อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม บทที่571 ผู้หญิงไร้ยางอาย
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มองนางด้วยสายตาที่รังเกียจ

ในเมื่อขาข้างที่สามของเขากรุบกรอบและน่ากินขนาดนั้น ทำไมนางไม่กินเองเลยล่ะ

กู้ชูหน่วนยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าอยากเก็บอาหารอร่อยไว้ให้เจ้าไง”

“ขอเถอะ ของอร่อยแบบนี้ข้าไม่มีบุญที่จะกินหรอกนะ ขาข้างที่สามเจ้ากินเองเถอะ ส่วนที่เหลือก็ให้ข้า”

“จิ๊ๆๆ ขาข้างที่สามที่นุ่มขนาดนี้เจ้ากลับรังเกียจงั้นเหรอ ช่างเถอะ ข้าทำเป็นเนื้อตากแห้งแล้วเก็บไว้กินเองดีกว่า วันไหนหิวแล้ว ยังเอามากินเป็นของว่างได้ด้วย”

เวินเส้าหยีไม่เข้าใจที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พูด แต่ฟังจากที่กู้ชูหน่วนพูดนั้น เขาก็พอจะเข้าใจความหมายในนั้นแล้วบ้าง

ฟังคำพูดสกปรกไม่มีบันยะบันยังของกู้ชูหน่วน เวินเส้าหยีก็รู้สึกปวดหัวเป็นระยะ

จนกระทั่งตอนนี้ เขาถึงเข้าใจว่า ทำไมทุกครั้งที่เย่จิ่งหานอยู่กับกู้ชูหน่วน ถึงได้โมโหจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้

ท่าทางเสเพลอย่างนางแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ทนไม่ไหวกันทั้งนั้น

กู้ชูหน่วนเตะเวินเส้าหยีที่บาดเจ็บสาหัส “นี่ ตอบมาสิ เจ้าจะไปหาอาหารอร่อยไหม คิดดีๆแล้วค่อยตอบข้านะ”

เวินเส้าหยีขยับตัวเล็กน้อย แต่เพราะบาดเจ็บหนักเกินไป บวกกับที่จุดฝังเข็มทั่วร่างกายของเขาถูกผนึกด้วยเข็มทองของกู้ชูหน่วน ตอนนี้อย่าว่าแต่ลมปราณเลย แค่เดินก็ลำบากแล้ว

เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่แค่ลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ออกไปตามหาของกินด้วยร่างกายที่หนักอึ้ง

กู้ชูหน่วนลูบคาง “เชื่อฟังขนาดนี้เชียว?”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็มองนางด้วยสายตาที่ดูถูก

“เจ้าเอาแต่ขู่เขาแบบนี้ เขาจะกล้าไม่ทำตามได้ยังไง? ถ้าขาข้างที่สามถูกเจ้าเอาไปทำเป็นเนื้อตากแห้งจริงๆ งั้นก็คงขายหน้าแย่”

“อย่างมากข้าแค่เอาขาข้างที่สามของเขาทำเป็นเนื้อตากแห้ง แต่เจ้ากลับอยากกินจนไม่เหลือซากกระดูก”

“อย่างมากข้าแค่กินเข้า เขมือบลงไปทั้งตัว เขาไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ถ้าเจ้าตัดขาข้างที่สามของเจ้าออกมาทำเป็นเนื้อตากแห้ง งั้นเขาก็จะต้องแบกรับความอับอายทั้งชีวิต เจ้าว่าอย่างไหนร้ายแรงกว่ากัน?”

กู้ชูหน่วนหยักหน้าแล้วพูดเป็นตุเป็นตะว่า “เหมือนจะใช่นะ เวินเส้าหยีดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีมาก ถ้าตอนเขาแบบนั้น รุนแรงกว่าการฆ่าเขาเสียอีก เจ้ายังนิ่งอยู่ไย ยังไม่รีบไปเก็บฟืนมาอีก ไม่มีฟืนจะย่างเนื้อได้ยังไง?”

“เจ้าตกลงจะย่างหมูให้ข้า ไม่ควรเป็นเจ้าที่ไปเก็บฟืนเหรอ?”

“ใครเป็นเจ้านายกันแน่?” กู้ชูหน่วนดึงหางของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ขึ้นมา คว่ำลงตรงหน้าตัวเอง

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่ายหางไม่หยุด อยากขัดขืนออกจากการควบคุมของนาง

“นายท่านรังแกงู”

“ไม่ได้กินซุปงูมานานแล้ว อยากลองชิมดูจัง โดยเฉพาะกินซุปงูท่ามกลางหิมะ พลางชื่นชมบรรยากาศไปด้วย”

“ฟ่อๆๆ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แยกเขี้ยว เลี้ยวหนีออกไปอย่างเศร้าหมอง ไม่รู้ว่าด่าอะไรของมันอยู่

กู้ชูหน่วนยิ้มเล็กน้อย หาที่ไม่โดนลม เริ่มก่อกองไฟขึ้นมา

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลับมาเร็วมาก ใช้เวลาไม่นานก็เก็บฟืนมาได้แล้ว

เวินเส้าหยีออกไปนานมาก ในตอนที่นานจนนางคิดว่าเวินเส้าหยีหลงทางนั้น เขาก็เอากระต่ายสองตัวกลับมา

สีหน้าของเขาซีดเซียว ริมฝีปากซีดจนไม่เห็นเลือด ร่างกายหนาวจนสั่นคลอน

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ร้องฟ่อๆอย่างไม่พอใจ “แค่สองตัวเองเหรอ ยังไม่พอกินเลย”

“อย่าได้คืบแล้วจะเอาศอกอีก ที่แบบนี้หาอาหารได้ก็ไม่เลวแล้ว”

กู้ชูหน่วนกำลังจะบอกให้เขาเอากระต่ายไปถอนขน ทำความสะอาดภายใน เห็นเวินเส้าหยีแทบจะหมดเรี่ยวแรงแล้ว ก็ไม่แกล้งเขาอีก

ไม่นาน กู้ชูหน่วนก็ย่างเนื้อกระต่ายเสร็จ กลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว