บทที่ 712 จับตัว

 

ตันหยุนระเบิดลมปราณของตัวเอง ทันใดนั้นก็มีลมรุนแรงหมุนอยู่รอบตัวเขา

 

ในเวลานี้ ดวงตาของหลินเฟิงก็ดูดุร้ายขึ้นเป็นพิเศษ ตันหยุนโจมตีใส่เขาตามคาดและโจมตีหลานหลิงโดยไม่คาดคิด

 

นี่เป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยแก่เขาอย่างแน่นอน!

 

เมื่อเห็นว่าตันหยุนกําลังจะจัดการกับหลินเฟิง เสิ้นฮุ่ยเป็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่มักทําตามแบบอย่างของสามี พลังวิญญาณของเธอจึงแตกออกมาในทันที

 

สองดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับขั้นห้าสูงสุด หากลงมือก่อนหน้านี้โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากหลานหลิง ความหวังที่จะชนะของเขาจะเหลือเพียงน้อยนิด

 

แต่ตอนนี้ ทุกอย่างต่างออกไป เช่นคู่ต่อสู้ผู้นี้ที่อาจไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ!

 

เขาไม่รู้ว่าหลิวชางหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่

 

แต่หลินเฟิงไม่ได้คํานึงถึงสิ่งใดมากนัก และรวมร่างกับมังกรดําทันที

 

“ตายซะ!” ตันหยุนคํารามแล้วก้าวเข้าไปหาหลินเฟิง

 

เส้นฮุ่ยที่อยู่อีกด้าน คํารามเสียงดังแล้วเริ่มโจมตีซ้ําๆจากอีกมุมหนึ่ง

 

หลินเฟิงยังคงรักษาท่าที่สงบและหลบหลีกการโจมตีจากสองทิศทาง

 

หลังจากนั้น หลินเฟิงได้ต่อสู้กับคนสองคนที่รวมเป็นหนึ่งศัตรู

 

ทักษะของสองคนนี้ดีกว่านักดาบศิลาค่อนข้างมาก แม้หลินเฟิงจะมีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าต้องพยายามอยู่บ้าง

 

เขาถือหอกทองคํา ทุกครั้งที่เขาโบกมันได้สร้างเส้นโค้งสีทองที่คมชัดและงดงาม

 

ออร่าและลมรุนแรงพัดกระจายไปทั่วพื้นที่การต่อสู้ดูรุนแรงมาก

 

จิตใจของตันหยุนเกรี้ยวกราด เพราะแม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันกลับยังไม่สามารถบดขยี้หลินเฟิงได้ ทําให้เขารู้สึกราวกับโดนดูถูก

 

ชั่วขณะหนึ่ง เขากับเสิ่นฮุ่ยจึงใช้ทักษะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง

 

แต่หลินเฟิงกลับไม่กลัวว่าจะพ่ายแพ้เลย

 

ตันหยุนโกรธขึ้นมาเล็กน้อยทันที เสิ่นฮุ่ยได้ถอนตัวออกมา คนสองคนมองหน้ากันและผสานรอยนิ้วมือเข้าด้วยกัน

 

เมื่อรู้สึกได้ถึงสองลมปราณที่รวมเป็นหนึ่ง หลินเฟิงจึงรู้ได้ว่าทั้งสองใช้ทักษะวิญญาณคู่

 

ที่เรียกว่าทักษะวิญญาณคู่ก็เป็นไปตามชื่อนั้น มันเป็นทักษะวิญญาณที่คนสองคนสามารถใช้พลังของกันและกันได้

 

พลังของทักษะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้น่าทึ่งมาก หากหนึ่งในนั้นมีพลังมากเป็นพิเศษ แม้มีทักษะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางก็สามารถใช้พลังของทักษะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงได้

 

เมื่อเห็นลมปราณของสองคนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลินเฟิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ

 

ขณะพลังวิญญาณเกือบจะบรรจบกัน ดวงตาของพวกเขาดูหยิ่งทะนงและตะโกนออกมาพร้อมกัน: “ลมพัดพาและระเบิด!”

