“รูแฮเป็นผู้รอบรู้ถึงเพียงนั้นจริงๆ หรือ”
“ข้าจำเนื้อหาของหนังสือที่อยู่ตรงนี้ได้ทั้งหมด”
“โกหก”
กโยซึลที่มองรูแฮด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เปิดหนังสือที่ค้างอยู่หน้าแรก แล้วเอ่ยถามรูแฮอย่างรวดเร็ว “หน้าสี่สิบหก แถวที่ห้า”
“คิดว่าถามแบบนั้นแล้วข้าจะตอบได้อย่างนั้นหรือ”
“ลองตอบมาก่อนเถิด”
รูแฮส่ายหน้าให้กับกโยซึลที่มีท่าทีล้อเล่นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วเอ่ยออกมาเบาๆ
“เมื่อได้ฟังซอกจองเจกล่าวว่า สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมากที่สุดในการคัดสรรนั้นคือ อุปนิสัยของมนุษย์ เช่นนั้นแล้วผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์จะปกครองผู้คนได้อย่างไร แทมุนจางก็ก้มศีรษะทันที”
“เราเริ่มสงสัยแล้วว่ารูแฮเป็นคนแท้จริงหรือไม่”
กโยซึลพูดออกมาด้วยใบหน้าแสนเบื่อหน่าย ด้านซ้าย แถวที่ห้าของหนังสือที่เปิดค้างไว้นั้น เขียนไว้ดั่งที่รูแฮพูดจริงๆ
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าจำได้ทั้งหมด ข้าไม่เคยโกหก”
“แต่รูแฮจำทั้งเลขหน้าและแถวได้อย่างไรกัน”
รูแฮเห็นว่ากโยซึลบ่นพึมพำเบาๆ ก็ยกยิ้มขึ้นแล้วลูบหัวนาง กโยซึลยอมอยู่นิ่งๆ ให้รูแฮลูบหัว พร้อมทั้งหลับตาลง และยกยิ้มขึ้น รูแฮเห็นดังนั้นก็เลื่อนมือลงไปที่หน้าท้องของกโยซึลอย่างระมัดระวัง
“เด็กคนนี้ก็ต้องเติบโตมาอย่างเฉลียวฉลาดเป็นแน่”
ดวงตาที่ลืมขึ้นอย่างกะทันหันของกโยซึลสบเข้ากับดวงตาของรูแฮ ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังยิ้มให้กันอย่างมีความสุข สีหน้าของกโยซึลก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองลง รูแฮที่รู้ว่าเหตุใดนางถึงเป็นเช่นนั้นก็พลอยทำหน้าเศร้าไปด้วยอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าด้วยความคิดที่ว่าหากตนพลอยทำสีหน้าเช่นนี้ไปด้วย จะยิ่งทำให้กโยซึลทุกข์ใจ เขาจึงพยายามยิ้มออกมา
“เรารู้สึกผิดต่อทุกคน”
“ผู้ใดหรือ”
“…ทุกคน ทั้งองค์จักรพรรดิ ฮวังฮูที่ทรงดีพระทัยที่มีหลานสืบเชื้อสาย ทั้งพระชายาทุกพระองค์ สนมแม่ซา แล้วก็…ชายารองกโยยอง องค์ฮวางแทจาด้วย…”
ดวงตาของกโยซึลที่ค่อยๆ เอ่ยนามทุกคนออกมา คลอไปด้วยน้ำตา
“เราดีใจ ทว่าก็ยังหวาดกลัว และรู้สึกผิด แต่ว่า…”
“เขาคือบุตรของเรา ทุกคนล้วนยินดีกับการถือกำเนิดของเขา เจ้าเพียงให้กำเนิดเขาอย่างวางใจเถิด”
“เราไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่”
ดวงตาของกโยซึลสั่นไหวด้วยความกังวล นางรู้สึกลำบากใจต่อมือของรูแฮที่วางอยู่บนท้องของตนในตอนนี้ กโยซึลวางมือที่สั่นเทาของตนลงบนมือของรูแฮ แล้วหลับตาลง ในนี้มีสิ่งมีชีวิตกำลังเติบโตอยู่ เป็นสิ่งมีชีวิตที่หากทุกคนได้รู้ความจริง คงจะไม่มีผู้ใดให้อภัย
“เขาบอกว่าจะแต่งตั้งรูแฮเป็นชินหวัง แล้วส่งไปปกครองอาณาจักรอันไกลโพ้น”
“ไม่ใช่ผู้ใดจะเป็นชินหวังได้ง่ายๆ นับเป็นเรื่องน่ายินดีมิใช่หรือ”
“เรากับลูกอยู่ที่นี่ แต่รูแฮต้องไปปกครองอาณาจักรอื่นนะ”
น้ำตาที่คลออยู่หลั่งไหลออกมาในที่สุด รูแฮที่เห็นกโยซึลร่ำไห้อยู่ตรงหน้า ไม่อาจฝืนยิ้มได้อีกต่อไป เขาจุมพิตไปที่น้ำตาของนาง
“เราหนีไปด้วยกันดีหรือไม่”
“รูแฮ?”
