ตอนที่ 514 เธอเหมาะสมกับท่านประธานแล้ว / ตอนที่ 515 เรื่องในอดีตไม่ต้องพูดถึง

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 514 เธอเหมาะสมกับท่านประธานแล้ว  

 

 

พอเช็คเสร็จ ก็ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ขอโทษด้วยนะคะคุณเฉียว ฉันไม่ทันเห็นว่าคุณอยู่ข้างหน้า” 

 

 

เสียงนั่นมัน…เธอขมวดคิ้วหันไปมอง ก็พบว่าคนๆนั้นก็คือเจียงจื่อเซี๋ยน คนที่เธอรู้สึกเกลียดมากที่สุด 

 

 

ทำไปพวกเธอจะต้องมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ตลอดเลย บอกไม่ถูกว่าตอนนี้ในใจของเธอกำลังรู้สึกแบบไหน พอขยับไหล่ ก็พบว่ามันปวดแปลบขึ้นมานิดๆแล้ว 

 

 

เห็นท่าทางแบบนั้นของเธอ เจียงจื่อเซี๋ยนก็เอ่ยถามขึ้น “ขอโทษด้วยนะคะ เป็นเพราะฉันแท้ๆ ไหล่ของคุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ให้ฉันช่วยดูดีไหม” พูดจบก็ยื่นมือมาดึงเสื้อของเธอ 

 

 

เฉียวซือมู่ถอยหลังโดยอัตโนมัติ หลบมือของเธอที่ยื่นเข้ามา “ไม่ต้องหรอกฉันไม่ได้เป็นอะไร เธอไม่ต้องคิดมากหรอก” พูดจบก็หลบตัวไปข้างๆ เป็นเชิงว่าให้เธอไปได้แล้ว 

 

 

เจียงจื่อเซี๋ยนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มบนใบหน้าอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ ขอโทษด้วย เมื่อสักครู่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” 

 

 

เธอพูดออกมาอย่างจริงใจ ทำเอาเฉียวซือมู่เองก็ไม่รู้ว่าจะต้องโต้ตอบอย่างไร จึงยิ้มให้เธอ “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสาหรอก” 

 

 

เจียงจื่อเซี๋ยนลอบมองเธออีกรอบ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป 

 

 

ก่อนไปก็ยังไม่ลืมที่จะเหลือบไปมองยังถุงนั่นด้วย 

 

 

เฉียวซือมู่ไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยว่าสายตาของเธอนั้นมองไปที่ไหน เธอถือถุงเอาไว้แล้วเดินเข้าตึกไปทันที 

 

 

นั่นมันก็แค่การแสดงละครเท่านั้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบเจียงจื่อเซี๋ยน แต่ยังไงมันก็เป็นแค่อุบัติเหตุ เธอจึงไม่คิดที่จะเก็บมันมาใส่ใจ  

 

 

แต่เธอไม่เห็นเลยว่าหลังจากที่ตัวเองหันหลังแล้ว สายตาที่เจียงจื่อเซี๋ยนมองตามแผ่นหลังของเธอนั้นมันกำลังคิดอะไรอยู่ 

 

 

พอมาถึงบนตึก เธอก็ใจดีแบ่งเค้กให้กับพวกเลขาไปหลายชิ้น ถึงแม้ว่าจะช่วยงานอะไรจิ้นหยวนไม่ได้ แต่เรื่องเล็กๆอย่างการซื้อใจคนเธอก็พอจะทำได้อยู่ 

 

 

พวกเลขาเองก็ดูเหมือนจะดีใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เค้กชิ้นเดียว แต่มันก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าภรรยาของท่านประธานไม่ได้เป็นคนที่เข้าถึงยากใช่ไหมล่ะ? 

 

 

จนกระทั่งพอพวกเขาเห็นว่าเฉียวซือมู่เข้าห้องไปแล้ว เลขาที่มีประสบการณ์น้อยที่สุดในกลุ่ม และเพิ่งจะเข้ามาทำงานในบริษัทก็มองวังชิงด้วยความแปลกใจ “หัวหน้า คิดอะไรอยู่เหรอครับ?ทำไมถึงไม่ทานล่ะ?” 

