บทที่ 313 ความลับที่ถูกเปิดเผย
จนแล้วจนรอด เย่ชิงเฉิงก็ทนการรบเร้าของคนรับใช้ทั้งสองของนางไม่ได้ นางจึงต้องพาพวกนางมาที่หมู่ตึกหยูอี่ด้วย เมื่อถึงที่หน้าอาคาร เย่ชิงเฉิงจึงสั่งขึ้นว่า “ข้าจะเข้าไปถามดูก่อนว่าเขาจะอนุญาตให้เจ้าสองคนสามารถอยู่ที่นี่กับข้าได้รึเปล่า”
เมื่อมาถึงประตู นางพูดกับหยุนจื่อรุ่ย “ต่อไปนี้ข้าจะอาศัยอยู่ที่นี่”
เมื่อพูดจบนางก็เดินเข้าไปด้านในทันที
หยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียวมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกนางเข้าใจความหมายที่อยู่เบื้องหลังประโยคนี้ทันที
สำหรับโม่เอ๋อและคนรับใช้อีกคน พวกนางกัดฟันกรอดพร้อมกับจ้องเขม็งเข้าไปที่ด้านในหมู่ตึกหยูอี่ หวังว่าพวกนางจะสามารถถล่มให้ที่นี่ราบเป็นหน้ากลองได้
เย่ชิงเฉิงเดินตรงเข้าไปที่สวนด้านหลังของหมู่ตึกหยูอี่ทันที และเมื่อนางพบกับหลิงตู้ฉิง นางพูดด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ข้าสัญญากับเจ้าว่าข้าจะอยู่ที่นี่ต่อจากนี้!”
“อืม!” หลิงตู้ฉิงพยักหน้าบ่งบอกว่าเขาเข้าใจ
“ข้าสามารถให้คนรับใช้ของข้ามาอยู่ด้วยได้ไหม?” เย่ชิงเฉิงถาม
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองไปที่เย่ชิงเฉิงและพูดว่า “ถ้าพวกนางตกลงที่จะทำสัญญากับข้า พวกนางก็สามารถอยู่ที่นี่ได้นอกจากนี้เตือนพวกนางด้วยว่า นอกเหนือจากการไม่เปิดเผยความลับของข้า พวกนางยังต้องละทิ้งท่าทีที่หยิ่งผยองของพวกนาง พวกนางไม่มีสิทธิ์ที่จะมาทำตัวหยิ่งผยองที่นี่”
เย่ชิงเฉิงพ่นลมออกจากจมูกเบา ๆ จากนั้นนางหันหลังกลับและเดินออกจากหมู่ตึกหยูอี่ไปหาคนรับใช้ของนางทั้งสอง
นางมีความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ในใจ ตลอดชีวิตของนางที่ผ่านมานางไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้มาก่อนเลยตั้งแต่เกิด แต่ในเมื่อแม่ของนางตกลงที่จะให้นางแต่งงานกับเขา นางจึงทำได้แต่เพียงยอมรับด้วยความคับข้องใจ
สิ่งที่เดียวที่ปลอบใจนางได้ก็คือ การที่นางต้องทำเช่นนี้นั่นก็เพราะมันจำเป็นสำหรับการช่วยพ่อของนางและการแก้ปัญหาของสำนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าตัวของนางเอง
เย่ชิงเฉิงพูดกับคนรับใช้ทั้งสอง “เขาอนุญาตให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ได้แต่มีเงื่อนไขว่าพวกเจ้าจะเปิดเผยความลับของเขาไม่ได้ พวกเจ้าติดตามข้ามานาน หากพวกเจ้ารับกับเงื่อนไขนี้ไม่ได้ข้าก็จะไม่บังคับพวกเจ้า พวกเจ้าสามารถกลับไปได้ ข้าจะไม่ตำหนิอะไรพวกเจ้า”
โม่เอ๋อรีบพูดว่า “คุณหนูข้าสัญญาว่าข้าจะไม่เปิดเผยความลับใด ๆ ออกไปแน่นอน ท่านไม่ต้องกังวล!”
