ตอนที่พูดอยู่นั้น ร่างสูงของฉันทัชโน้มตัวลงมาเล็กน้อยเพื่อมาคุยกับเธอ เขายกชามบนโต๊ะขึ้น จ้องมองมาที่อยากลึกซึ้ง “คุณไม่ใช่แขกของผมตลอดไปเสียหน่อย ดังนั้นในสายตาของคุณ ผมก็หวังว่าผมจะไม่ใช่แขกของคุณเหมือนกัน คุณปฏิบัติกับผมก็ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับผม ผมปฏิบัติกับคุณก็ให้ความเคารพกับคุณอย่างเหมาะสม”
เพียงคำพูดสั้นๆแค่นี้ หัวใจของยู่ยี่กลับหยุดเต้นแรงไม่ได้
หลังจากล้างจานเสร็จ ยู่ยี่เตรียมผ้าขนหนูส่งให้เขา พร้อมกับชี้ไปยังเอกสารบนโต๊ะชา “ ยังมีเอกสารอยู่นิดหน่อย ที่ฉันต้องจัดการต่อให้เสร็จ”
“งั้นคุณจัดการเอกสาร ผมจะดูทีวี แต่จะไม่ให้ไปรบกวนคุณ….” ฉันทัชเช็ดมือแล้วนั่งลงบนโซฟา
ยู่ยี่เองก็นั่งลงบนโซฟาเช่นกัน เธอเริ่มเปิดดูเอกสาร จำนวนงานของวันนี้ยังขาดไปเล็กน้อย ดังนั้นเธอจำเป็นต้องจัดการงานให้เสร็จ
โทรทัศน์นั้นเปิดอยู่ แต่นัยน์ตาลุ่มลึกเปล่งประกายกลับเหลือบหันไปเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาหยุดตรงพื้นที่ข้างกายเขา เขานั้นมีความรู้สึกดีๆให้แก่ผู้หญิงข้างกายคนนี้
แสงจากหลอดไฟนั้นเป็นสีเหลืองอ่อน ทั้งแสงไม่จ้าจนเกินไป อีกทั้งยังดูไม่สลัวจนเกินไป สีที่นุ่มนวลนี้นั้นดูอบอุ่นเป็นอย่างมาก
เธอดูเหมือนจะลืมการมีอยู่ของเขาไปแล้วจนหมดสิ้น นั่งยองๆ อยู่ตรงนั้น บางทีก็กัดปากกา บางทีก็ขมวดคิ้ว เส้นผมหย่อมหนึ่งหลุดร่วงออกมาบดบังสายตา ยู่ยี่ยื่นมือออกยกผมไปด้านหลังศีรษะ มัดผมออกมาเป็นหางม้าอย่างที่ใจชอบ เผยใบหน้าของหญิงสาวที่ขาวผ่องสะอาดใสกระจ่าง
นัยน์ตาของฉันทัชอ่อนโยนลง ริมฝีปากกระตุกยิ้ม เพลิดเพลินไปกับความสงบและความอบอุ่นอ่อนหวานนี้ สายตามองไปยังโทรทัศน์ เขานั้นมีความสุขมากที่ได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้
เขาขยับตัวเล็กน้อย และยืนขึ้น แผ่กระจายความเงางามของกางเกงสีควันบุหรี่ที่กำลังเปล่งรัศมีอยู่นั้น เขายืนอยู่ที่หน้าเครื่องกรองน้ำ เติมน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว แล้ววางไว้ที่ข้างมือเธอ
ยู่ยี่นั้นหิวน้ำอยู่พอดี จึงหลุบตาลงแตะแก้ว และยกน้ำขึ้นดื่มตามสัญชาตญาณ จิบไปสองอึกด้วยความพอใจ
หลังจากที่ยุ่งอยู่กับเอกสารมาครึ่งชั่วโมง เธอก็เงยหน้าขึ้น มือกวาดไปโดนกางเกงสูทสีเทาโดยไม่ตั้งใจ นี่ทำให้เธอนึกถึงการคงอยู่ของชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเธอในตอนนี้
สายตาของยู่ยี่มองสูงขึ้นไป ฉันทัชกำลังเอนหลังตามใจชอบอยู่บนโซฟา ขายาวพาดซ้อนกันอย่างสวยงาม และเขากำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอยู่ ที่โทรทัศน์นั้นกำลังถ้ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลอยู่แต่กลับไม่มีเสียงออกมาจากโทรทัศน์