“ไม่ต้องรับรู้สิ่งใด แค่เราสองคน กับลูกของเรา หนีไปยังที่ที่ไกลแสนไกลจนอำนาจของมกกุกไม่อาจเอื้อมถึงได้”
หัวใจเต้นอย่างรุนแรง ก่อนหน้านี้รูแฮเองก็เคยพูดถึงเรื่องหนีไปด้วยกัน ในตอนปลายฤดูใบไม้ร่วง ที่ตำหนักกงรีมก
“รูแฮ เรื่องนั้น…”
กโยซึลแสดงสีหน้าไม่สบายใจออกมา ถึงแม้รูแฮจะเห็นว่านางทำหน้าอย่างไร แต่เขาก็ยังพูดต่อ
“หลังจากที่เคยพูดกันเมื่อตอนที่อยู่ตำหนักกงรีมก ข้าก็คิดถึงเรื่องนี้มาตลอด ยิ่งความรู้สึกของข้าที่มีต่อกโยซึลเพิ่มมากขึ้นเท่าใด ในหัวของข้าก็เต็มไปด้วยความคิดนี้ ทั้งตอนที่เจ้าเมินเฉยต่อข้า ข้าเอาแต่มองมายังตำหนักดงบี แล้วคิดว่าหากในยามค่ำคืนเยี่ยงนี้ ข้าโอบอุ้มเจ้าข้ามกำแพงราชสำนักออกไปจะเป็นอย่างไร เจ้าที่เติบโตมาในวังอย่างสะดวกสบาย คงจะลำบากไม่น้อย แต่ถึงแม้ข้าจะกังวลถึงเรื่องนั้น แต่ข้าก็ยังเห็นแก่ตัว คิดว่าขอเพียงมีเจ้าอยู่ข้างกาย ข้าก็ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด อยากจะหนีไปในที่ที่ไกลแสนไกล ที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจพานพบ…”
“พอ พอเถิด”
กโยซึลยกมือขึ้นปิดปากรูแฮที่กระซิบอยู่ข้างใบหูตน น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของนางมากขึ้น มือที่ปิดปากของรูแฮอยู่นั่นสั่นเล็กน้อย
“ไม่รู้สิ หากรูแฮพูดเช่นนั้น…”
สายตาของรูแฮเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขาค่อยๆ เอามือที่สั่นเทาของนางออกจากปากตน แล้วค่อยๆ โอบกอดนางอย่างระมัดระวัง
“หญิงรักของข้ายังเยาว์วัยนัก ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงความปรารถนาที่เห็นแก้ตัวของข้าเพียงเท่านั้น ความปรารถนาที่อยากอยู่กับเจ้าไปตลอด…” รูแฮล้มเลิกความตั้งใจ ไม่สิ เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงมันอีก
เพราะเจ้ายังเยาว์นัก ข้าถึงต้องยอมอดทน
แม้ดวงตาของรูแฮจะฉายแววเศร้าออกมาชั่วครู่ ทว่ากโยซึลที่อยู่ในอ้อมกอดก็ไม่อาจเห็นมันได้
“เราเองก็อยากอยู่เคียงข้างรูแฮ เราไม่อยากอยู่ห่างกับรูแฮ รูแฮจะต้องไปปกครองอาณาจักรอื่นจริงๆ หรือ”
รูแฮที่กอดกโยซึลไว้หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยายามยกยิ้มออกมา ทว่ามันก็เป็นรอยยิ้มที่กว้างพอตัว แล้วมองไปที่กโยซึล กโยซึลงุนงงกับรอยยิ้มนั้น ด้วยเหตุที่นางเปลี่ยนไปคิดถึงเรื่องอื่นด้วยความสงสัย จึงทำให้ตอนนี้น้ำตาหยุดไหลออกมาแล้ว
“ข้ามีวิธี แม้จะต้องได้รับอนุญาตจากฮวางแทจาก่อนก็ตาม แต่หากเป็นวิธีนี้แล้ว ข้าจะสามารถอยู่เคียงข้างกโยซึลได้นานขึ้น”
“วิธีใดหรือ”
“ข้าต้องเป็นพระอาจารย์ของลูกที่กำลังจะถือกำเนิด ตอนนี้ข้าเป็นพ่อทูนหัวของเขาแล้ว ย่อมเลื่อนไปเป็นพระอาจารย์ของเขาได้โดยง่าย จนกว่าเด็กคนนี้จะบรรลุนิติภาวะ ข้าย่อมอยู่ในราชสักนักต่อได้”
เมื่อได้ยินดังนั้นกโยซึลก็ปรบมือดีใจ พรางยิ้มกว้างออกมาราวกับว่านางลืมไปเสียสิ้นว่าก่อนหน้านี้ตนกำลังร้องไห้อยู่
“อย่างนั้นหรือ! เช่นนั้นเราก็จะสามารถอยู่กับรูแฮได้อีกเรื่อยๆ”
ครั้งนี้กโยซึลพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของรูแฮด้วยตัวเอง รูแฮทำเพียงลูบหลังของกโยซึลอยู่นิ่งๆ ราวกับว่าหากนางมีความสุข ตนก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว เพราะตอนนี้กโยซึลอยู่ในอ้อมกอดของรูแฮ นางจึงไม่เห็นใบหน้าที่เศร้าสร้อยของเขา
รูแฮพูดออกไปอย่างนั้นเพื่อหวังให้กโยซึลสบายใจ ทว่าเขาย่อมรู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้วว่า บีพาอันไม่มีทางอนุญาตเป็นแน่