คนรับใช้อีกคนรีบพูดเสริม “ข้าจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณหนูอย่างเคร่งครัดแน่นอน”
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็ตามข้าเข้าไป!” เย่ชิงเฉิงพยักหน้า
พวกนางทั้งสามเดินไปข้างหน้าหลิงตู้ฉิง เย่ชิงเฉิงถาม “ข้าต้องทำสัญญาด้วยรึเปล่า?”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “นั่นขึ้นอยู่กับเจ้า เจ้าเก็บเอาไปคิดก่อนก็ได้ แต่ตอนนี้ข้าจะทำสัญญากับพวกนางก่อน”
ในขณะที่เขากำลังพูด เขาได้เขียนสัญญากฎสวรรค์ทั้งสองสัญญาเสร็จแล้ว
“เจ้าทั้งหมดมาจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องเตือนอะไรมาก ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเจ้าละเมิดสัญญา!” หลิงตู้ฉิงพูดว่า “เอาล่ะตอนนี้ข้าจะให้พวกเจ้าเลือกอีกครั้งว่าต้องการจะลงชื่อจริง ๆ หรือไม่”
เย่ชิงเฉิงและคนรับใช้ทั้งสองมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความงุนงง เป็นอย่างที่หลิงตู้ฉิงพูด พวกนางที่เกิดในสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ พวกนางจึงรู้เป็นอย่างดีว่าคนที่สามารถเขียนสัญญากฎสวรรค์ได้มันคืออะไร
มันหมายความว่าความเข้าใจของเขาในกฎต่าง ๆ นั้นอยู่ในระดับที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก!
สัญญาเช่นนี้หากได้ลงชื่อไปแล้วมันจะไม่มีช่องโหว่ใด ๆ ให้ผู้ที่ทำสัญญาสามารถละเมิดมันหรือยกเลิกได้เลย
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะเห็นกฎเหล่านั้นอย่างชัดเจน!” เย่ชิงเฉิงพึมพำกับตัวเอง
ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมนางถึงสามารถเดินเข้าไปในอาณาเขตหมอกได้เพียงแค่ 1 กิโลเมตรผิดกลับหลิงตู้ฉิงที่สามารถเข้าไปได้ถึง 9 กิโลเมตร โดยราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จากที่นางเห็นเช่นนี้ นางสามารถบอกได้ว่าไม่ว่าจะเป็นกฎใด ๆ ที่แสดงอยู่ตรงหน้าเขา เขาคงจะสามารถเข้าใจพวกมันได้แทบทั้งหมดแน่นอน
อย่างไรก็ตามนางพบว่ามันแปลกมาก ๆ ที่บนโลกนี้มีคนที่ร้ายกาจขนาดนี้ได้จริง ๆ เหรอ?
“เอาล่ะเลือกซะ!” หลิงตู้ฉิงมองไปที่สองสาวและพูดอย่างใจเย็น
โม่เอ๋อมองไปที่หลิงตู้ฉิงแล้วมองไปที่เย่ชิงเฉิง นางโบกมือและเขียนชื่อของนางลงในสัญญา ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำ นางจึงสามารถเขียนชื่อลงในสัญญาได้จนครบ ซึ่งถ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำจะไม่สามารถเขียนชื่อได้ครบ
แต่กลับกัน คนรับใช้อีกคนกลับลังเลอยู่พักใหญ่ จากนั้นนางพูดกับเย่ชิงเฉิง “คุณหนู ข้าขอเลือกที่จะรอท่านข้างนอกจะดีกว่า ข้าไม่ต้องการที่จะรู้ความลับใด ๆ ของที่นี่และข้าไม่ต้องการถูกเงื่อนไขใด ๆ มาจำกัดข้า”
เย่ชิงเฉิงพยักหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก
บางครั้งทางเลือกเดียวก็เพียงพอที่จะชี้ให้เห็นปัญหา
อย่างไรก็ตามในขณะที่คนรับใช้กำลังจะจากไป ทันใดนั้นค่ายกลกระบี่เหินเมฆาก็เปิดใช้งานและกระบี่บินทั้ง 49 เล่มก็ลอยมาจ่ออยู่ตรงหน้าคนรับใช้นางนั้นที่ไม่ต้องการทำสัญญา
“เจ้ากำลังจะทำอะไร?” คนรับใช้พูดอย่างเย็นชา
แต่เมื่อนางสัมผัสได้ถึงอำนาจอันแข็งแกร่งของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา นางเองก็ไม่กล้าที่จะขยับ
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ถ้าเจ้าไม่ใช่คนจากสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะไม่พูดอะไรเลยถ้าเจ้าเห็นข้าเขียนสัญญากฎสวรรค์ เพราะถ้าคนอื่นเห็นสิ่งนี้ พวกเขาคงจะลืมไปแล้ว แต่เจ้าเป็นคนของสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเจ้าจึงจำสิ่งเหล่านี้ได้ ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการลงชื่อข้าจะไม่บังคับเจ้า แต่เจ้าต้องลืมความลับที่ได้เห็นก่อนที่จะออกไป”
หลังจากพูดจบ พลังของค่ายกลกระบี่เหินเมฆาก็ถูกหลอมเข้าไปในร่างกายของหลิงตู้ฉิง ส่งผลให้ระดับพลังของหลิงตู้ฉิงเปลี่ยนไปทันที จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงพึมพำที่คล้ายกับเสียงพึมพำของเทพอสูรปีศาจ
“คัมภีร์เก้าเทพอสูร?” เย่ชิงเฉิงรู้สึกตกตะลึง จนยกมือป้องหูของนางอย่างไม่รู้ตัว
ชายคนนี้เป็นใครกันแน่? แค่เขารู้วิชาห้วงนิทราแห่งราชันย์ก็ถือว่าพิสดารมากแล้ว แต่นี่เขากลับสามารถร่ายคาถาซุ่มเสียงแห่งเทพอสูรได้อีกงั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่ความลับของสำนักเก้าเทพอสูรงั้นหรอกเหรอ?
