ตอนที่ 506 อย่าไม่มีเหตุผล / ตอนที่ 507 ได้ข่าวว่าฉันมีศัตรูหัวใจเยอะแยะไปหมด

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 506 อย่าไม่มีเหตุผล 

 

 

จิ้นหยวนรู้สึกแปลกใจขึ้นมาในทันที ก่อนหน้านี้เธอไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แต่ก็ไม่เคยด่าเฉียวซือมู่ด้วยคำพูดแรงๆแบบนี้มาก่อน ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่าเธอจะมีอะไรไม่ดีจริงๆอย่างนั้นหรือ?

 

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

 

 

“เธอน่ะ…” ฉินเพ่ยหรงยิ้มเยาะ จากนั้นก็ค่อยๆเล่าเรื่องที่ตัวเองได้ยินมาให้ฟัง เล่าจบก็ยังเสริมขึ้นมาด้วยความโกรธ “คุณพูดสิว่าฉันจะทนอยู่ได้ยังไง? ใช่ไหมคะ? เธอจะไม่เคารพฉันที่เป็นแม่สามีก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะ อย่างไรเสียตอนนี้มันก็เป็นยุคใหม่แล้วไม่ใช่เหมือนสมัยก่อนอีก แต่นี่เธอแต่งงานแล้วแต่ก็บังไปพัวพันกับผู้ชายอื่นอีกแบบนี้มันจะหมายความว่าอะไรได้อีก? ถ้าหากว่าเธอไม่ได้รู้จักกับผู้ชายคนนั้นจริงๆ? แล้วเด็กในท้องของเธอล่ะ?” 

 

 

“เด็ก?” จิ้นเฮ่าหน้าเครียด แล้วจ้องมองไปที่ภรรยาเขม็ง “เธอไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกนะ เด็กที่อยู่ในท้องของเธอจะต้องเป็นสายเลือดของตระกูลเราแน่ๆ คุณอย่าจินตนาการให้มากนักเลย” 

 

 

“ฉันน่ะหรือจิตนาการ? เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับสายเลือดของตระกูลเราเลยนะคะ! อีกอย่างฉันเองก็ไม่ต้องการให้ลูกชายตัวเองถูกสวมเขาโดยที่ไม่รู้อะไรเลย!” 

 

 

“คุณอย่ามาไม่มีเหตุผลนะ!” เขาเองก็เริ่มที่จะโมโหแล้ว เขาจ้องเธอแล้วพูด “เรื่องนี้หลักฐานอะไรก็ไม่มีสักอย่างคุณก็อย่าคิดอะไรให้มันมากนักเลย ผมเตือนคุณนะ คุณจะไปพูดมั่วไม่ได้เด็ดขาด แล้วไม่ต้องไปตำหนิอะไรเฉียวซือมู่ด้วย ได้ยินไหม!” 

 

 

“ทำไม? หรือว่าคุณเองก็หลงเสน่ห์ยัยสุนัขจิ้งจอกนั่นแล้วเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?” ฉินเพ่ยหรงนึกไม่ถึงเลยว่าพอตัวเองเล่าจบแล้ว นอกจากสามีจะไม่เข้าข้างเธอ กลับยังไปช่วยพูดให้เฉียวซือมู่อีกแบบนี้ เธอโกรธจนพูดออกไปอย่างไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำ 

 

 

“คุณ!” จิ้นหยวนจ้องเธอเขม็ง แทบอยากจะจับตัวเธอมาเปิดดูว่าในสมองมันกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ หลงเสน่ห์เฉียวซือมู่อย่างนั้นเหรอ? ไม่คิดบ้างเหรอว่าเขาได้เจอหน้าเธอไปแค่กี่ครั้ง? คำพูดพวกนี้พูดออกมาได้ยังไงกัน? 

 

 

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามที่จะเก็บความโมโหของตัวเองเอาไว้ แล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ถ้าคุณไม่อยากมองหน้าลูกไม่ติด คุณก็อยู่เฉยๆไปซะ” พูดจบก็หมุนตัวออกจากห้องไปทันที 

 

 

ฉิยเพ่ยหรงที่พอพูดแบบนั้นออกไปก็รู้สึกผิด แต่ยังไงก็เปิดปากขอโทษไม่ได้เลย ได้แต่มองตามสามีที่เดินออกจากห้องไป พอกำลังจะเปิดปากเรียก กลับได้ยินแค่เสียงปิดประตูใส่อย่างแรง  

 

 

เธอล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างแรง อดไม่ได้ที่จะเอาความรู้สึกนี้ไปลงที่เฉียวซือมู่อีกครั้ง 

 

 