เห็นได้ชัดว่าเขากังวลที่เสียงที่ออกมาจากโทรทัศน์จะรบกวนการทำงานของเธอ……
เธออดไม่ได้ที่จะบอกว่า เธอไม่เคยเห็นผู้ชายที่รอบคอบ ระมัดระวัง และอ่อนโยนเท่าเขาที่เป็นเช่นนี้มาก่อน……
ตอนนี้นั้นมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล ไม่มีแม้แต่เสียงสักนิด ไม่คิดเลยว่าเขาจะดูบอลเข้าประตูอย่างนี้ได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงน้ำอุ่นในมือเธอที่เขาเตรียมไว้ให้ ยู่ยี่รู้สึกได้ว่าภายในใจของเธอนั้นเอ่อล้นไปด้วยความอบอุ่น
“มีตรงไหนไม่เข้าใจหรือเปล่า?” แก้วที่ดูดีมีรสนิยมถูกวางลงบนโต๊ะ สายตาอันอบอุ่นของฉันทัชมองมาที่เธอ
เธอนึกย้อนไป แล้วส่ายหัว “ตอนนี้ยังไม่มี”
“ถ้าหากมี ก็ยิ่งต้องบอกผม ไม่มีความจำเป็นต้องไปนั่งปวดหัวอยู่คนเดียวแบบนั้น ผมนั่งอยู่ตรงนี้ ก็ไม่ใช่เครื่องประดับสิ่งของแต่อย่างใด….” เสียงของเขาแหบแห้ง ดวงตาหลุบต่ำลง
หัวใจเธอนั้นเต้นแรง ยู่ยี่เม้มริมฝีปากที่แห้งแตกเล็กน้อย “ ฉันยังไม่เจอส่วนที่ไม่เข้าใจ เมื่อไหร่ที่เจอแล้ว ฉันจะบอกคุณนะ”
ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังออกมา เธอยกมันขึ้นรับ “ฮัลโหล?”
“ยี่ ฉันมาหยาเองนะ อีกไม่กี่วันเราจะมีจัดงานเลี้ยงรุ่น เธอมาได้หรือเปล่า?” งานเลี้ยงรุ่น ยู่ยี่ย่นคิ้วแล้วย่นคิ้วอีก ในตอนนี้เธอนั้นยุ่งเกินไป เกี่ยวกับงานเลี้ยงรุ่นเธอไม่คิดเลยว่าจะลืมมันไปทั้งหมดแบบนี้
ปลายสายทางนั้นเงียบไปค่อนข้างนาน หลังจากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “ฉันคิดว่า เธออาจจะไม่อยากมางานเสียอีก”
“ทำไมล่ะ?” เธอแปลกใจเกี่ยวกับคำถามนี้
“ข่าวการหย่าร้างของเธอถูกแพร่ไปในหมู่เพื่อนแล้วน่ะสิ แทบจะทุกคนรู้เรื่องที่หัสดินตอนนี้คบกับเรนนี่หมดแล้ว เมื่อเธอมางานนี้ ก็ยากที่จะเลี่ยงคนที่จะเยาะเย้ยเธอสักคำสองคำ”โทรศัพท์ของยู่ยี่นั้นไม่เก็บเสียง คำพูดทั้งหมดนั้นคงถูกส่งไปยังหูของฉันทัชแล้ว
ข้อนิ้วของเขาโค้งงอเล็กน้อย พลางเคาะแก้วเป็นจังหวะ จ้องมองมาที่เธอ
“เวลาและสถานที่ล่ะ?” ยู่ยี่เอ่ยถามต่อ
มาหยาบอกเวลาและสถานที่ พร้อมกับตักเตือนเธอเล็กน้อย “เธอไม่ต้องมาก็ได้นะ ช่างมันเถอะ”
“การหย่านั้นเป็นเรื่องจริง ฉันสามารถควบคุมปากของฉันเองได้ รวมถึงปากและจิตใจของคนอื่นก็เช่นเดียวกัน ถ้าฉันหลีกเลี่ยงไม่ไปเจอ พวกเขาจะยิ่งกำเริบเสิบสาน มาหยา ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นนะ” เธอเข้าใจความหวังดีของเพื่อน “และก็ ฉันอยากเจอเธอและเพื่อนคนอื่น”
