บทที่ 474 เซียนกระบี่หลังม่านเมฆ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 474 เซียนกระบี่หลังม่านเมฆ

 

 

สายฝนเริ่มซาลงแล้ว

 

 

แต่สายลมกลับรุนแรงมากขึ้น

 

 

ผืนน้ำทะเลพริ้วไหวเป็นระลอกคลื่นรูปทรงแปลกประหลาด

 

 

มวลอากาศปั่นป่วน

 

 

คล้ายกับว่าในขณะนี้กำลังมีมังกรทะเลต่อสู้กันอยู่ใต้วังบาดาล

 

 

ยี่สิบลี้จากชายฝั่ง

 

 

พื้นที่โดยรอบเรือลำใหญ่ซึ่งจูปี้ฉียืนอยู่บนดาดฟ้าเรือนั้น มีเรืออีกหลายสิบลำในขนาดต่างๆ กัน หยุดทอดสมอลอยลำไม่ห่างออกไป และกลุ่มคนผู้เป็นยอดฝีมือชื่อดังที่อยู่บนลำเรือเหล่านั้น ต่างก็กำลังรอคอยให้การประลองเริ่มขึ้นด้วยความตื่นเต้น

 

 

ทันใดนั้น เรือสีขาวลำหนึ่งปรากฏขึ้นบนผืนน้ำในคลองสายตาของทุกคนด้วยความเร็วปานกลาง

 

 

เรือลำนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก เพียงพอให้บรรทุกผู้คนได้ไม่เกินสอง แต่ยามมันเคลื่อนที่มาด้านหน้า ผืนน้ำที่กำลังปั่นป่วนพลันเงียบสงบ สายลมสายฝนกระจายตัวออกห่าง ราวกับว่าอุปสรรคทุกอย่างที่ขวางหน้า ต้องหลีกลี้หนีห่างให้แก่เรือน้อยลำนี้ทั้งสิ้น

 

 

ผู้ที่ยืนอยู่บนหัวเรือเป็นนักบวชสาวในชุดสีขาวสะอาดตา

 

 

ชายกระโปรงยาวลากพื้น นักบวชสาวผู้นี้มีผิวขาวราวหิมะ เรือนผมดำขลับถูกรัดเอาไว้ด้วยสายรัดทองคํา เข็มขัดทองคำคาดอยู่รอบเอวอย่างหลวมๆ เผยให้เห็นถึงช่วงเอวอันคอดกิ่วและชุดเสื้อคลุมที่ใหญ่เกินตัวเล็กน้อย กล่าวโดยรวมก็คือ นักบวชสาวผู้นี้มีเรือนร่างทุกสัดส่วนสมบูรณ์แบบราวกับรูปปั้นแกะสลัก

 

 

นางยืนอยู่บนหัวเรือ แววตาลึกล้ำตึงเครียด แต่สีหน้าสงบสุขุม ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด เสมือนว่าเรื่องราวในโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับนาง

 

 

ทางด้านหลังของนักบวชสาว เยื้องไปทางขวามือ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

 

 

เขามีอายุประมาณ 15 – 16 ปี รูปร่างสูง ช่วงไหล่กว้าง แต่ช่วงเอวกลับบอบบางยิ่งกว่าสตรี ใบหน้าหล่อเหลาราวกับหยกแกะสลัก ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ เสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นชุดเครื่องแบบลูกศิษย์ของสถานศึกษากระบี่สีน้ำเงินเข้ม ดูโดยรวมๆ แล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ต่างไปจากคุณชายตระกูลสูงส่งที่อยากจะมาร่วมรับชมงานรื่นเริงธรรมดาคนหนึ่ง

 

 

เสียแต่ว่าไม่มีคุณชายท่านไหนจะมีความหล่อเหลาเทียบกับเขาได้เลย

 

 

เมื่อทุกคนเห็นการปรากฏตัวของเรือน้อยสีขาวลำนี้ ต่างก็ได้แต่อุทานว่าสวรรค์ช่างเอ็นดูหญิงสาวและเด็กหนุ่มคู่นี้เหลือเกิน

 

 

ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่ฝึกตนบำเพ็ญตบะระดับสูง มีจิตใจสงบแน่นิ่ง ก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อเห็นโฉมหน้าของนักบวชสาวและเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายถนัดตา

 

 

“นับดูในโลกใบนี้ จะมีผู้ใดงดงามและหล่อเหลามากไปกว่าคนคู่นี้อีกหรือ?”

