บทที่ 2051+2052

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2051 เอาคืน

“นี่…”

“คดีสัตว์เซียนหายสาบสูญยืดเยื้อมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ในเมื่อพวกเจ้าสงสัยมันจริงๆ ก็ควรตรวจสอบเบาะแสของมันในช่วงสิบวันนั้น เพื่อดูว่าที่อยู่ของมันสอดคล้องกับสถานที่ในคดีสัตว์เซียนหายสาบสูญหรือไม่…หากพวกเจ้าเห็นแก่คดีสัตว์เซียนหายสาบสูญของชาวเซียนทั้งหลายก็ควรจะตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ทันที รวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อคลายความกังวลในใจของจักรพรรดิเซียน แล้วพวกเจ้าเล่า? พวกเจ้าเพียงเห็นมันสังหารสัตว์เซียนสามตัวก็บังคับยัดข้อหาให้มันเป็นแพะรับบาปในข้อหาอื่นๆ หลบซ่อนอยู่ในซอกมุม ทรมานมันอย่างโหดร้าย ยุยงมันให้ใส่ความเจ้านาย การสืบสวนของพวกเจ้าไม่งี่เง่าเกินไปหรือ? หรือว่ามีเจตนาไม่ดีแอบแฝง? หรือเพียงแค่กุเรื่องขึ้นมาเพื่อยัดข้อกล่าวหาผู้สูงศักดิ์อย่างข้า?”

สีหน้าอารักษ์ทั้งสี่แปรเปลี่ยน ต่างมองหน้ากันเหลอหลา

เถี่ยเจิงขมวดคิ้วและตอบโต้

“พวกเราอยู่ที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญต้องทำจริงๆ เนื่องจากเวลากระชั้นชิดจึงไม่อาจส่งมันกลับไปชั้นฟ้าที่เก้าได้ เลยพามันมาด้วยชั่วคราว ไม่ได้ตั้งใจหลบซ่อนที่นี่เพื่อทรมานมัน…”

“เรื่องสำคัญอะไร?”

เถี่ยเจิงเดือดดาล

“เรื่องสำคัญที่สี่อารักษ์อย่างพวกเราจะทำจำเป็นต้องรายงานท่านผู้สูงศักดิ์หรือ?”

กู้ซีจิ่วกล่าวอย่างเย็นชา

“ผู้สูงศักดิ์อย่างข้าไม่คิดที่จะสนใจพวกเจ้า แต่ในเมื่อมันเกี่ยวพันถึงข้าแล้ว ข้าย่อมต้องสืบสวนทำความเข้าใจ ทำไมรึ? ไม่กล้าพูด? หรือว่ากลบเกลื่อนโกหกต่อไปไม่ไหวแล้ว?”

เถี่ยเจิงโกรธเคืองจนทนไม่ไหวแล้ว

“เฮอะ กลบเกลื่อนโกหกอะไรกัน? พวกเราได้ข่าวจะมีสัตว์เซียนชั้นสูงมาจุติภายในสามวัน ด้วยกลัวจะพลาดโอกาสจึงได้รั้งรออยู่ที่นี่ เลยถือโอกาสสอบปากคำหอยยักษ์ตัวนี้!”

“จักรพรรดิเซียนร้อนอกร้อนใจในการสืบสวนคดีสัตว์เซียนหายสาบสูญ แทบอยากจะไขคดีให้ได้ในทันที ส่วนพวกเจ้าจับสิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่า ‘มือสังหารตัวจริง’ ได้แล้วไม่สอบสวนจนถึงที่สุด แต่กลับยังมีกะใจรอจับสัตว์เซียนชั้นสูงอยู่ที่นี่ เมื่อรั้งรอก็ปาเข้าไปสามวัน! หากเจ้าหอยยักษ์ไม่ใช่มือสังหารก็ไม่เกรงกลัวว่ามือสังหารตัวจริงจะถือโอกาสก่อคดีได้อีกเพราะความล่าช้าของพวกเจ้า? ไม่เกรงกลัวว่าจักรพรรดิเซียนจะลงโทษให้พวกเจ้าออกจากตำแหน่ง?!”

