ตอนที่ 673 อยากเอาเจ้าใส่ย่ามพกไปทุกที่
ตกเย็นขณะกำลังรับประทานมื้อเย็น เฝิงเยี่ยไป๋ให้บรรดาคนรับใช้ออกไปให้หมด นั่งต่อหน้าเฉินยาง คีบเนื้อชิ้นหนึ่งวางในถ้วยนาง เฝ้าระวังท่าทีนาง เอ่ยออกมาอย่างกระอักกระอ่วนว่า “วันนี้ฮ่องเต้นำเรื่องเสี่ยวจินอวี๋มาขู่ข้า เมื่อเข้าร่วมว่าราชการเช้าเสร็จข้าจึงไปหาเซวียอิ๋น หลอกล่อข่มขู่จนเขายอมรับในที่สุด เรื่องที่ฮ่องเต้ปลงพระชนม์ฮ่องเต้พระองค์ก่อน ในมือเขามีพยานบุคคล นั่นก็คือหมอหลวงที่รักษาพระอาการ ฮ่องเต้ต้องการสังหารเขาเสีย ตอนหลังถูกเซวียอิ๋นช่วยเอาไว้ได้ ฮ่องเต้เองเนื่องจากข้ากลับมาจากเมืองฉุยก็พิโรธหนัก คาดว่าอีกไม่นานคงต้องใช้ลูกชายเรามาต่อรองแล้ว ถึงตอนนั้น ก็เป็นโอกาสของพวกเราแล้ว
เฉินยางฟังแล้วดวงตาเป็นประกาย แต่กลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ทำเพียงแค่ก้มหน้าทานต่อไป ถ้วยเดียวไม่พอ เติมเพิ่มอีกถ้วย นางเองนานแล้วที่ทานไม่ได้แบบนี้ ทานเสร็จแล้วก็ลูบท้องกลมๆ เสียทีหนึ่ง ดื่มน้ำตามไปเพื่อไล่ลม จัดการขนมบนโต๊ะแล้วดื่มชาตามไปหลายแก้ว อิ่มหนำสำราญดีแล้วจึงยืนขึ้น “ข้าทานอิ่มแล้ว ท่านก็ทานต่อไปเองแล้วกัน”
ออกมาหน้าประตูได้ก็เรียกซั่งเหมยเตรียมตัวไปเดินย่อยอาหารที่ลานบ้าน ทานจนอิ่มแล้ว แม้แต่เอวก็ยืดไม่ตรงแล้ว เวลาเดินก็ใช้แรงไม่น้อย นี่คือการเดินที่ไหนกัน นี่มันอาศัยบันไดในการกระถดตัวเลื่อนไปเท่านั้น
“เจ้ากลับไปเถอะ ข้าจะไปเดินเล่นเป็นเพื่อนนายหญิงเจ้าเอง” เฝิงเยี่ยไป๋ที่ทานไม่ไหวแล้ววางตะเกียบลง รั้งเอวนางเข้ามาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะอุ้มนางลงบันไดไป ถือโอกาสสอดมือใต้รักแร้นางแล้วยกขึ้นคะเนน้ำหนัก “วันนี้ความอยากอาหารดียิ่ง ทานเยอะกว่าสุกรเสียอีก”
เฝิงเยี่ยไป๋เพียงอยากกระตุ้นนาง จึงตั้งใจจะลับฝีปากกับนางเสียหน่อย นางเงียบไปแล้วทำให้เขาเองคาดเดายาก คนเรานั้นมีเพียงแค่ผิดหวังจากใครสักคนมากๆ จึงจะไม่ยินยอมสนใจเขา ไม่แม้แต่จะพูดอะไรด้วย แม้แต่มองหน้ายังคร้านจะมองเลย ฮูหยินเขาผู้นี้ แต่ไหนแต่ไรเขาก็ตามใจมาตลอด น้อยมากที่จะมีอะไรสงสัยในตัวกันและกัน คราวนี้ไม่ว่าเป็นเขาเองหรือไม่ที่ใจแคบ เขาเองก็สำนึกได้แล้วว่าที่ทำไปก่อนหน้านี้นั้นออกจะเกินเลยไปเสียหน่อย ดังนั้นจึงรีบมาเอาใจนาง
เฉินยางที่ถูกเขาพยุงอยู่ค่อยๆ เดินไป ยามค่ำคืนนี้บนพื้นหินมีน้ำค้างแข็งเกาะอยู่เป็นชั้น พื้นใต้เท้าลื่น หากไม่ระวังอาจจะลื่นล้มได้ เฝิงเยี่ยไป๋นั้นมีวิทยายุทธ์มั่นคง มีเขาพยุงอยู่อยากจะเดินอย่างถือดีอย่างไรก็ได้