 

ทันใดนั้น พายุที่รุนแรงมากได้เข้าโจมตีหลินเฟิงทางด้านหลัง

 

หลินเฟิงไม่ได้มีความตั้งใจที่จะหลบหลีกจึงถูกปะทะอย่างจัง!

 

“ตายหรือไม่?” หลังจากใช้กระบวนท่านี้ ทั้งคู่จึงตกอยู่ในอาการอ่อนเพลีย

 

แต่เมื่อควันระเบิดจางหายไป พวกเขาก็ตกตะลึง

 

หลินเฟิงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ และร่างกายของเขากลายเป็นดั่งเพชร!

 

ใช่แล้ว ในขณะนั้นหลินเฟิงสับเปลี่ยนร่างสัตว์ไปใช้งเพชรสะเก็ดดาว!

 

ตัวเขาเองก็ยังทิ้งกับความแข็งแกร่งแห่งการสร้างร่างกายและศิลปะการต่อสู้ของเขา

 

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร… “ ตันหยุนและเส้นฮุ่ยหน้าซีดราวกับคนตาย

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องเกิดขึ้น จากนั้นคนทั้งสองที่กรีดร้องก็กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยสายฟ้าและฟ้าผ่า!

 

หลินเฟิงตกตะลึงในทันที

 

เขามองไปที่ทางเข้าโดยไม่รู้ตัวและเห็นหลิวชางเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่ดุร้าย

 

กระแสไฟฟ้ายังคงสั่นไหวอยู่ที่ปลายนิ้ว

 

“เจ้าลงมือ?” หลินเฟิงรู้สึกเหลือเชื่อ

 

หลิวชางไม่ตอบอะไรและพุ่งเข้าใส่หลินเฟิงอย่างรวดเร็ว

 

เขาฟาดมือใส่ทางด้านหลัง แต่ถูกหลินเฟิงรับไว้ได้

 

เขาจึงตระหนักได้ว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของหลินเฟิงแข็งแกร่งมากแม่แต่เหล็กแข็งก็ยังทําอะไรไม่ได้ เขาโบกมือขึ้นแล้วเชือกก็ลอยออกมาและมัดหลินเฟิงเอาไว้

 

ชั่วครู่นั้น หลินเฟิงจึงไม่สามารถขยับตัวได้

 

“เจ้ากําลังทําสิ่งใด?” หลินเฟิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย

 

หลิวชางหัวเราะเยาะและพูดว่า “เจ้ารู้ตัวช้ายิ่งนัก”

 

จากนั้น หลิวชางจึงพาหลินเฟิงไปยังห้องโถง

 

“ข้าเสาะหามันอยู่ครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็พบมัน” หลิวชางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

ปรากฏว่าเขาเพิ่งไปทําบางสิ่งมา

 

“เจ้าต้องการอะไร?” หลินเฟิงกล่าวต่อ

 

หลิวชางตอบว่า: “เจ้าคงคิดว่าข้าช่างปฏิบัติต่อเจ้าดีนัก ตลกเหอะ ข้าแค่เห็นว่าเจ้ายังมีคุณค่าในการใช้งาน”

 

“ที่นี่มีสถานที่ที่ดูคลุมเครืออยู่เป็นจํานวนมาก มีคนกล่าวกันว่าจําเป็นต้องใช้ธาตุความร้อนสองคนเพื่อเปิดมัน”

 

“ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพราะเจ้ามีคุณสมบัติตรงตามข้อกําหนด”

 

“เกือบถึงเวลาที่เจ้าต้องนําคุณค่าของเจ้ามามีส่วนร่วมแล้ว”

 

ด้วยคําพูดเหม็นเน่านี้ จิตใจของหลินเฟิงจึงเริ่มก่อพายุ สําหรับความช่วยเหลือจากหลิวชาง เขามักรู้สึกสงสัยมาตลอด มักรู้สึกว่ามีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงอยู่เสมอ

 

แต่จากที่ร่วมทางมาเรื่อยๆ จึงค่อยๆ ลืมไปเช่นกัน

 

แต่เขากลับไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลิวชางจะมีแผนเช่นนี้อยู่ในใจ!