พวกเถี่ยเจิงสี่อารักษ์อ้าปากค้าง อีกฝ่ายวาจาเฉียบแหลม พวกเขาสรรหาถ้อยคำมาโต้เถียงไม่ได้ไปชั่วขณะ

กู้ซีจิ่วส่งเสียงยิ้มเยาะ สายตาเย็นชายิ่งกว่าเดิม

“หรือว่า พวกเจ้าก็มีใครบางคนบงการอยู่เบื้องหลัง?”

“พูดจาเหลวไหล! พวกเราฟังรับสั่งจักพรรดิเซียนเท่านั้น มีใครบางคนบงการอยู่เบื้องหลังอะไร? พูดจาไร้สาระ!”

เถี่ยเจิงเงยหน้าตะโกนด้วยความโกรธ

กู้ซีจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แล้วกวาดสายตามองอีกสามคนที่เหลือ เธอเลี่ยงหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่แล้วเอ่ยถามต่อ “หนึ่งในพวกเจ้ามีใครคนหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาพิษกระมัง? หรือว่าดูไม่ออกว่าตอนนั้นมันถูกพิษประหลาดทำให้คลุ้มคลั่งเสียสติ?”

ทั้งสี่คนตะลึงงัน สายตาทั้งสามคนมองไปทางเถี่ยหลิว เนื่องจากในสี่คนมีเพียงเขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาพิษ

เถี่ยหลิวกล่าวด้วยความโกรธเคือง

“เหลวไหลสิ้นดี! อารักษ์อย่างข้าดูไม่ออกเลยว่ามันถูกพิษอะไร”

ผ่านมาสามวันแล้ว พิษประหลาดในตัวเจ้าหอยยักษ์มลายหายไปจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นเถี่ยหลิวก็ไม่กลัวว่ากู้ซีจิ่วจะหาหลักฐานอะไรมายืนยันได้

กู้ซีจิ่วแย้มยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนี้มองอย่างไรก็เย็นชา เธอหันกลับไปมองเถี่ยเจิง

“ผู้สูงศักดิ์อย่างข้าถามเจ้า ตอนที่พวกเจ้าพบเจ้าหอยยักษ์ เปลือกบนตัวของมันเป็นสีแดงเข้มใช่หรือไม่? สายตาของมันเลื่อนลอยไปแล้วกึ่งหนึ่งใช่หรือไม่? มีคราบเลือดประหนึ่งใยแมงมุมปกคลุมหนาแน่น? ฝ่ามือและนิ้วมือของร่างมนุษย์ที่มันแปลงกายยาวถึงหนึ่งชุ่นใช่หรือไม่?”

เถี่ยเจิงชะงักงัน กู้ซีจิ่วพูดราวกับเห็นมันด้วยตาตัวเอง เขาไม่อาจปฏิเสธได้

“ใช่!”

“นี่เป็นอาการที่ถูกพิษผลาญประสาท หากถูกพิษชนิดนี้จะสูญเสียสติสัมปชัญญะส่วนใหญ่ ทำให้รับการกระตุ้นไม่ได้ หากถูกปลุกเร้าจะบ้าคลั่งกระหายเลือด กระทำสิ่งที่แตกต่างไปจากเวลาปกติมาก ถึงแม้ในทวีปแห่งนี้จะมีพิษชนิดนี้ไม่มาก แต่ก็คงไม่พ้นสายตาของผู้เชี่ยวชาญวิชาพิษ พวกเจ้ากลับทำเมินเฉย เพราะอะไรหรือ?”

