ตอนที่ 351 ลืมตาอ้าปาก + ตอนที่ 352 หมุนร้อยแปดสิบองศา

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 351 ลืมตาอ้าปาก + ตอนที่ 352 หมุนร้อยแปดสิบองศา โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 351 ลืมตาอ้าปาก

หลังจากที่เรียนกายบริหารเสร็จ ครูอู๋ คุณครูประจำชั้นเดินเข้าห้องเรียนมาด้วยหน้าตาระรื่น ในมือยังมีเกียรติบัตรสีแดงระเรื่ออยู่ เขามองไปยังอู่เหมยด้วยสายตาเอ็นดู อู่เหมยเองรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะลอยขึ้นอีกครั้ง

ครูอู๋ได้นำเอาเกียรติบัตรสีแดงสดมอบให้กับอู่เหมยต่อหน้าของนักเรียนทั้งห้อง และยังพูดชื่นชมเธออยู่หลายประโยค ที่สำคัญคืออู่เหมยสามารถพัฒนาความชอบของตัวเองได้ และในเวลาเดียวกันด้านการเรียนของเธอยังพัฒนาขึ้นมาก เป็นกำลังและจิตใจที่ทุกคนสามารถเรียนรู้

อู่เหมยก้มหน้าลงอย่างอับอายจนเหงื่อตก เธอคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคำพูดของครูอู๋ อีกทั้งเธอเองก็ไม่ใช่เด็กจริงๆ ที่มีอายุแค่สิบสองปี เพราะต่อให้สมองจะทื่อหรือจะโง่แค่ไหนเธอก็เป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะคนหนึ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเด็กๆ มันช่างน่าอายนัก!

แต่เธอเองก็ชื่นชอบกับความรู้สึกแบบนี้ เวลาครูยกเธอให้เป็นนักเรียนแบบอย่างของห้อง ไหนจะถูกผู้อำนวยการชื่นชมผ่านทางวิทยุกระจายเสียงของโรงเรียนอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าจะได้มีเกียรติอันสูงส่งแบบนี้ แต่ในตอนนี้เธอทำได้แล้ว อีกอย่างมันก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยากขนาดนั้น!

ช่วงเวลาเลิกเรียน อู่เหมยได้เจอกับจี้เหวินฮุ่ยหน้าประตูห้องเรียน แน่นอนว่าไม่มีทางได้เห็นสีหน้าดีๆ จากเด็กสาวคนนี้ ความรู้สึกของจี้เหวินฮุ่ยก็ไม่ต่างจากอู่เยวี่ยเลย พวกเธอไม่ได้หวังอยากให้อู่เหมยได้ดีสักนิด ถ้าจะให้ดีทั้งชีวิตนี้ให้อู่เหมยทั้งโง่เขลาทั้งอัปลักษณ์และซื่อบื้อแบบนั้นจะดีกว่า!

แต่อู่เหมยในตอนนี้ไม่โง่และไม่ได้อัปลักษณ์แล้ว อีกทั้งเธอยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หากพวกเธอจะดีใจก็คงเป็นเรื่องแปลก!

“หมาดีๆ ไม่ขวางทางหรอกนะ หลบไป!”

อู่เหมยกระแทกไหล่จนทำให้จี้เหวินฮุ่ยกระเด็นไปด้านข้าง เธอไม่แม้แต่จะหันกลับมาสนใจ และมุ่งหน้าเดินออกไป

เธออยากกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุด เพื่อนำเอาข่าวดีนี้ไปบอกกับอู่เจิ้งซือ เพราะต่อไปนี้เธอจะได้เรียนวาดรูปอย่างสบายใจโดยไม่ต้องปิดบังอีก!

จี้เหวินฮุ่ยหน้านิ่งขึ้น เพราะจากตอนแรกตั้งใจจะขวางทางอู่เหมยไว้ ทางอู่เชากลับหัวเราะฮ่าๆ และเดินเข้ามาหา “เธอยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ? ระวังจะถูกอาเขยด่าอีกนะ!”