หลังจากนั้นสักพัก โทรศัพท์ก็ถูกวางสายไป ยู่ยี่หลับตาลงสักครู่ ตอนแต่งงานนั้นผู้คนรู้กันไปทั่ว ตอนหย่าร้างก็เป็นเรื่องราวฉาวโฉ่ไม่ต่างกัน เสียงรบกวนพวกนี้พอแล้วจริงๆ
เธอก้มหัวลงไป และเริ่มยุ่งกับการจัดการเอกสารอีกครั้ง โดยครั้งนี้ เธอยุ่งกับการจัดการเอกสารมากกว่า 2 ชั่วโมง
เธอวางเอกสารลง และยืนขึ้น ยืดเหยียดร่างกายตัวเองอย่างเกียจคร้าน แล้วหมุนตัวสักรอบ ฉันทัชเอนหลังอยู่บนโซฟาพร้อมหลับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แขนของเขากำลังกอดอกอยู่ รวมถึงขายาวของเขาที่ยังพาดพับกัน เขาเอนตัวไปกับโซฟาเล็กน้อย เส้นบนแขนเขาดูลึกและชัดเจน มีลมหายใจเข้าออกเบาๆ
ที่เห็นอยู่นี้ ยู่ยี่เองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดี เธอมองเวลา ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว จะเรียกเขา ให้เขากลับไป เธอก็พูดไม่ออก
แต่ถ้าหากให้เขานอนตรงนี้ อากาศช่วงค่ำของปลายฤดูใบไม้ร่วงต้นฤดูหนาวนั้นหนาวเย็น ถ้าเขานอนตรงนี้ ต้องเป็นหวัดแน่
ยู่ยี่ลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอผลักเขาเบาๆ “ไปนอนห้องข้างๆเถอะ ตรงนี้อากาศเย็นเกินไป”
ดวงตาลึกล้ำของฉันทัชหรี่ขึ้นเล็กน้อย “จัดการเอกสารเสร็จแล้วเหรอ?”
เธอพยักหน้า เขาลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มหยิบเสื้อสูทด้วยมือเรียวงาม เอ่ยเสียงแหบและต่ำเนื่องจากเพิ่งตื่นนอน “อาบน้ำ รีบพักผ่อน…..”
“คุณจะไปเลยเหรอ?”
“ใช่…..” ฉันทัชสวมเสื้อสูทเรียบร้อยแล้ว “นอนเถอะราตรีสวัสดิ์”
ยู่ยี่เป็นห่วงเขาเล็กน้อย “คุณขับรถไหวไหม?”
“ขับได้ครับ…….” เขาลุกขึ้น เดินออกไปยังนอกห้อง ยู่ยี่ตามเขาไป “ให้ฉันตามโก๋ให้เอาไหม?”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอก ผมจะไปถึงอย่างปลอดภัย และโทรหาคุณนะ ฝันดีครับ” ฉันทัชโน้มตัวลง ริมฝีปากอุ่นร้อนประกบเข้ากับริมฝีปากของเธอ
ทั้งความชื้นนุ่มหยุ่นและอุ่นร้อน รวมถึงลมหายใจที่จมูกของยู่ยี่ตอนนี้เป็นของเขาทั้งหมด
ในที่สุด เขาก็ผละออก “ มีกลิ่นต้นหอมอ่อนๆ ด้วย”
ยู่ยี่หน้าแดง เงยหน้าขึ้น “กลิ่นมันเหม็นเลยเหรอ?”
“ไม่ครับ แต่ทำให้คนลุ่มหลง……”ฉันทัชหัวเราะเบาๆ ด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ผมชอบที่ได้เพลิดเพลินสนุกสนานแบบนี้ รสชาติของครอบครัวเป็นอย่างนี้นี่เอง บนโลกนี้คงไม่เคยมีคนที่ปฏิเสธอะไรแบบนี้”
เขาจากไปแล้ว หลังจากยู่ยี่มองดูรถเขาเลือนลับหายไปในตอนนี้ เธอก็หันหลังกลับเขาที่พัก ตอนนี้เที่ยงคืนครึ่งแล้ว ดึกพอสมควร เธอเองก็ควรพักผ่อนได้แล้ว
หลังจากหย่าแล้วเธอยังต้องทนทุกข์กับการเยาะเย้ยด้วยเหรอ? ต้องหลบเลี่ยงจากสายตาที่มองมาอย่างแปลกประหลาดของทุกคน ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?