“ก่อนจะมาเจอเจ้า สตรีที่ข้าต้องใจนั้นมีอยู่คนหนึ่ง นางมีนามว่าเจียงสุ่ย ถูกคนขายให้กับหอนางโลม เนื่องจากหน้าตางดงาม แม่เล้าจึงมิใคร่ยินยอมจะขายนางนัก ตราบจนนางอายุสิบห้าปี จึงได้จัดนางขึ้นเวทีประมูลของหอนางโลมเพื่อประมูลพรหมจรรย์ของนาง ต่อมาข้าถูกใจนาง ข้าพานางกลับมาที่บ้าน เสนอเสื้อผ้าอาภรณ์และอาหารการกินให้นาง ดีกับนาง ทั้งยังเปิดร้านค้าให้นาง นางทำธุรกิจได้ดีทีเดียว ร้านนางค้าขายดีมาก ไม่ถึงครึ่งเดือนก็สามารถคืนต้นทุนที่นำไปเปิดร้านคืนมาได้ แต่เงินนั้นนางไม่เอาแม้แต่อีแปะเดียว สุดท้ายแล้วนางก็นำเงินที่ข้าใช้ในการไถ่ถอนตัวนางมาคืนให้ข้า ตอนจากลานางไม่ได้ทิ้งคำพูดใดไว้เลย นางไปแล้ว ข้ายังคิดว่าข้าคงจะคิดถึงนางจนวิญญาณแทบออกจากร่าง แต่กลับไม่ ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ที่ว่าวันๆ จะเอาแต่คิดถึงนาง แม้แต่จะไปตามหานาง ข้ากลับไม่เคยคิดจะไปเลย
เขาพูดจนถึงจุดนี้ แววตานั้นแฝงความรู้สึกลึกล้ำ ก้มหน้ามองเฉินยาง “แต่เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าคือคนเดียวเท่านั้นที่หลายปีมานี้ทำให้ข้าวิตกกังวลได้ จนแทบอยากจะเอาเจ้าใส่ย่ามพกไปทุกที่”
เฉินยางกระทืบเท้าอยู่บนพื้นหิน รองเท้านั้นเปียกไปกว่าครึ่งจนสีดูเข้มขึ้น เฝิงเยี่ยไป๋ก้มตัวลงไปช้อนใต้เข่านางไว้ อุ้มนางขึ้นมา “ยามกลางคืนอากาศเย็นนัก ระวังจะป่วยเอา”
ตอนที่ 674 โกนหนวดให้เฝิงเยี่ยไป๋
เฉินยางถีบขาทำท่าจะลง “ข้าอิ่มจะตายแล้ว ท่านปล่อยข้าลงเดินเดี๋ยวนี้”
“อย่างนั้นก็กลับไปเดินเล่นที่ห้อง ข้างนอกนี้เย็นมากแล้ว เจ้าตัวเล็กเพียงนี้หากเดินครบรอบจริง พรุ่งนี้จะต้องเป็นหวัดแน่ “เขาอุ้มนางไว้แต่กลับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักแม้แต่น้อย ยังสามารถโยนนางไปด้วยเดินไปด้วยอีกรอบได้เลย ตัวเล็กเยี่ยงนี้เมื่อโกรธขึ้นมาแล้วไร้ขอบเขตยิ่งนัก ทั้งยังทำให้คนโกรธจนหลั่งเลือดได้เลย แต่ยังทำอะไรนางไม่ได้อีก
เฉินยางเกรงว่าหากเขาแขนอ่อนแรงขึ้นมาจะทำตนตกลงไป จึงโอบลำคอเขาไว้แน่นบอกให้หยุด “ท่านอย่าทำแบบนี้ รีบปล่อยข้าลง ข้าอิ่มจนถึงคอแล้ว สักพักต้องอ้วกออกมาแน่ หากท่านไม่อยากไปเดินเล่น ก็เรียกซั่งเหมยมาอยู่เป็นเพื่อนข้า พวกข้าไปกันสองคนได้”
คืนนี้พระจันทร์งามนัก สว่างกระจ่างสาดส่องไปทั้งผืนดิน สีหน้าของคนเป็นเช่นไรก็มองได้ชัดเจนนัก เฝิงเยี่ยไป๋ก้มหน้าสัมผัสปลายจมูกของนาง เสียงแหบพร่า “ย่อยอาหารกลับไปก็ย่อยได้…ข้าช่วยเจ้า สองคนช่วยกันย่อยได้เร็วขึ้น”
