ภาคแยก | บทที่ 2 มิได้รักฝ่าบาทหรอกหรือ

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

“ในที่สุดข้าก็ได้เป็นจักรพรรดินี”

โรสมอนด์พึมพำด้วยสีหน้าล่องลอยอยู่คนเดียวในห้อง

“ในที่สุด ในที่สุด!”

“ฝ่าบาท สำรวมหน่อยเถิดเพคะ อีกประเดี๋ยวพระจักรพรรดิจะมาถึงแล้วมิใช่หรือ”

คลาราพูดด้วยน้ำเสียงประจบประแจงกว่าปกติ โรสมอนด์ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าด้วยสีหน้าปีติยินดีอย่างเปี่ยมล้น

“ใช่แล้ว เจ้าพูดถูก”

หมู่นี้อีกฝ่ายไม่ค่อยได้มาหานางก็จริง แต่ถึงอย่างไรคืนนี้ก็เป็นคืนแรกของนางในฐานะจักรพรรดินี เขาต้องมาหานางแน่นอน

โรสมอนด์เอาแต่ลูบคลำปลายนิ้วด้วยสีหน้าประหม่า ดูราวกับเด็กสาวที่ตกหลุมรักครั้งแรก นางพึมพำราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ไม่รู้เรื่องอะไร

“ทีนี้ก็เหลือแค่คลอดรัชทายาทออกมา”

“ตายจริง ฝ่าบาท”

คลาราเกลี้ยกล่อมโรสมอนด์อย่างสุขุม “ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้เพคะ ตอนนี้ไม่มีใครในมาวินอสที่จะมาขัดขวางพระองค์ได้แล้ว พระองค์ทรงเป็นจักรพรรดินีของประเทศนี้ และพระโอรสของพระองค์ก็จะกลายเป็นสุริยันดวงต่อไปของมาวินอส เหตุใดต้องกังวัลถึงเพียงนั้น”

“ข้ามิได้กังวล คลารา แต่ข้าไม่เชื่อใจฝ่าบาท” โรสมอนด์ยิ้มเย็นพลางกล่าว “ข้าไม่เชื่อหรอก การเชื่อใจบุรุษเป็นเรื่องที่โง่เขลา”

จากนั้นก็พูดเสริมอย่างเย็นชา “โดยเฉพาะพวกกษัตริย์”

“แต่…พระองค์มิได้รักฝ่าบาทหรอกหรือเพคะ”

“รัก?” โรสมอนด์แค่นหัวเราะ “ใช่แล้ว คลารา ข้ารักท่านผู้นั้น ฝ่าบาทของข้า ตอนนี้เขาได้กลายมาเป็นสามีของข้าอย่างเป็นทางการแล้ว และจะกลายเป็นพ่อของลูกข้าในสักวันหนึ่ง”

“….”

“แต่ว่านะคลารา ข้ารักสิ่งที่เขามอบให้มากกว่า ตำแหน่ง เงินทอง และเกียรติยศ อีกทั้งความรุ่งโรจน์! ข้ารักสิ่งเหล่านี้”

“เพคะ…”

คลาราไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยาอย่างไรกับคำพูดนั้นจึงได้แต่เออออตามโรสมอนด์ จู่ๆ ก็นึกสงสารจักรพรรดิขึ้นมา อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าเขาจะรักจักรพรรดินีด้วยใจจริง…

ขณะครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย เสียงของนางกำนัลด้านนอกก็ดังขึ้นทำเอาคลาราตกอกตกใจหลุดออกจากภวังค์และกลับสู่ความเป็นจริง

“ฝ่าบาท พระจักรพรรดิเสด็จเพคะ”

“อุ๊ย!”

โรสมอนด์มีสีหน้าประหลาดใจพลางตอบรับเสียงเล็กเสียงน้อย

“รีบเชิญเสด็จเถิด จะปล่อยให้แขกผู้มีเกียรติรออยู่ด้านนอกได้อย่างไร”

“เพคะ ฝ่าบาท”

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออกตามด้วยร่างของลูซิโอเดินเข้ามา ส่วนคลาราก็ถอยออกไปข้างนอกอย่างรู้งาน โรสมอนด์ไม่ได้อยู่กับลูซิโอในห้องนอนเช่นนี้นานแล้วจึงกางแขนรับเขาเข้ามาในอ้อมกอด

“ฝ่าบาท”

โรสมอนด์เรียกลูซิโอด้วยน้ำเสียงประจบเอาใจพลางลูบไล้แผงอกแกร่ง

“คิดถึงจังเลยเพคะ ฝ่าบาท”