 

 

นักบวชสาวและเด็กหนุ่มที่อยู่บนเรือน้อยสีขาว ย่อมเป็นนักพรตหญิงชินกับหลินเป่ยเฉิน

 

 

เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของอาจารย์ ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็สามารถเปลี่ยนใจนักพรตหญิงชินได้สำเร็จ พวกเขาจึงขึ้นเรือน้อยมาด้วยกัน เพื่อมาให้กำลังใจติงซานฉือ

 

 

จูปี้ฉีสังเกตเห็นการมาถึงของบุคคลทั้งสองตั้งนานแล้ว

 

 

การปรากฏตัวของนักพรตหญิงชินและหลินเป่ยเฉิน ย่อมหมายความว่าพวกเขามาเพื่อคอยช่วยเหลือติงซานฉือ

 

 

“ดูเหมือนวันนี้เราคงได้ฆ่ามากกว่าหนึ่งคนแล้วสิ”

 

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปากของชายชรา

 

 

บนเรือน้อยสีขาว

 

 

“ดูการประลองได้เพียงอย่างเดียว ห้ามยื่นมือเข้าแทรกแซงเด็ดขาด”

 

 

นักพรตหญิงชินพูดกำชับด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

 

 

หลินเป่ยเฉินผงกศีรษะซ้ำไปซ้ำมาเหมือนลูกไก่ตัวน้อย “รับทราบแล้วขอรับ ท่านนักพรตหญิงชิน ได้โปรดวางใจ วันนี้ข้าน้อยไม่ก่อเรื่องแน่นอน…”

 

 

พูดจบ เด็กหนุ่มก็กวาดสายตามองรอบตัว แล้วเขาก็เห็นว่าบนเรือลำใหญ่ที่จอดลอยลำอยู่ไม่ไกลนั้น มีแสงสะท้อนจากกระจกถ่ายทอดสดเป็นประกายแวววาวชวนให้แสบตา นั่นหมายความว่าการประลองระหว่างติงซานฉือกับจูปี้ฉีในครั้งนี้ มีการถ่ายทอดสดไปทั่วจักรวรรดิเป่ยไห่จริงๆ ด้วย…

 

 

บรรยากาศตึงเครียดผ่านพ้นไป

 

 

เวลาผ่านไปชั่วชงน้ำชาหนึ่งถ้วย

 

 

กำลังจะถึงกำหนดเริ่มการประลองในอีกไม่ช้า

 

 

ติงซานฉือยังไม่ปรากฏตัว

 

 

บนเรือที่จอดลอยลำอยู่โดยรอบ ผู้คนต่างแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา

 

 

“ทำไมถึงยังไม่มาอีกนะ?”

 

 

“หรือว่าเขาจะกลัว?”

 

 

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ทำไมเขาถึงได้มาช้าเช่นนี้?”

 

 

เริ่มเกิดเสียงพูดคุยดังขึ้นบนเรือหลายลำนั้น

 

 

บนเรือลำใหญ่ที่จอดลอยลำอยู่กลางทะเล จูปี้ฉีดีดตัวขึ้นกลางอากาศ พุ่งตัวไปข้างหน้าเป็นระยะทางหลายสิบวา ก่อนที่ตัวคนจะตกลงสู่ผิวน้ำทะเล แต่ชายชรากลับสามารถยืนอยู่บนผิวน้ำได้อย่างมั่นคง มิหนำซ้ำ ผิวน้ำที่อยู่ใต้เท้าของเขาพลันยกตัวขึ้นมากลายเป็นเสาน้ำทะเลขนาดใหญ่ต้นหนึ่ง

 

 

“ติงเล่ย กำลังจะถึงเวลาประลองแล้ว รีบโผล่หัวออกมาซะดีๆ”

 

 

จูปี้ฉีระเบิดเสียงคำราม

 

 

ไม่ต่างไปจากเสียงฟ้าผ่า

 

 