ตั้งแต่ที่จี้เหวินฮุ่ยเอาเรื่องของเขาไปบอกที่บ้าน จนเฮ่อเหวินจิ้งเกือบจะถูกตราหน้า ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้จี้เจี้ยนโปเริ่มนิ่งๆ และไม่ค่อยสนใจต่อลูกสาวคนนี้ หากไม่เป็นเพราะจี้เหวินฮุ่ย เขาและเฮ่อเหวินจิ้งคงจะหวานชื่นกันเหมือนแต่ก่อน แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องตัดใจยอมทิ้งสิ่งที่เขารักออกไป ทุกๆ วันทำได้แค่เผชิญหน้ากับแม่เสืออย่างอู่เจิ้งหง  อย่าได้ถามถึงความรู้สึกเลยว่ามันย่ำแย่สักเพียงไหน

และทั้งหมดก็เกิดจากจี้เหวินฮุ่ย แม้ว่าจี้เจี้ยนโปจะรักลูกสาวของเขา แต่ในใจของเขาก็มีเสี้ยนหนามอยู่ ทำให้เขาไม่ได้รักใคร่หรือห่วงใยต่อลูกสาวคนนี้เหมือนเคย จนบางครั้งถึงกับต่อว่าเธอ

เมื่อวานจี้เหวินฮุ่ยเพิ่งจะถูกจี้เจี้ยนโปด่ามา ทำให้ในใจเธอเกิดความรู้สึกกลัวและไม่กล้าต่อปากต่อคำอีก ทำได้แค่สะพายกระเป๋าไว้แล้วกลับบ้าน หากว่าเธอกลับบ้านช้า ไม่แน่ว่าพ่ออาจจะด่าเธอได้ พ่อไม่ได้ชอบเธอเหมือนแต่ก่อนแล้ว จึงทำให้จี้เหวินฮุ่ยเสียใจเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั่นเธอไม่กล้าแม้แต่จะทำให้จี้เจี้ยนโปโกรธ

ทั้งวันนี้อู่เจิ้งซือทำงานได้อย่างมีความสุขเป็นพิเศษ เดินไปไหนมาไหนราวกับมีลมคอยพัด เหมือนความรู้สึกในวันวานได้กลับมาแล้ว อีกอย่างข่าวที่อู่เหมยได้รับรางวัลก็กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็อิจฉาริษยาอู่เจิ้งซือ

ลูกสาวคนโตได้โค่นล้มไป แต่ยังเหลือลูกสาวคนเล็ก!

อู่เจิ้งซือทำบุญด้วยอะไรทำไมถึงได้โชคดีขนาดนี้ ลูกสาวดีๆ ถึงได้ไปอยู่บ้านของเขาทั้งหมด ทำไมไม่แบ่งมาที่บ้านคนอื่นๆ บ้างนะ?

เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น อู่เจิ้งซือถือแผนการสอนเอาไว้แล้วเดินกลับบ้านตัวเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส ระหว่างทางเอาแต่ทักทายกับคนรอบข้าง ประโยคคำพูดของทุกคนไม่ต่างกันเลย ต่างก็พูดว่า

“ครูอู่ ยินดีด้วยนะ!”

“ครูอู่ คุณมีของดีแล้วแอบซ่อนไว้นี่หน่า!”

อู่เจิ้งซือไม่ได้ยินคำพูดยกยอปอปั้นแบบนี้มานานมากแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาปรากฏชัดขึ้น และทำให้เขาเองดูจะอ่อนโยนและน่ารักขึ้น ถึงขั้นว่าเขาหยุดคุยกับคนรอบข้างนานสองนาน และเอาแต่พูดถึงเรื่องราวทั่วไปภายในบ้าน ทั้งที่ตึกชั้นสามเขาใช้เวลาเดินไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่เขาก็กลับมาถึงบ้านพร้อมๆ กับอู่เหมย

…………………………………………………………………………………………..