ก่อนหน้าที่จะพูดคำนี้เฉินยางได้ยินแล้วทั้งหมด แต่กลับไม่ได้คิดไปในทางอื่นเลย แต่เฝิงเยี่ยไป๋ตอนพูดคำนี้ดวงตาเหมือนมีลูกไฟลุกโชน น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเลย ในลำคอเหมือนเต็มไปด้วยเม็ดทราย แหบพร่ายิ่งนัก แม้ว่านางจะไม่ได้คิดไปในทางไม่ดี แต่เขามองนางอยู่แบบนี้ ก็รู้ได้เลยว่าไม่มีเรื่องดีแน่นอน
“ไม่ต้อง ในห้องนั้นที่ใกล้แค่เท่าใดเอง ยืดแขนก็ไม่ได้เตะขายิ่งไม่ได้เลย ข้าอิ่มถึงเพียงนี้ต้องวิ่งหลายรอบ หากท่านเหนื่อยแล้วก็กลับไปเองเถอะ”
หากตอนนี้ตะโกนโวยวายว่าเหนื่อยก็ไม่ได้หมายความว่าเขายอมรับว่าตนนั้นไม่ไหวรึ บุรุษคนหนึ่ง เจ้าจะว่าเขาอย่างไรก็ได้แค่อย่าบอกว่าเขาไม่ไหว เฝิงเยี่ยไป๋สะอึกกับคำพูดนางเสียแล้ว เกิดแรงฮึดขึ้นมา วางนางลง สอดมือใต้รักแร้นางแล้วยกขึ้น ให้นางยืนอยู่บนเท้าตน “บนพื้นเย็น เจ้าอย่าโดนความชื้นเข้าเล่าเหยียบเท้าข้าไว้ ข้าพาเจ้าเดินไป เจ้าอยากเดินย่อยอาหาร ข้าอยากลดไข้ ได้ประโยชน์สองทางพร้อมกันพอดีเชียว”
เฉินยางตัวเล็กๆ เพียงเท่านี้ เมื่อถูกเขาหิ้วแบบนี้ มองไกลๆ กลับเหมือนบิดาหิ้วลูกสาวก็มิปาน นางเหยียบบนเท้าเขากลับสูงถึงแค่คางเขาเท่านั้น เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นตอเขียวๆ ขึ้นครมที่คางเขา ยื่นมือออกไปจับ ตอเล็กๆ นั่นก็แทงเข้า “ท่านไม่ได้โกนหนวดมานานเท่าใดแล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋คางอ่อนทันที มีมือเพิ่มมาลูบคลำอยู่นี่เอง ในใจก็อ่อนยวบตามไปด้วย คิดแล้วตอบไปว่า “กลับมาก็ไม่เคยโกนอีก รังเกียจที่ข้าสกปรกใช่หรือไม่”
เฉินยางยังดมตัวเขาอีก “เมื่อเช้าตอนท่านเข้าวังก็ไม่ได้อาบน้ำหรือ”
“เหม็นใช่หรือไม่” เขาก้มศีรษะลงดม ได้กลิ่นเพียงกลิ่นสบู่จากตัวนาง กลิ่นหอมกรุ่นไปทั้งกาย จนกลิ่นของตนถูกกลบจนเบาบางไป
“เหม็นจะตายแล้ว เหมือนข้าวค้างคืนที่บูดอย่างนั้น”
“มีใครให้นิยามผู้ชายของตัวเองอย่างเจ้าบ้าง”
เฉินยางตบไหล่เขาเบาๆ “กลับไปเถอะ กลับไปโกนหนวดเสีย”
เฝิงเยี่ยไป๋คิดอยู่พักใหญ่ ถามนาง “กลางคืนไม่สว่างเท่ากลางวัน ข้ามือไม้เก้งก้าง เกรงจะโกนไม่ดี ไม่อย่างนั้นเจ้าช่วยข้าโกนหน่อยสิ”
“ให้ข้าโกนให้ท่าน ข้ากลัวว่าจะโกนเนื้อท่านออกไปน่ะสิ กลับไปให้ซั่งเซียงโกนให้เถอะ”
เขาไม่พอใจแล้ว “เจ้าเป็นภรรยาข้านะ แม้แต่หนวดก็ไม่โกนให้สามีตนเอง อีกหน่อยจะเป็นนายหญิงได้อย่างไรกัน วันนี้ข้าจะยอมเสียสละตน ให้เจ้าฝึกฝีมือเสียหน่อย พอฝึกดีแล้ว อีกหน่อยก็เป็นเจ้านี่แหละที่โกนให้ข้า”
ยังจะอีกหน่อยให้นางโกนอีกหรือ ฝันไปเถอะ “ข้าไม่ได้ว่างเพียงนั้นนะ ยังต้องรับใช้ลูกชายนั่นอีกเล่า ท่านดูแลตัวเองเถอะ หากช่วยได้ไม่ก็ใช้ข้ารับใช้ทำเถอะ ข้าไม่ทำ”
เขาเม้มปากหัวเราะ คางนั้นค่อยๆ ขยับไปบนหน้านาง “อยากทำก็ต้องทำ ไม่อยากทำก็ต้องทำ”