 

 

วังชิงเรียกสติกลับมา แล้วหันไปมองเขาแวบหนึ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มเล็กๆขึ้น “ทานสิ ฉันแค่คิดว่าภรรยาของท่านประธานนี่เป็นคนดีจริงๆเลย รูปร่างหน้าตาสวยขนาดนั้น บุคลิกก็ดี ก่อนหน้านี้ฉันยังเอาแต่คิดอยู่เลยว่าเธอคงไม่เหมาะสมกับท่านประธาน ตอนนี้พอเห็นแล้วกลับไม่มีความคิดแบบนั้นเลย” 

 

 

“นั่นสิครับ ถ้าไม่ใช่เพราะดีขนาดนี้ แล้วเธอจะทำให้ท่านประธานที่แสนฉลาดของพวกเราชอบได้ยังไงกัน?” เลขาที่อายุน้อยสุดไม่สนใจที่เขาพูดอีก อ้าปากกินเค้กเสียคำโต “อื้ม รสชาติดีเลยนะเนี่ย” 

 

 

วังชิงยิ้ม นัยน์ตาสีดำหลังเลนส์สายตาราวกับกำลังครุ่นคิด จากนั้นก็ค่อยๆตักเค้กเข้าปาก 

 

 

เฉียวซือมู่ไม่แม้แต่จะเคาะประตู เดินเข้าไปโดยไม่บอกกล่าวใครทั้งนั้น และพบว่าจิ้นหยวนเองก็กลับมาแล้ว และกำลังนั่งพิมพ์งานกับคอมพิวเตอร์อยู่หลังโต๊ะใบใหญ่  

 

 

เขาขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ดูท่าแล้วคงกำลังเจออะไรยากๆเข้า แม้แต่เฉียวซือมู่เดินเข้ามาในห้องเขาก็ยังไม่ได้ยินเลย 

 

 

จนกระทั่งจู่ๆก็มีก้อนเค้กสีเหลืองทองที่ส่งกลิ่นหอมมาอยู่ตรงหน้า 

 

 

เขายิ้มออกมาเล็กๆ มือที่กำลังกดแป้นพิมพ์ยังไม่หยุดลง จึงยืมมือเธอในการทานเค้กชิ้นใหญ่แทน 

 

 

เฉียวซือมู่เลิกคิ้ว แล้วก็ทำการป้อนเค้กเขาไปเรื่อยๆ 

 

 

“อร่อยไหมคะ?” เธอปัดๆเศษแป้งเค้กที่ติดอยู่บนมือออกแล้วถาม 

 

 

เขาช้อนตาแล้วยิ้มให้ “อร่อยที่สุดในโลกเลยครับ” 

 

 

เธอเห็นท่าทางของเขาแล้วก็ส่ายหน้า จากนั้นก็วางกาแฟลงตรงหน้าเขา “คุณนี่น้า ฉันรู้ว่าการทำงานมันเป็นงานอดิเรกของคุณ แต่ก็ไม่ควรที่จะเครียดเกินไปสิคะ ต้องดูแลสุขภาพด้วยสิ” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 515 เรื่องในอดีตไม่ต้องพูดถึง 

 

 

“สบายใจเถอะครับ ก็แค่ช่วงนี้เท่านั้นเอง เดี๋ยวรอผมเคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว ผมจะพาคุณไปเที่ยวพักผ่อน” เขาดื่มกาแฟเข้าไปหนึ่งอึกแล้วพูด 

 

 

“เหอะ ใครจะไปเชื่อคุณกัน เที่ยวพักผ่อนสามคำนี้คุณพูดมันมากี่ครั้งแล้ว มีครั้งไหนบ้างที่คุณทำมันสำเร็จ?” เฉียวซือมู่รู้สึกไม่พอใจขึ้นมานิดๆ 

 

 

พอพูดถึงคำว่าเที่ยวพักร้อนคำนี้ มันก็ทำให้เธอนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีก 

 

 

แววตาจิ้นหยวนหม่นลง รู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองเหมือนจะพูดอะไรผิดไปอีกแล้ว 

 

 

แต่ก่อนนี้เขาอาจจะเอาคำว่าเที่ยวพักผ่อนไปหลอกเธอจริงๆ ทำให้จนถึงตอนนี้เธอก็ยังเข็ดขยาดกับคำๆนี้อยู่ 

 

 

เขามันรู้สึกละอายใจขึ้นมา ลอบมองเธอเล็กน้อยก่อนจะยืดหลังตรงขึ้น “เอาเถอะครับ เรื่องในอดีตผมผิดเอง คุณจะลงโทษผมยังไงก็เชิญเลยครับ” 

 

 

พอเธอเห็นว่าเขาดูจริงจังขึ้นมา จึงกดเสียงพูดออกไป “คุณจำได้ก็ดีแล้ว อย่างนั้นวันหลังถ้าฉันทำอะไรผิด คุณก็เอาเรื่องนี้มันหักลบให้แล้วกันนะ” 

 

 

“แบบนั้นไม่ได้ ให้มันเป็นเรื่องๆไป เอามาเหมารวมไม่ได้ครับ” จิ้นหยวนยิ้มให้เธอ แต่คำพูดนั่นทำเอาเธอตะลึงไปในทันที จากนั้นก็บ่นออกมา “ไอ้คนขี้งก” 