ตอนที่ 352 หมุนร้อยแปดสิบองศา

“เหมยเหมยกลับมาแล้วเหรอ!”

อู่เจิ้งซือมองลูกสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดู สายตาอ่อนโยนราวกับสายน้ำ เหอปี้อวิ๋นที่ยืนอยู่ตรงระเบียงมองดูสถานการณ์อย่างเริ่มรู้สึกโมโห ตอนนี้สามีของเธอถูกยัยเด็กบ้านี่ดึงดูดความสนใจไปหมด ไม่รู้เลยว่าเธอและอู่เยวี่ยถูกผลักให้เข้าไปอยู่ในมุมหรือปมใดของปัญหาแล้ว!

“พ่อคะ หนูมีเรื่องจะบอกพ่อค่ะ” อู่เหมยพูด

อู่เจิ้งซือยิ้มตาหยีและพยักหน้าตอบ “พ่อรู้อยู่แล้วล่ะ ผู้อำนวยการของโรงเรียนลูกโทรมาหาพ่อตั้งแต่เช้าแล้ว เหมยเหมยทำได้ดีมาก ลูกทำให้พ่อได้เชิดหน้าชูตา”

อู่เหมยเพิ่งเข้าใจได้ว่าเหตุใดอู่เจิ้งซือถึงได้มีลักษณะรักใคร่เอ็นดูเธอ ที่แท้เขาก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพูด

“พ่อคะ นี่คือเกียรติบัตรรางวัลที่หนูได้ค่ะ”

อู่เหมยหยิบเอาเกียรติบัตรสีแดงสดออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับยื่นมันให้อู่เจิ้งซือ

อู่เจิ้งซือใช้มือลูบวนที่เกียรติบัตรอย่างพึงพอใจและมีความสุข แม้จะมีใบเกียรติคุณของนักเรียนดีเด่นอยู่ในบ้านมีอยู่ไม่น้อย แต่นับว่านี่เป็นเกียรติบัตรเล่มแรกเลย!

หากพูดถึงสิ่งที่มีค่าที่แท้จริง แน่นอนว่าต้องเป็นเกียรติบัตรระดับเมือง ซึ่งมีค่ากว่ามาก อู่เจิ้งซือชื่นชมอยู่นานหลายนาทีจนพอใจ ถึงได้พูดกับอู่เหมยว่า “พรุ่งนี้พ่อจะออกไปหากรอบรูปกระจก เพื่อเอามาใส่เกียรติบัตรของอู่เหมยโดยเฉพาะ และจะเอาวางไว้ภายในห้องรับแขกของบ้านเรา ทุกคนจะได้เห็น”

เหอปี้อวิ๋นเองก็ได้เห็นเกียรติบัตรฉบับนี้แล้ว เธอเองฟังด้วยความงุนงง รู้แค่ว่ายัยเด็กบ้าอู่เหมยได้รับรางวัลอะไรสักอย่าง เธอเองไม่เพียงแค่รู้สึกแปลกใจ แต่ยังคิดว่ายัยเด็กโง่นี่จะรับรางวัลอะไรได้?

“คุณอู่ มีเรื่องอะไรให้ดีใจเหรอคะ?” เหอปี้อวิ๋นยิ้มและถามขึ้น

อู่เจิ้งซือที่ในใจมีแต่ความรู้สึกดีใจ จึงหันไปส่งยิ้มให้เหอปี้อวิ๋นอย่างมีเมตตา และเขาได้ยกเกียรติบัตรในมือขึ้นและพูด “อู่เหมยได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับสองจากการแข่งขันวาดรูปรุ่นเยาวชนประจำเมืองจิน นี่เป็นเกียรติบัตรรางวัลที่ลูกได้มา”

พอเหอปี้อวิ๋นได้ฟังว่าเป็นการแข่งขันก็ไม่ได้สนใจอะไร วาดรูปบ้าบออะไรกัน เรียนให้เก่งสิถึงจะเป็นเรื่องที่ดีอย่างแท้จริง แล้วนี่มีอะไรที่ควรค่าแก่การดีใจนักหรือ?