 

เขาดิ้นรนอย่างหนักถึงสองครั้ง แต่ก็หลุดออกมาไม่ได้

 

หลิวชางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่าเปลืองแรงเจ้าเลย มันเปล่าประโยชน์”

 

“เจ้าสามารถเสียสละตัวเองได้”

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้น

 

หลิวชางมองกลับไปและพบว่าอีกด้านคือหลีต้า

 

หลี่ต้าหัวเราะและพูดว่า “ข้าแค่เดินผ่านมา ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องเช่นนี้ มันได้ถูกกําหนดไว้ล่วงหน้าแล้วสินะ!”

 

หลิวชางกล่าวอย่างมืดมน “เจ้าจะทําอะไร?”

 

หลี่ต้าหัวเราะและกล่าวว่า “ไม่มีอะไร ข้าจะไม่รบกวนเจ้า

 

เพียงแค่ว่าเจ้าต้องมอบครึ่งหนึ่งของสมบัติที่เจ้าจะได้รับในภายหลัง เป็นอย่างไรเล่า?”

 

หลิวชางพูดขึ้น “ผายลมเถอะ! ข้าจะมอบให้เจ้าได้อย่างไร?”

 

หลี่ต้าส่ายหัว: “งั้นหรือ? เช่นนั้นข้าคงปล่อยให้เจ้าทําสําเร็จไม่ได้”

 

“ข้ามีความไม่พอใจกับเจ้าหนุ่มนี่ ดังนั้นเจ้าควรทิ้งมันไว้กับข้าซะ”

 

ความแข็งแกร่งของหลี่ต้านั้นคล้ายคลึงกับหลิวชาง เมื่อเห็นว่าหลีต้าจะต้องขัดขวาง หลิวชางจึงไม่มีทางเลือก

 

เขาจําต้องสงบสติอารมณ์และพูดว่า “ตกลง ทําตามที่เจ้าเอ่ยก็แล้วกัน!”

 

มุมปากของหลี่ย้ายกขึ้น มือโอบที่หน้าอก: “เช่นนั้นก็หวังว่าเจ้าจะไม่ทําลายสัจจะ”

 

เมื่อเห็นว่าหลี่ต้าไม่ได้ต้องการที่จะเข้ามายุ่งย่ามอีก หลิวชางจึงย้ายสายตาไปยังหลินเฟิงอีกครั้ง

 

เขาโบกมือหนึ่งครั้ง เชือกจึงคลายตัวออกโดยอัตโนมัติ

 

ในเวลานี้ ดวงตาของหลินเฟิงดําดิ่ง เขาก้าวไปตามสายลมและเงา และรีบพุ่งออกไปทันที

 

“จะหนีหรือ?” หลีต้าโจมตีหลินเฟิงด้วยการเตะ

 

ด้วยความแข็งแกร่งของหลี่ต้า จึงไม่ยากที่จะไล่ตามลมได้ทัน

 

หลิวชางรวดเร็วราวกับสายฟ้า เขาคว้าคอของหลินเฟิงด้วยท่าทางดุร้าย

 

“เจ้าต้องการหนีไปงั้นหรือ?” หลิวชางเอ่ย “เป็นไปไม่ได้หรอกที่เจ้าจะหนีไปจากข้าในวันนี้!”

 

เขาชกหลินเฟิงเข้าที่ท้องอย่างแรง จากนั้นก็เหวี่ยงหลินเฟิงออกไป

 

หลินเฟิงเดินเซถอยหลังไปหลายก้าวแล้วหยุด

 

แต่เมื่อยามที่เขาเพิ่งทรงตัวได้ แสงมีดที่ส่องสว่างก็พุ่งเข้าหาเขา

 

เขารีบหันกายหลบ แต่ความเร็วในการโจมตีของหลิวชางนั้นเร็วมากจนถูกดาบฟันเข้าที่แขนของเขา

 

เลือดสีแดงสดก็พ่นกระเซ็นออกมาเปรอะเปื้อนกําแพงสูงด้านหลัง

 

บนผนังนั้นมีอักษรรูนอยู่เป็นจํานวนมาก ทันใดนั้นอักษรรูนก็สว่างขึ้น