————————————————————————————-

บทที่ 2052 เอาคืน 2

ด้วยเหตุนี้สามอารักษ์จึงมองไปที่เถี่ยหลิวอีกครั้ง เถี่ยหลิวเอ่ยอย่างเยียบเย็น

“อารักษ์อย่างข้าเคยได้ยินเรื่องพิษผลาญประสาทนี้มาก่อนจริงๆ ทว่าไม่เคยพบเห็นมาก่อน อีกอย่างเดิมทีสติปัญญาของเจ้าหอยยักษ์ก็ไม่มากอยู่แล้ว ใครจะทราบได้ว่าหอยยักษ์ตัวนี้ของเจ้ากลายเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ทำการสังหารหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วหัวเราะหยันคราหนึ่ง

“ในเมื่อเจ้าเป็นยอดฝีมือในด้านศาสตร์พิษ เมื่อเห็นมันคลุ้มคลั่งอย่างน้อยก็น่าจะรู้สึกเอะใจบ้างสิ หลังจากจับกุมมันได้ก็ควรตรวจสอบดูก่อนว่ามันถูกพิษหรือไม่ เจ้าเดาไม่ได้หรือไง?”

เถี่ยหลิวโต้ตอบว่า

“อารักษ์อย่างข้าเพียงนึกไม่ถึงไปชั่วขณะเท่านั้น”

เห็นได้ชัดว่าเขาเถียงอย่างข้างๆ คูๆ

“นึกไม่ถึงงั้นรึ? เจ้าเป็นหนึ่งในสี่อารักษ์ของจักรพรรดิเซียน ความคิดความอ่านต้องละเอียดรอบคอบยิ่งนักเป็นแน่ มิใช่พวกไร้การศึกษาสมองกลวง! หลังจากเจ้าจับมันได้ ทราบชัดเจนแล้วว่ามีสิ่งผิดปกติ แต่กลับไม่ตรวจพิษให้มัน เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าสมควรตรวจสอบเบาะแสร่องรอยของมันในสิบกว่าวันมานี้แต่กลับไม่ตรวจสอบ แต่จับมันยัดใส่น้ำเต้าผุๆ ลูกนั้นของเจ้าลงทัณฑ์ทรมานมัน บังคับให้มันยอมรับว่าทุกอย่างที่กระทำเพราะได้รับคำสั่งมาจากเจ้านาย…ชัดเจนยิ่งนักแล้วว่าเจ้าอยากโยนความผิดมาให้ผู้ทรงศักดิ์เช่นข้า ผู้ทรงศักดิ์เช่นข้าถามตนดูแล้วว่าหาได้มีความแค้นกับเจ้าไม่ เช่นนั้นเจ้าทำแบบนี้มีเหตุผลอะไร? เห็นทีว่าคงเป็นเจ้าต่างหากที่มีคนบงการอยู่เบื้องหลัง!”

เถี่ยหลิวตะลึง เขาอ้าปากหวอ ทุกอย่างที่กู้ซีจิ่วพูดมาช่างสมเหตุสมผล ทำให้เขาหาเหตุผลมาโต้แย้งไม่ได้ไปชั่วขณะ

อารักษ์อีกสามคนก็ขมวดคิ้วนิดๆ แล้วเช่นกัน เถี่ยเจิงกระแอมทีหนึ่ง

“ข้อนี้เป็นพวกเราผิดพลาดไปจริงๆ แต่ท่านผู้สูงศักดิ์จะยืนยันได้อย่างไรว่าหอยยักษ์ตัวนี้มิใช่คนร้ายในคดีที่สัตว์เซียนหายตัวไป?”

“เรื่องนี้ข้าเป็นพยานให้ได้”

มีเสียงหนึ่งแว่วมาไม่ไกล หลงซือเย่อ้อมออกมาจากด้านหลังต้นไม้ใหญ่ “เนื่องจากสิบกว่าวันมานี้หอยยักษ์ตัวนี้และเจ้านายของมันพำนักอยู่ที่จวนของข้าผู้เป็นขุนนางตลอด มันเพิ่งวิ่งออกมาตามลำพังเมื่อสามวันก่อน”

สี่อารักษ์นิ่งไปแล้ว

คดีสัตว์เซียนหายตัวไปเกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าวันก่อนแล้ว เมื่อหลงซือเย่เอ่ยเช่นนี้ ย่อมพิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้าหอยยักษ์บริสุทธิ์