คลื่นเสียงของเขาทำให้มวลอากาศปั่นป่วน ม่านฝนกระจัดกระจายกลายเป็นละอองน้ำ คลื่นเสียงของจูปี้ฉีเดินทางผ่านอากาศพุ่งตรงไปยังทิศทางของท่าเรือ ผิวน้ำแตกกระจายเป็นทางตามหลังเหมือนกำลังมีมังกรตัวใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำอย่างไรอย่างนั้น

 

 

“นับเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่ง”

 

 

“สมแล้วที่เป็นถึงหัวหน้าองครักษ์ของคุณชายเว่ยหมิงเฉิน”

 

 

เหล่าผู้ชมที่ยืนอยู่บนเรือจำนวนมาก ต่างก็มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง

 

 

เพียงได้ยินเสียงคำราม พวกเขาก็รู้แล้วว่าจูปี้ฉีมีความแข็งแกร่งขนาดไหน

 

 

หากกระบี่สุราโลหิตลงมือโจมตีผู้คน ไยไม่ใช่การเดินทางสู่ความตายของคู่ต่อสู้หรอกหรือ?

 

 

“ทำไมอาจารย์ยังไม่มาอีกนะ?”

 

 

ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินก็เริ่มมีสีหน้าร้อนรนขึ้นมาแล้วเช่นกัน

 

 

อาจารย์ของเขาคงไม่ได้คิดหนีไปหน้าด้านๆ หรอกใช่ไหม?

 

 

ในจังหวะนั้นเอง

 

 

วูบ!

 

 

พลังลมปราณกระบี่สีขาวพุ่งสวนกลับมาจากทิศทางฝั่งท่าเรือ

 

 

“ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยาม เจ้าจะรีบตายไปไย?”

 

 

เสียงคำรามของติงซานฉือตอบกลับมาในระดับความดังเท่าเทียมกัน

 

 

พลังลมปราณกระบี่ที่เดินทางออกมาจากฝั่งท่าเรือ สลายคลื่นเสียงของจูปี้ฉีที่ทำให้ผืนน้ำแตกเป็นสายตามรายทางได้หมดสิ้น แต่ความน่ากลัวก็คืออานุภาพของพลังลมปราณกระบี่ไม่ได้ลดทอนลงเลย มันแผ่ขยายแรงกดดันไปรอบบริเวณ และพลังในสัดส่วนที่รุนแรงที่สุดนั้น ก็ยังคงพุ่งตรงเข้ามาหาจูปี้ฉีไม่หยุดยั้ง

 

 

ดวงตาของจูปี้ฉีเบิกโตด้วยความประหลาดใจ

 

 

เขาเอื้อมมือไปชักกระบี่ออกมา

 

 

กระบี่คู่กายถูกชักออกจากฝักแล้ว

 

 

ครืน!

 

 

กระบี่ถูกยกขึ้นตวัดฟาดฟัน ทำลายพลังลมปราณกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหาตนเอง

 

 

การปะทะกันของพลังจากทั้งสองฝ่าย ทำให้ผืนน้ำทะเลแตกกระจายเป็นวงกว้าง สาดซัดใส่เสาน้ำที่รองรับน้ำหนักตัวของจูปี้ฉีอยู่กลางอากาศเข้าอย่างจัง

 

 

บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยม่านหมอกละอองน้ำ

 

 

รอคอยจนคลื่นลมเริ่มสงบตัวลง

 

 

ห่างออกไปจากเสาน้ำของจูปี้ฉีประมาณสิบวา ได้ปรากฏเสาน้ำอีกต้นหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากท้องทะเลราวกับเป็นน้ำพุแรงดันสูง และติงซานฉือกำลังยืนถือกระบี่คุณธรรมอยู่บนนั้น แม้ร่างกายของชายชราจะผอมแห้ง แต่เขากลับดูมีสง่าราศีของความเป็นเซียนกระบี่อยู่เปี่ยมล้น!