ไม่จำเป็นเลย ไม่จำเป็นเลยสักนิด โลกใบนี้คนยังมีชีวิตอยู่ไม่ว่าใครจะจากไป หัสดินจากเธอไป แต่ยังมีเรนนี่ ที่ยังคงใช้ชีวิตอย่างประสบความสำเร็จ
ไม่มีหัสดิน ชีวิตของเธอยังเพิ่มพูนไปด้วย ความพยายามและความมั่นคง ดังนั้นมันไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย
ที่จริงแล้วการหย่านั้นมันไม่ได้หมายความว่าชีวิตนั้นจบสิ้นแล้ว ถ้าหากคุณมองเห็นจุดนั้น มันก็จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ และการเริ่มชีวิตใหม่
วันต่อมา
ยู่ยี่ตื่นสายเล็กน้อย ตอนที่เธอตื่นก็ 6 โมงครึ่งกว่าไปแล้ว เธอลุกจากเตียง อาบน้ำและแต่งตัว
โก๋นั้นรออยู่ข้างล่าง เธอขึ้นรถ แล้วคาดเข็มขัดนิรภัย “เขาล่ะ?”
“คุณฉันทัชเหรอครับ?” โก๋กล่าว “คุณฉันทัชค่อนข้างยุ่งครับ วันนี้ออกไปไม่เป็นเวลา จึงให้ผมไปส่งคุณยู่ยี่แทนครับ”
ยู่ยี่รู้สึกสงสัยเป็นครั้งแรก”เขากำลังทำอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
“คุณฉันทัชเป็นคนเก่งมาก อาจจะทำอะไรหลายอย่างอยู่ก็เป็นได้ แต่ผมก็ไม่ทราบเช่นกันครับ ผมเคารพคุณชายฉันทัชมากเลยครับ” คำพูดของโก๋นั้นเต็มไปด้วยน้ำเสียงชื่นชม
ยู่ยี่หัวเราะออกมา ผู้ชายคนนั้นโดดเด่นเหนือใครจริงๆ ทำให้ใครหลายคนอดจะชื่นชมยกยอไม่ได้
“ว่าแต่คุณยู่ยี่ คุณกับคุณฉันทัชกำลังคบกันอยู่ใช่ไหมครับ?”
“……” ยู่ยี่นิ่งเงียบ
“ผมรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนต้องกำลังคบกันอยู่ ถ้าอย่างนั้นคุณยู่ยี่ก็ควรเรียกคุณฉันทัชอย่างสนิทสนมสักหน่อย ไม่งั้นอาจจะดูไม่สนิทกันได้ เรียกฉันทัชเลยก็ฟังดูไม่เลว ไพเราะเสนาะหู”
ยู่ยี่ “….”
เมื่อถึงที่ทำงาน เธออยากจะลงจากรถ แต่โก๋เรียกเธอไว้ พร้อมให้ของขวัญเธอ 1 กล่อง บอกว่าเป็นของที่คุณฉันทัชให้มา
เขาให้อะไรมานะ? ยู่ยี่สงสัย
หลังจากเข้างานไม่นาน เธอก็ไม่มีเวลาไปเปิดดูกล่องของขวัญเลย ทุ่มทั้งใจและจิตวิญญาณให้แก่งานไปเสียหมด กล่องของขวัญนั้นถูกวางไว้ข้างในลิ้นชัก
ตอนเที่ยงเวลาพักทานอาหารกลางวัน นาโนโทรมาหาเธอและนัดเจอเธอที่ร้านกาแฟตรงข้ามที่ทำงาน เธอยังคงสวยและมีสไตล์เหมือนแต่ก่อน ชุดกระโปรงยาว เสื้อกันลม และรองเท้าส้นสูง แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนเธอจะซูบเซียวลง
ยู่ยี่คิดในใจ ต้องเป็นเพราะเรื่องลูกเป็นแน่ เธอถามนาโน แต่นาโนกลับไม่ได้ไปโรงพยาบาลอื่น?