ตัวเฉียวซือมู่ไม่รู้เลยสักนิดว่าเรื่องของตัวเองมันถูกเปิดเผยให้ที่บ้านใหญ่ได้รู้จนมันวุ่นวายไปหมดแล้ว 

 

 

ก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้ฉินซือมู่ไม่มาเช็คตามเวลา รู้สึกมีความสุขอยู่เหมือนกัน ก็เลยได้เขียนต้นฉบับลงคอมพิวเตอร์ด้วย 

 

 

พอนึกถึงเรื่องเมื่อวันขึ้นมาก็รู้สึกโมโห ตอนแรกก็อยากจะบ่นให้ฟังอยู่หรอก แต่ไม่นึกเลยว่าหลายวันที่ผ่านมานี้จิ้นหยวนจะงานยุ่งสุดๆ กลับถึงบ้านดึกทุกวัน ถึงตอนนั้นเธอก็หลับไปแล้ว รุ่งขึ้นอีกวันเขาก็ออกจากบ้านไปแต่เช้า ทำเอาเธอพูดอะไรไม่ออกสักอย่าง และอดที่จะน้อยใจไม่ได้ 

 

 

จนกระทั่งวันนี้ที่จิ้นหยวนเลิกงานตามเวลาปกติ เธอรู้สึกดีใจจนเผยชัดอยู่บนใบหน้า รีบไปหาเขาแล้วบ่นให้ฟังทันที 

 

 

จิ้นหยวนนั่งยิ้มให้เธออยู่บนโซฟา “อยู่บ้านทำอะไรบ้างครับ?” 

 

 

พอเธอเห็นเขายิ้มให้ใจมันก็อ่อนไปหมด ความไม่พอใจที่มีก่อนหน้านี้ก็ลดลงไปมาก “ไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ ก็แค่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ไปเรื่อยๆ น่าเบื่อจัง” 

 

 

จิ้นหยวนลูบหัวเธอ ไม่ทันได้รู้สึกถึงท่าทีที่แปลกไปของเธอแม้แต่น้อย หรือถึงสังเกตเห็นก็คงคิดว่าเป็นเพราะเธอเบื่อ พอคิดว่าเธอต้องอุดอู้อยู่แต่ในบ้านทุกวันไม่ได้ออกไปไหน ก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ถ้าคุณเบื่องั้นพรุ่งนี้ผมพาคุณไปที่ทำงานด้วย ดีไหม?” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 507 ได้ข่าวว่าฉันมีศัตรูหัวใจเยอะแยะไปหมด 

 

 

“จริงหรือคะ?” เธอคิดๆ จากนั้นก็ลังเลขึ้นมา “แต่ว่าฉันไม่ค่อยรู้เรื่องงานของคุณเลย แบบนี้จะไปรบกวนคุณหรือเปล่า?” ถึงแม้ว่าหลายวันมานี้เธอจะรู้สึกหงุดหงิด แต่ก็พอจะดูออกว่าเขาเองก็งานยุ่งจริงๆ คงจะเกี่ยวกับรัชทายาทอะไรนั่นแหละนะ 

 

 

จิ้นหยวนส่ายหัว “ไม่หรอกครับ คุณเองก็ฉลาดขนาดนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยงานผมได้ก็ได้ จะว่าไปก็สะสางไปได้มากแล้วละ ไม่เห็นเหรอว่าวันนี้ผมกลับมาอยู่กับคุณได้เร็วขึ้น?” 

 

 

“อื้อ” เธอได้ยินแบบนั้นแล้วก็เอ่ยออกไปอย่างนุ่มนวล “งั้นก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปบริษัทกับคุณ” 

 

 

จิ้นหยวนลอบมองเธอ ก็พบว่าสีหน้าของเธอกำลังแดงระเรื่อ ดูๆแล้วดูเปล่งปลั่งไม่หยอก จึงเลื่อนมือไปวางไว้ที่หน้าท้องของเธอ จากนั้นก็ถามเธอด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ลูกเชื่อฟังไหมครับ มีดื้อหรือเปล่า?” 

 

 

เธอกลอกตาใส่เขาทีหนึ่ง “ดื้ออะไรกันคะ ตอนนี้เขายังไม่โตเลย” 

 

 

ตอนนี้เด็กยังตัวเท่านิ้วของพวกเขาอยู่เลยมั้ง จะมาดื้อได้ยังไงกัน? 

 

 

เขากลับไม่สนใจ แถมยังเอาแต่พูดสิ่งที่อยากพูด “ก็ไม่แน่หรอกครับ ลูกของผมจะต้องฉลาดมากแน่ๆ ถึงแม้ว่าจะยังอยู่มนท้องของแม่แต่ก็คงโตไวกว่าคนอื่นแน่นอน!” 