สี่อารักษ์มองหน้ากันแวบหนึ่ง เถี่ยหลิวเอ่ยขึ้นว่า

“ดูเหมือนหอยยักษ์ตัวนี้จะไม่ใช่คนร้ายในคดีนั้น แต่มันก็ไม่ถือว่าไร้ความผิดเสียทีเดียว ถึงอย่างไรมันก็สังหารเสินจวินสามคนกับสัตว์เซียนอีกสามตัว…”

เขายังพูดไม่จบ เบื้องหน้าพลันมีเงาร่างคนไหววูบ เกิดเสียงดังพลั่ก ใบหน้าของเขาถูกชกเข้าเต็มๆ!

เขากระโจนขึ้นมาทันที ซัดเข้าใส่เงาร่างนั้นตามสัญชาตญาณ

เงาร่างนั้นไหวกายหลบ ยิ้มหยันแล้วกล่าวว่า

“เจ้าช่างใจกล้าเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าลงมือกับผู้ทรงศักดิ์เช่นข้า!”

ใบหน้าของเถี่ยหลิวปานถูกฟาดด้วยแส้ ปวดแสบปวดร้อน พริบตาเดียวก็บวมแดงขึ้นมาปานหมั่นโถว เขาพิโรธนัก

“เป็นเจ้าที่ลงมือกับข้าก่อนชัดๆ! ข้าแค่ตอบโต้เพื่อป้องกันตัว!”

“ใช่ไง เสินจวินสามคนนั้นก็ลงมือก่อนเช่นกัน หรือว่าเจ้าหอยยักษ์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเลย?”

น้ำเสียงกู้ซีจิ่วเยียบเย็น

เถี่ยหลิวเงียบไป เขาเถียงไม่ออกอีกแล้ว

เถี่ยเจิงที่อยู่ด้านข้างจึงกล่าวขึ้นว่า

“ดูเหมือนเจ้าหอยตัวนี้จะไม่ใช่คนร้ายจริงๆ นับว่าพวกเราจับผิดตัวแล้ว ข้าผู้เป็นอารักษ์ขออภัยท่านผู้สูงศักดิ์ไว้ ณ ที่นี้ด้วย…เรื่องนี้ก็ให้สิ้นสุดลงเท่านี้เป็นอย่างไร?”

เขาขอขมา คิดจะพลิกสถานการณ์เรื่องนี้

แววตากู้ซีจิ่วเยียบเย็น

“ไม่ไถ่ถามดีชั่วให้กระจ่างก็ลงทัณฑ์ทรมานสัตว์เซียนของผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าเสียแล้ว เอ่ยขอโทษประโยคเดียวก็สามารถจบเรื่องได้แล้วงั้นหรือ? เห็นผู้ทรงศักดิ์เช่นข้าเป็นคนโง่หรือไร?”

“เช่นนั้นท่านคิดเห็นประการใด?”

กู้ซีจิ่วดีดนิ้วเล็กน้อย

“ให้อารักษ์เถี่ยหลิวได้ลิ้มรสทัณฑ์ทรมานแบบเดียวกันดูเถิด!”

เถี่ยหลิวหน้าเปลี่ยนสีทันที เถี่ยเจิงเอ่ยว่า

“ไยท่านผู้สูงศักดิ์ต้องทำตัวไม่มีเหตุผลด้วย? หอยตัวนี้เป็นเพียงสัตว์เซียนตัวหนึ่งเท่านั้น ไหนเลยจะเอามาเทียบกับมนุษย์ได้?”

กู้ซีจิ่วยิ้มเย็นๆ แวบหนึ่ง

“ในสายตาของผู้ทรงศักดิ์เช่นข้า มันสูงส่งกว่าพวกเจ้าเสียอีก! ผู้ทรงศักดิ์เช่นข้าถือหางพวกพ้องยิ่ง ในเมื่อสัตว์เซียนของข้าได้รับความคับข้องหมองใจ เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะช่วยมันทวงคืนกลับมาให้ได้!”

………..