“ข้าก็เช่นกัน โรส”

“เมื่อครู่ที่โบสถ์ ฝ่าบาททรงพระสิริโฉมงามสง่าอย่างมาก” หญิงสาวเอ่ยกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลง “จนหม่อมฉันอยากจะโอบกอดและมอบจูบให้เดี๋ยวนั้นเลยเพคะ”

“โชคดีที่เจ้าไม่ได้ทำ”

“แน่นอนสิเพคะ”

หากเป็นปกติตอนนี้ลูซิโอต้องเป็นฝ่ายเข้ามากอดนางก่อนแล้ว ดูเหมือนวันนี้เขาจะเขินอายเล็กน้อย แต่นางก็หาได้สนใจ ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเริ่ม แค่จบพร้อมกันก็พอแล้ว หญิงสาวเริ่มต้นด้วยการดูดดุนต้นคอหนา ก่อนจะจูบกลีบปากของลูซิโอด้วยสีหน้ายั่วยวน

“ฮา…”

“ฮึอือ…ฝ่าบาท”

เสียงครางกระเส่าของหญิงสาวฟังดูหยาบโลนกว่าปกติ โรสมอนด์ตั้งใจไว้แล้วว่าคืนนี้นางจะต้องได้โอบอุ้มน้ำเชื้อของเขาเพื่อตั้งครรภ์ แม้นางจะได้เป็นถึงจักรพรรดินีสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในจักรวรรดิแล้ว แต่เพียงเท่านั้นยังไม่พอ

ต้องมีอะไรที่แน่นอนกว่านั้น และสำหรับนางแล้วสิ่งนั้นคือเจ้าชาย หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเจ้าชายที่กลายเป็นรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ของจักรวรรดินี้

“ฝ่าบาท…ไปที่เตียงเพคะ…”

นางต้องเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง ทั้งเรื่องงาน ความรัก ทุกอย่างต้องอยู่ในกำมือของนาง ดังนั้นเรื่องสำคัญในวันนี้นางก็ต้องเป็นผู้ควบคุมเช่นกัน

โรสมอนด์ปลดกระดุมเสื้อของลูซิโอจนหมดในเสี้ยววินาที นางช่ำชองในการใช้มือปลดกระดุมพอตัว

“วันนี้เจ้ารีบร้อนเป็นพิเศษนะ…”

โรสมอนด์ได้ยินดังนั้นก็เอ่ยตอบ “ก็หม่อมฉันเฝ้าคิดถึงแต่ฝ่าบาททั้งวันจนร่างกายร้อนรุ่มไปหมดแล้วน่ะสิเพคะ”

โกหก เดิมทีนางไม่ใช่คนหมกหมุ่นในราคะ นางเพียงแต่ตระหนักรู้ได้เร็วเกินไปว่าร่างกายของนางสามารถใช้เป็นอาวุธได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรนางก็หาได้สนใจไม่

โรสมอนด์กระซิบเสียงต่ำแหบพร่า “คาดหวังได้เลยเพคะ ฝ่าบาท คืนนี้หม่อมฉันจะไม่ปล่อยพระองค์ไปจนกว่าจะเช้า”

“อืม..”

โรสมอนด์พลิกกายตื่นขึ้น เมื่อคืน…ข้าหลับไปตอนไหนนะ นางคิดอยู่สักพักก็เลิกคิด คิดไปก็ไร้ประโยชน์เพราะกว่าพวกเขาสองคนจะสิ้นฤทธิ์ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว

โรสมอนด์แอบลูบท้องน้อยของตนเป็นอันดับแรก แน่นอนว่าตอนนี้ในนั้นยังไม่มีเด็ก แต่สักวันต้องมีแน่

สักวันในท้องที่แบนราบนี้จะมีเด็กที่จะเกิดมาเพื่อปกครองจักรวรรดิที่ใหญ่โตแห่งนี้…! เพียงคิดมาถึงตรงนี้นางก็กระหยิ่มยิ้มย่องราวกับได้เป็นพระพันปีแล้วก็ไม่ปาน

จากความพยายามของนางเมื่อคืนนี้ คาดว่าน่าจะมีข่าวดีในไม่ช้า โรสมอนด์เชื่อมั่นหนักแน่นราวกับหินผา

“…โรส?”

ในตอนนั้นเอง นางก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยที่ได้ฟังนับครั้งไม่ถ้วนเมื่อคืน อาจเพราะได้ยินทันทีหลังจากคิดเรื่องลูก เสียงนั้นจึงฟังดูน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น

เสียงของบุรุษที่จะกลายเป็นบิดาของลูกข้า!

