่เหมาะสมกัน ฝืนใจคบกันไปแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องแยกจากกันอยู่ดี

 

 

           ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียยังจะดีกว่า จะได้ไม่ให้เวลานานไปแล้วเพิ่งมาตัด มันจะยิ่งเจ็บจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว

 

 

           ไป๋จิ่งยืนอยู่ที่นอกประตู เห็นเตียงผู้ป่วยถูกผลักออกมาจากข้างในห้อง

 

 

           เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้น หัวใจไป๋จิ่งก็ค่อยๆ ชาอย่างช้าๆ

 

 

           มีสิ่งของอะไรบางอย่าง ค่อยๆ ห่างออกไปจาก…ห้องนี้

 

 

           ……

 

 

           ไม่กี่วันต่อมา ไป๋จิ่งไม่ได้มาปรากฏตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่เห็นหน้าไป๋จิ่งทำให้มั่วไป๋โล่งใจไปที

 

 

           อย่างน้อยในเวลานี้เขาก็ไม่อยากเจอไป๋จิ่ง

 

 

           หลังจากรอร่างกายเขาฟื้นตัวหายดี เขาก็หาเวลาว่างเก็บกวาดห้อง เอาของทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับไป๋จิ่งเก็บลงกล่อง

 

 

           จนกระทั่งเขาเห็นลูกกวาดที่ตอนนั้นไป๋จิ่งซื้อบุหรี่มาแล้วส่งให้เขาจากลิ้นชักที่อยู่ด้านข้าง

 

 

           หัวใจมั่วไป๋บีบคั้น เขาหยิบลูกกวาดนั้นขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือแล้วกำแน่นเล็กน้อย

 

 

           เขายังจำได้ตอนนั้นที่ไป๋จิ่งให้ลูกกวาดเขา ในใจเขารู้สึกตื่นเต้นดีใจ

 

 

           มั่วไป๋ลืมตาขึ้น เอาลูกกวาดวางใส่ในกล่อง แล้วปิดฝากล่องทันที ปิดผนึกลูกกวาดนั้นอยู่ในความมืดตลอดไป

 

 

           ไป๋จิ่งไม่มาปรากฏตัวที่โรงพยาบาล เขาเองก็ไม่อยากจะติดต่อไป๋จิ่งอีก

 

 

           ด้วยเหตุนี้เขาจึงหอบเอากล่องไปยังห้องทำงานของเหยียนอวี้ วางกล่องลงบนโต๊ะของเหยียนอวี้ “รบกวนนายเอานี่ให้เขาที”

 

 

           เหยียนอวี้มองดูกล่องใบนั้นพลางเอ่ยถาม “ทำไมไม่ให้เอง”

 

 

           มั่วไป๋เบนสายตาหนีด้วยสายตาเรียบเฉย “ไม่มีอะไรต้องเจอแล้ว”

 

 

           เขาพูดจบก็เดินออกไป เหยียนอวี้มองดูกล่องใบนั้นแล้วถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้

 

 

           เขาหยิบมือถือออกมาโทรหาไป๋จิ่ง “มีเวลามาเจอกันที่ร้านกาแฟใต้ตึกโรงพยาบาลสักหน่อยไหมครับ”

 

 

           ไป๋จิ่งไม่ลังเล เอ่ยไปตรงๆ “ได้ครับ วันนี้ผมจะเข้าไปตอนบ่าย”