“คุณอู่ แต่ก่อนคุณบอกว่าการวาดรูปเป็นแค่ของประดับกายไม่ใช่เหรอคะ?” เหอปี้อวิ๋นพูดเตือนสติ

รอยยิ้มของอู่เจิ้งซือค่อยๆ หายไป สีหน้าเริ่มควบคุมไม่อยู่ แน่นอนว่าเมื่อก่อนเขาเคยพูดคำพูดพวกนี้ออกมา แต่ในเวลาแบบนั้น เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าอู่เหมยจะทำได้ดีและมีฝีมือขนาดนี้ เพียงแค่คิดว่าเธอวาดเล่นไปวันๆ

วาดรูปเล่นกับวาดรูปจนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับเมือง ทั้งสองอย่างนี้เป็นความคิดที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง!

“เธอจะเข้าใจอะไร? ทุกสายงานทุกสายอาชีพ ล้วนแล้วแต่มีข้อดีของมันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหน หากเธอพยายามฝึกฝนและเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง ก็จะทำให้ประสบผลสำเร็จได้เหมือนกัน ผมดูแล้วอู่เหมยไม่เพียงแต่จะมีพรสวรรค์ในด้านวาดรูป แต่ยังมีความพยายามอย่างสูงด้วย อีกหน่อยคงจะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก”

ลักษณะท่าทางของอู่เจิ้งซือหมุนเปลี่ยนแบบ 180 องศา เขาไม่เพียงแต่ไม่คัดค้านที่จะให้อู่เหมยเรียนวาดรูป แต่ยังให้การสนับสนุนเธออย่างเต็มที่

“เอ่อใช่ เหมยเหมยลูกไปเรียนวาดรูปตั้งแต่เมื่อไหร่?” อู่เจิ้งซือแปลกใจมาก

วันนี้ทั้งวันเขาเอาแต่คิดถึงปัญหานี้ เขาไม่เคยเห็นอู่เหมยเรียนวาดรูปมาก่อน ทำไมถึงได้รางวัลมารวดเร็วแบบนี้?

อู่เหมยตอบออกไปเสียงเบา “ก็ตั้งแต่ที่กลับมาจากภูเขาเฟิ่งหวง หนูก็ไปสมัครเรียนที่ห้องเรียนเยาวชนทันที ครูบอกว่าหนูวาดรูปสวย เลยไปลงชื่อสมัครการแข่งขันครั้งนี้แทนหนู”

อู่เจิ้งซือลองคำนวณดูคร่าวๆ ตั้งแต่ที่ไปภูเขาเฟิ่งหวงจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะเป็นเวลาสองเดือนนิดๆ เอง อู่เหมยเรียนในระยะเวลาสั้นๆ แต่กลับได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับสอง พรสวรรค์ที่เธอมีอยู่ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ!

ยิ่งปรากฏเรื่องนี้ขึ้น ก็ยิ่งทำให้อู่เจิ้งซืออารมณ์ดีขึ้น หากว่าบ้านหลังนี้มีลูกสาวที่มีพรสวรรค์ด้านการวาดรูปแบบนี้อยู่ เขาเองก็สามารถเทิดเกียรติคุณให้กับบรรพบุรุษได้แล้ว!

“เหมยเหมยแล้วลูกเอาเงินจากไหนไปจ่ายค่าเรียน?” อู่เจิ้งซือสงสัยเป็นอย่างมาก อู่เหมยไม่เคยขอเงินจากเขามาก่อนเลย ยิ่งกับเหอปี้อวิ๋นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะแม้แต่หยวนเดียวคงจะไม่ให้

“หนูเก็บออมเงินค่าขนมของทุกๆ สัปดาห์ไว้ นั่นเพียงพอที่จะจ่ายค่าเรียนและค่ากระดาษวาดรูปแล้วค่ะ” อู่เหมยพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

…………………………………………………………………………………………..