 

 

พูดจบก็เดินออกไป “คนขี้งก ฉันไปพักผ่อนดีกว่า อีกอย่างคุณเองก็ดูผ่อนคลายขึ้นแล้ว คงไม่ต้องให้ฉันช่วยอะไรแล้วล่ะค่ะ” 

 

 

เธอคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี เธอเดินไปเปิดประตูห้องพักออก แล้วเข้าไปพักผ่อนทันที 

 

 

จิ้นหยวนส่ายหัว แล้วก้มหน้ามองจอคอมพ์อีกครั้ง แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าแววตาของตัวเองมันกำลังมีรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นมากแค่ไหน ทำเอาบรรยากาศรอบๆตัวของเขาดูอ่อนโยนขึ้นมาทันที ไม่ได้ดูเย็นชาเหมือนอย่างเคย  

 

 

ตอนที่วังชิงเข้ามาสิ่งที่ได้เห็นก็คือภาพนั้น เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง และยื่นเอกสารการประมูลให้กับเขา “ท่านประธาน นี่คือเอกสารที่ท่านต้องการครับ” 

 

 

จิ้นหยวนรับมันไปแล้ววางไว้ข้างๆโดยที่ไม่ได้ดูเลยแม้แต่น้อย “ขอบใจ ฉันรู้แล้ว” 

 

 

พูดออกมาโดยที่ไม่ได้มองเขาเลยสักนิด 

 

 

ในระหว่างที่วังชิงกำลังเดินออกจากห้องนั้นก็ยังแอบกวาดสายตาเร็วๆมองไปทั่วห้อง กลับไม่พบแม้แต่เงาของหญิงสาวคนนั้นเลย สุดท้ายก็เหลือบไปเห็นว่าประตูห้องพักมันถูกปิดสนิท 

 

 

เขารีบเก็บสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว เปิดประตูแล้วออกไปทันที  

 

 

จริงๆแล้วเฉียวซือมู่แค่ไม่อยากจะหงุดหงิดใส่จิ้นหยวนก็เลยบอกไปว่าจะเข้ามานอน แต่จริงๆแล้วเธอก็แค่เข้ามาเล่นคอมพ์เท่านั้นแหละ แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอเล่นไปเล่นมา จู่ๆก็เกิดความง่วงขึ้นมาเสียอย่างนั้น พอล้มศีรษะลงก็ผล็อยหลับไปทันที 

 

 

ตอนที่จิ้นหยวนเข้ามาก็เจอเข้ากับภาพนี้ บนหน้าจอคอมพ์ยังคงแสดงภาพชายหนุ่มกับหญิงสาวหน้าตาดีกำลังหยอกล้อกันอยู่ แต่ผู้หญิงของเขากลับกำลังหลับอย่างสงบ ผิวขาวราวกับหยก ลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ มันทำให้จิตใจของเขารู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก 

 

 

 เขาค่อยๆหยิบไอแพดออกมา แล้วปิดมันลง จากนั้นก็ค่อยๆนั่งลงข้างๆตัวเธอ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปแตะลงบนริมฝีปากของเธอ จากนั้นก็ค่อยเลื่อนลงไป วางลงบนหน้าท้องของเธอ ก่อนจะคิดเล่นๆว่าตอนนี้เด็กที่อยู่ในท้องของเธอเป็นยังไงแล้วนะ ตอนนี้เพิ่งจะสองเดือนกว่าเท่านั้น ได้ยินว่าเด็กกำลังตัวเท่าหัวแม่โป้งเท่านั้นเอง ดวงตาก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ  

 

 

สิ่งมีชีวิตนี่ช่างมหัศจรรย์จริงๆ 

 

 

อาจเป็นเพราะมือของเขาที่ทำให้เธอรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรก่อกวน เธอขยับตัวเล็กน้อย แต่ก็สลัดสิ่งนั้นออกจากตัวไม่ได้เลย โดยเฉพาะแรงกดบริเวณหน้าท้อง สุดท้ายสติสัมปชัญญะก็ตื่นขึ้นมา และพบเข้ากับใบหน้าได้สัดส่วนที่แสนหล่อเหลา 

 

 

เธอตกตะลึงไปอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะดึงสติกลับมาได้ จึงยกมือขึ้นขยี้ตา แววตายังคงมีความงัวเงียอยู่ “จิ้นหยวน?” เธอพูดพลางค่อยๆลุกขึ้นนั่ง “คุณทำงานเสร็จแล้วเหรอ? ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ?”