นาโนเล่าออกมาหมดว่า บรรดาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของปักกิ่งเธอได้ไปมาหมดแล้ว แต่ก็ยังได้ผลลัพธ์เช่นเดิม เธอไม่มีทางมีลูกได้ ด้วยวิธีเด็กหลอดแก้วก็เช่นกัน
สายตายปะทะเข้ากับกล่องของขวัญ นาโนไม่พูดอะไรให้มากความ เอื้อมมือไปเปิดกล่องนั้นทันที เปิดออกมาเป็น ชุดกระโปรงยาวสีดำ 1 ตัว
เนื้อสัมผัสชุดกระโปรงนั้นดีมาก ตอนที่ลองสัมผัสดูนั้นเนื้อผ้าเนียนละเอียดและนุ่มนวล บริเวณช่วงคอเปิดโล่งไม่มีอะไรปกปิด ข้างหลังนั้นเป็นงานปักเย็บ ยามที่เคลื่อนไหวจะดูเปล่งประกาย
เป็นชุดที่สวยงามมากจริงๆ
เพียงแค่มองครั้งเดียว นาโนก็รู้สึกชอบขึ้นมาแล้ว นาโนถามเธอว่าซื้อมาจากที่ไหน
ยู่ยี่ส่ายหัว พร้อมบอกว่าเธอไม่ได้ซื้อ แต่เป็นเขาให้มา เธอเองก็เพิ่งรู้ตอนนี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะส่งชุดกระโปรงยาวมาให้
“สายตาพ่อเทพบุตรของเราไม่เลวเลยจริงๆ เลือกถูกใจฉันได้ในครั้งเดียว” นาโนเอ่ยปากชื่นชมพร้อมกับซักถาม “คบกับพ่อเทพบุตรแล้วรู้สึกยังไงบ้าง”
ยู่ยี่ขบคิดคำตอบ คำถามนี้จะตอบเช่นไรถึงจะดี
“ความรู้สึกตอนคบกับเขานั้นแน่นอนว่าต้องดีมากอยู่แล้ว เขาดูมั่นคง รอบคอบ อ่อนโยนนุ่มนวลเป็นที่สุด เขาดูไม่ใช่คนอารมณ์ร้ายและพร้อมให้อภัยเธอตลอดไป” นาโนเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
ยู่ยี่รู้ว่านาโนมองผู้ชายไม่เคยผิดพลาด อีกทั้งยังแม่นยำอยู่เสมอ เมื่อคบกับเขาแล้ว เพียงแค่อะไรเล็กๆน้อยๆที่ทำให้กันอยู่เสมอก็เติมเต็มความอบอุ่นได้ ทำให้รู้สึกใจเต้น
เขาบอกกับเธอว่าความรักของเขานั้นได้ผ่านวัยที่รุ่งโรจน์ไปแล้ว ยู่ยี่ก็คิดว่าตัวเองเป็นเช่นนี้เหมือนกัน เธอชอบความรู้สึกที่เป็นแบบตอนนี้
“ดูสายตาเธอตอนนี้สิ พ่อเทพบุตรของฉันน่ะนะ ฉันฝันถึงมาก็ตั้งนาน ในฝันนั้นทั้งหมดเป็นรูปร่างของเขา สุดท้ายเจ้าหมูโง่ตัวนี้ก็เอาไปอย่างง่ายดายจนได้” นาโนกล่าวขึ้นอีกครั้ง “ฉันคิดว่าจะย้ายไปอยู่กับเธอสักพัก”
ยู่ยี่ไม่ได้ถามสาเหตุ เพราะรู้ว่าต้องเพราะเรื่องลูกเป็นแน่รวมถึงแม่ของดนัยที่สร้างความรำคาญไม่ค่อยมีความสุข
จริงๆ แล้วไม่มีลูกก็นับว่าดี ดูอ่อนเยาว์ตลอดไป ที่ท้องจะไม่มีรอยแผลเป็น นาโนพูดต่อ
ตอนนี้นาโนก็เหมือนคนที่พูดเพื่อหาความสุขบนความทุกข์ ยู่ยี่ถอนหายใจออกมาเบาๆ