โรสมอนด์ตอบเสียงขึ้นจมูก “ฝ่าบาท~ ตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ”

“เจ้าตื่นก่อนแล้วหรือ”

“หม่อมฉันเองก็เพิ่งตื่นเพคะ”

พูดจบ โรสมอนด์จุมพิตเบาๆ ที่เปลือกตาบางของอีกฝ่ายตามความเคยชิน สีหน้าของลูซิโอไม่มีแววรังเกียจคล้ายว่าถูกจูบแต่เช้าก็ไม่เลวนัก เพราะยังเช้าอยู่ น้ำเสียงของเขาจึงฟังดูสะลึมสะลือ

“เจ้าดูอารมณ์ดีนะ”

“จะมีหญิงใดอารมณ์ไม่ดีหลังจากได้ใช้เวลาร่วมกับคนรักทั้งคืนด้วยหรือเพคะ”

นางหัวเราะอย่างมีจริตและใช้ริมฝีปากแทะโลมแผงอกเปลือยเปล่าของลูซิโอ

“และเพราะเป็นฝ่าบาท หม่อมฉันถึงได้อารมณ์ดี”

“ได้เป็นจักรพรรดินีแล้วรู้สึกอย่างไร”

“รู้สึกอย่างไรหรือเพคะ”

นางคิดอย่างรอบคอบก่อนจะตอบอย่างชัดเจน “รู้สึกดีจริง ๆ เพคะ”

“อย่างนั้นหรือ?”

“รู้สึกวาบหวาม”

“วาบหวามเชียวหรือ”

“ไม่เชื่อหรือเพคะ ฝ่าบาท ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกวาบหวามจริงๆ นะ”

นางย่อมต้องรู้สึกเช่นนั้น ที่ผ่านมานางต้องพยายามตั้งเท่าไรเพื่อตำแหน่งนี้ หากจะพูดให้เกินจริงสักหน่อยก็คงต้องบอกว่าตอนนี้นางรู้สึกเสียวซ่านในใจสุดขีด โรสมอนด์เผยยิ้มงดงามพลางกล่าว

“ในที่สุดหม่อมฉันก็สามารถยืนเคียงข้างฝ่าบาทได้อย่างเต็มภาคภูมิ”

ในฐานะภรรยาหลวงที่สง่าผ่าเผย มิใช่อนุภรรยาอีกต่อไป ท่านที่มีฐานะสูงส่งมาทั้งชีวิตคงไม่เข้าใจหรอกว่าข้าดีใจมากเพียงใด เพราะกระทั่งตอนที่ท่านถูกอลิซาทำร้ายทารุณ ท่านก็เป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทของจักรวรรดินี้แล้ว ท่านจะมาเข้าใจหัวอกลูกนอกกฎหมายของขุนนางชั้นต่ำอย่างข้าได้อย่างไร

โรสมอนด์กล่าวเสริม “ตอนนี้ไม่มีใครขัดขวางความรักของเราได้แล้วนะเพคะ”

“ใช่แล้ว”

“ฝ่าบาทเองก็มีแค่หม่อมฉันคนเดียวใช่ไหมเพคะ”

“แน่นอน”

เขากระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นับจากนี้ข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น”

โรสมอนด์เชื่อว่าไม่มีสิ่งใดงดงามสมบูรณ์แบบเท่ากับความสบายใจที่เกิดจากการเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้เขามีเพียงนางเท่านั้น นั่นหมายความว่าหากนางหายไปเขาคงใจสลายเป็นแน่ นางกระซิบบอกเขาด้วยน้ำเสียงปีติยินดี

“หม่อมฉันรักพระองค์เพคะ ฝ่าบาท”

รักอย่างแท้จริง

***

โรสมอนด์มิได้โง่เขลาเบาปัญญา แม้ไม่เคยจัดการงานของฝ่ายในมาก่อน แต่นางก็สามารถทำทุกอย่างได้ดีด้วยความช่วยเหลือของดัชเชสเอเฟรนี ถึงอย่างไรนางก็นับเป็นคนเฉลียวฉลาดและมีไหวพริบคนหนึ่ง

ปัญหาของนางเป็นอะไรที่ส่วนตัว โรสมอนด์มีชีวิตในวัยเด็กที่แสนอับโชค หากจะบอกว่าความกระหายอำนาจของนางมีสาเหตุมาจากความทุกข์ยากในวัยเด็กก็ไม่นับว่าเกินไป ปัญหาคือความกระหายในอำนาจมักพ่วงมาด้วยความละโมบโลภมากทางวัตถุ

“คลารา ดูนี่สิ” โรสมอนด์พูดเสียงแผ่ว “เพชรทรงหยดน้ำนี้งามนัก เจ้าว่าไหม”

“เพคะ งามเพคะ” คลาราเออออตาม “ทรงได้รับมาจากที่ใดหรือเพคะ?”

“ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเลยล่ะ ฟังว่าหายากทีเดียว”

โรสมอนด์ฮัมเพลงพลางตอบ นางวางสร้อยเพชรลงก่อนจะพูดกับคลารา

“เอาล่ะ ต้องเปลี่ยนชุดแล้ว”

“เพคะ?”

คลาราที่นั่งอยู่ด้านข้างถึงกับตกใจ เพราะโรสมอนด์เพิ่งเปลี่ยนชุดใหม่ได้ไม่ถึงห้าชั่วโมงดี

คลาราเอ่ยถามอย่างสงสัย “แต่ฝ่าบาทเพิ่งเปลี่ยนฉลองพระองค์ไปเมื่อห้าชั่วโมงที่แล้วนะเพคะ”

“ก็ใช่”

โรสมอนด์แก้ตัวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “แต่เมื่อครู่ข้าออกไปข้างนอกมานะ”

“ถึงกระนั้นก็เถิด จะเปลี่ยนชุดอีกก็เปลือง…”

“นี่เจ้ายอกย้อนข้ารึ”

ครั้นได้ยินน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของโรสมอนด์คลาราก็กลัวจนหงอ

เมื่อไม่นานมานี้มีนางกำนับที่ต้องตกระกำลำบากเพราะเอ่ยทัดทานโรสมอนด์ หากจะพูดให้ชัดเจนคือนางกำนัลผู้นั้นนับเป็นรายที่ 12 แล้วของเดือนนี้ โรสมอนด์อ้างเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่าทำไปเพื่อจัดระเบียบฝ่ายใน แต่ใครเล่าจะดูไม่ออกว่านางทำไปเพื่อระบายอารมณ์

แม้คลาราจะเป็นข้ารับใช้คนสนิท แต่ดูจากอุปนิสัยเหี้ยมโหดโฉดชั่วของผู้เป็นนายแล้วไม่มีทางเลยที่นางจะได้รับการงดเว้นแต่เพียงผู้เดียว คลารารีบถอนคำพูดทันที

“หามิได้เพคะ ฝ่าบาท ไฉนจึงตรัสเช่นนั้นเล่า รับสั่งของพระองค์ล้วนถูกต้องเสมอ ใช่แล้ว จะให้สตรีที่ประเสริฐที่สุดในจักรวรรดิทรงฉลองพระองค์ชุดละ ‘ตั้ง’ 5 ชั่วโมงได้อย่างไร”

“ค่อยพูดกันรู้เรื่องหน่อย”

จากนั้นโรสมอนด์ก็เรียกหานางกำนัลด้วยสีหน้าพอใจ “เอาล่ะ พวกเจ้าช่วยข้าเลือกชุดทีได้หรือไม่”

“เพคะ ฝ่าบาท”

หลังจากพูดออกไปแล้ว โรสมอนด์ก็ทำสีหน้าคล้ายกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นนางก็เรียกหาคนผู้หนึ่ง

“ลอเรน”

สิ้นเสียงเรียก นางกำนัลเจ้าของชื่อก็รีบเดินเข้ามาหาโรสมอนด์

“เพคะ ฝ่าบาท”

“เรื่องเอกสารที่ดัชเชสเอเฟรนีพูดถึงเป็นอย่างไรบ้าง”

“ทรงหมายถึงเอกสารเรื่องงานวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระจักรพรรดิใช่หรือไม่เพคะ”

“ใช่”

“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย” ลอเรนเผยยิ้มพลางตอบ “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเพคะ”

“ดี”

ได้ฟังดังนั้นสีหน้าของโรสมอนด์ก็ดูสบายใจขึ้นระดับหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังออกคำสั่งกับลอเรนอีกครั้งคล้ายยังไม่คลายความกังวล

“นำเอกสารที่เสร็จแล้วมาให้ข้าที อย่างไรข้าก็คงต้องอ่านด้วยตัวเอง”

“แน่นอนเพคะ ฝ่าบาท หม่อมฉันจะนำมาถวายเดี๋ยวนี้”

ขณะค้อมศีรษะให้โรสมอนด์ ลอเรนก็ยังคงรักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้า นางค่อยๆ หันกายอย่างเนิบช้าจนกระทั่งเมื่อหันหลังให้อีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์ บนใบหน้าของลอเรนก็ไม่เหลือรอยยิ้มอีกต่อไป