 

 

“คุณฝันกลางวันอยู่หรือไง” เธอมองเขาอย่างหงุดหงิด แล้วลุกขึ้นยืน “ไปเถอะค่ะ พวกเราไปกินข้าวกัน” 

 

 

มีความสุขจนลืมเรื่องของเจียงจื่อเซี๋ยนไปเลย  

 

 

จนกระทั่งพอตกดึกเข้าห้องนอนแล้วก็นึกขึ้นมาได้ 

 

 

เธอลอบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วนึกว่าตัวเองจะพูดออกไปอย่างไรดี ยังไม่ทันะคิดอะไรออก จิ้นหยวนก็สังเกตเห็นเสียก่อน 

 

 

“มีอะไรจะพูดกับผมหรือครับ?” เขาเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ แต่ก็เดินเข้ามากอดเธอแล้วถามทันที 

 

 

เธอชะงักตัวเล็กน้อย และตัดสินใจจะพูดออกไป แต่หางตาก็เหลือบไปเห็นความอ่อนล้าที่ขอบตาของเขา ในใจมันก็อ่อนยวบไปหมด ทำเอาพูดอะไรไม่ออกสักคำ  

 

 

เขาเองก็เห็นท่าทีที่แปลกไปของเธอเช่นกัน สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมาทันที แถมยังออกแรงจับไหล่เธอแน่น “อยากจะพูดอะไรกันแน่ครับ?” 

 

 

เธออ้าปาก พอเห็นท่าทางแบบนั้นของเขาแล้วก็เกิดไม่อยากจะพูดออกมาเสียอย่างนั้น ช่วงนี้เขาเหนื่อยมากจริงๆ ต้องนอนดึกตื่นเช้าทุกวัน ดูท่าทุกวันนี้คงได้นอนแค่สี่ห้าชั่วโมงเท่านั้น ในสถานการณ์แบบนี้ เธอทนไม่ได้หรอกที่จะหาเอาเรื่องแบบนั้นไปรบกวนเขา 

 

 

แถมเขาเองก็เคยพูดแล้วแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเขากับเธอไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน? เธอก็ควรที่จะเชื่อใจเขาสิ! 

 

 

จริงๆเธอเองก็มั่นใจในความคิดนั่นได้ไม่กี่วิ เขาดูยังสงสัยและมองเธอด้วยความเคลือบแคลง “หรือเพราะแม่ผมพูดอะไรอีกแล้ว?” 

 

 

เรื่องของแม่สามีกับลูกสะใภ้นั้นเขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ทั้งๆที่ปกติแล้วแม่เขาก็เป็นคนที่จิตใจดีมีเมตตาแท้ๆ แต่ทำไมแม่กับผู้หญิงที่เขารักเจอกันทีไรต้องเข้ากันไม่ได้ตลอดเลยล่ะ? 

 

 

แทบจะทันทีที่เขาคิดว่าต้องเป็นเพราะแม่ตัวเองแน่ๆ แต่เฉียวซือมู่กลับส่ายหน้าให้เบาๆ “เปล่า ไม่ใช่ค่ะ วันนี้คุณแม่ไม่ได้มา ฉันก็แค่คิดว่าถ้าพรุ่งนี้ฉันไปที่ทำงานของคุณแล้วไม่รู้ว่าจะโดนสายตาไม่หวังดีมองมาบ้างหรือเปล่าต่างหาก” 

 

 

“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน?” จิ้นหยวนนึกไม่ถึงเลยว่าเพราะเรื่องนี้ถึงได้ดูไม่สบายใจ จึงยิ้มแล้วพูดต่อ “คุณคิดมากไปแล้ว ลูกน้องของพวกเราจะมีคนแบบนั้นได้ยังไงกัน?” 

 

 

“ต้องมีแน่นอน ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนที่ไป ยัยพนักงานที่อยู่หน้ารีเซฟชันอะไรนั้นแทบจะมองว่าฉันเป็นศัตรูหัวใจจนจะไล่ฉันออกมาอยู่แล้ว” เธอพูดทีเล่นทีจริง “ได้ข่าวว่า ในบริษัทมีผู้หญิงที่แอบชอบคุณอยู่มากมายถึงขั้นสามารถเรียงแถวได้ตั้งแต่ในบริษัทจนไปถึงถนนข้างหน้าเลยนี่” 

 

 

“คุณพูดเกินไปแล้วนะครับ” เขายิ้มไปไม่ถูก ในเวลานี้ถึงแม้ว่าสิ่งที่เธอพูดมันจะเป็นเรื่องจริงแต่ก็จะไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด แต่เขาไม่เห็นไฟที่ลุกโชนอยู่ในตาของเธอเลยเหรอ?