 

 

ถึงจะมีมือกระบี่ยอดฝีมือรับชมการประลองอยู่มากมาย แต่กลับไม่มีผู้ใดรู้เลยว่า ติงซานฉือมาปรากฏตัวได้อย่างไร

 

 

ดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางมาพร้อมกับพลังลมปราณกระบี่สายนั้น

 

 

“นี่สินะความมีสง่าราศีของเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุน ช่างคู่ควรกับการรอคอยเหลือเกิน” จูปี้ฉีมีดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความฉุนโกรธ พลังลมปราณสีม่วงเข้มแผ่ออกมารอบร่างกาย ต่อให้ยืนดูอยู่ห่างไกล ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการทำลายล้างอย่างชัดเจน

 

 

“ท่านมีคุณสมบัติดีพอที่จะจบชีวิตลงใต้คมกระบี่สายฟ้าของข้าแล้ว” หนวดเคราของจูปี้ฉีปลิวไสวตามแรงลมเมื่อเขายื่นมือข้างหนึ่งขึ้นไปหมุนวนในอากาศ

 

 

แล้วในทันใดนั้น กระบี่สีม่วงเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาท่ามกลางแสงสว่างวูบวาบ

 

 

ตัวกระบี่มีสีม่วง คมกระบี่ก็มีสีม่วง กระบี่เล่มนี้ทำขึ้นมาจากวัสดุเสมือนหินสีม่วงชนิดหนึ่ง นอกจากมีความคมแล้ว มันยังมีความหนาและมีน้ำหนักไม่ใช่น้อย

 

 

นี่คือ ‘กระบี่สายฟ้าพิโรธ’ ชื่อดังแห่งเมืองเฉียนหาว

 

 

จูปี้ฉีได้รับกระบี่เล่มนี้เป็นของขวัญมาจากบุคคลผู้หนึ่ง

 

 

“ผู้คนทุ่มเถียงกันไปก็เปล่าประโยชน์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบี่พวกเราดีกว่า”

 

 

ติงซานฉือยิ้มแย้มด้วยความสบายใจ บรรยากาศรอบกายปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง ชายชรายื่นมือข้างหนึ่งขึ้นไปในอากาศ แล้วพลังลมปราณสีขาวก็ลอยตัวรวมกันเหมือนก้อนเมฆกลุ่มหนึ่ง

 

 

พลังลมปราณที่มีลักษณะคล้ายก้อนเมฆกลุ่มนั้น ค่อยๆ เปลี่ยนรูปทรงกลายเป็นชุดเกราะที่สวมทับลงมารอบลำตัวของติงซานฉือ ดังนั้น ชายชราในขณะนี้จึงไม่ต่างไปจากเทพเจ้าที่ยืนอยู่ในวงล้อมของกลุ่มก้อนเมฆบนสรวงสวรรค์ กระบี่คุณธรรมในมือของเขาระเบิดลำแสงเป็นประกายเจิดจ้า

 

 

เมื่อติงซานฉือยกกระบี่ขึ้นมา มวลอากาศโดยรอบก็ยิ่งเกิดความปั่นป่วนมากกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่อดีตเซียนกระบี่แห่งเมืองไป๋หยุนยกอาวุธคู่กายขึ้นมาอยู่ในระดับศีรษะ ลำแสงของมันก็แผ่รัศมีสว่างไสวแสบตา ไม่ต่างไปจากดวงดาวบนท้องฟ้ายามราตรี!

 

 

ตัวคนอยู่ในกำแพงก้อนเมฆ

 

 

ตัวคนอยู่เบื้องหลังกระบี่

 

 

ตัวคนมีสง่าราศีไม่ต่างไปจากเทพเจ้าที่ลงมาจากสวรรค์

 

 

ยอดฝีมือที่รับชมอยู่บนเรือโดยรอบ ต่างก็ตกอยู่ในอาการตัวสั่นเทาโดยไม่รู้ตัว

 

 

บางคนเคยได้ยินชื่อเสียงของติงซานฉือมานานแล้ว ในขณะที่บางคนก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน

 

 

แต่บัดนี้ ผู้ชมทุกคนล้วนได้รู้แล้วว่าการประลองของยอดมือกระบี่ทั้งสองท่านนี้ มีความน่าตื่นเต้นมากกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้หลายเท่า

 

 

เกรงว่ากระบี่สุราโลหิต ผู้เป็นหัวหน้าองครักษ์ของเว่ยหมิงเฉิน กำลังจะได้พบเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่ใช่งานง่ายของเขาเสียแล้ว!!!