นางไม่คิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้านางเป็นคนจากสำนักเก้าเทพอสูร เพราะมันดูไม่เหมือนเลย
โม่เอ๋อเองก็ตกใจ นางเริ่มเข้าใจแล้วว่ามันไม่น่าแปลกเลยที่หลิงตู้ฉิงจะบังคับให้นางทำสัญญาเก็บความลับ เนื่องจากที่แท้เขามีความลับอยู่มากมายเกินไป!
ขณะนี้หลิงตู้ฉิงเองก็ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเช่นกันในการลบความทรงจำของผู้เชี่ยวชาญระดับเหนือล้ำที่อยู่ตรงหน้าของเขา ซึ่งถ้าหากเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากพลังของค่ายกลกระบี่เหินเมฆา เขาคงไม่สามารถทำได้
เมื่อหลิงตู้ฉิงสวดคาถาซุ่มเสียงแห่งเทพอสูรจนจบ คนรับใช้นางนี้ก็ลืมทุกอย่างไปจนหมดไม่เพียงแต่นางจะลืมเรื่องสัญญากฎสวรรค์ นางยังลืมเกี่ยวกับคาถาซุ่มเสียงแห่งเทพอสูรอีกด้วย
“คุณหนู ข้าจะกลับไปรอท่านที่เรือนของเราในเมือง ถ้าท่านต้องการอะไรท่านสามารถใช้คริสตัลสื่อสารเรียกหาข้าได้คลอดเวลา!” เมื่อพูดจบคนรับใช้นางนั้นก็หันหลังจากไป
เย่ชิงเฉิงและโม่เอ๋อต่างไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นพวกนางจึงรู้เป็นอย่างดีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่
โม่เอ๋อพูดด้วยความทุกข์ใจ “ผิงเอ๋อ นาง…”
เย่ชิงเฉิงโบกมือและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเพื่อนางอีกต่อไป จริง ๆ ข้ารู้ตัวตนของนางตั้งแต่แรกแล้วว่านางเป็นผู้หญิงของเล้งหวง และในเมื่อนางไม่ต้องการติดตามข้า ในอนาคตข้ากับนางก็ไม่มีอะไรที่จะเกี่ยวข้องกันอีก”
หลังจากที่เย่ชิงเฉิงพูดจบ นางก็หันกลับมาจ้องเขม็งไปที่หลิงตู้ฉิงและตะโกนว่า “ไอ้จอมโกหก! ไม่ใช่ว่าเจ้าเคยบอกกับข้าก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้ายังขาดอยู่เลยไปช่วยพ่อของข้าไม่ได้!? แล้วเมื่อกี้นี้มันคืออะไรกัน? โม่เอ๋อ ไหนเจ้าลองบอกข้าสิว่าเมื่อครู่ระดับการบ่มเพาะของไอ้คนคนนี้มันอยู่ในระดับไหนกันแน่?”
“เอ่อ…นายท่าน ข้าบอกเรื่องนี้กับคุณหนูได้ใช่ไหม?” โม่เอ๋อมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาลังเล
ด้วยการแสดงความสามารถของหลิงตู้ฉิงเมื่อครู่ มันจึงทำให้นางไม่กล้าที่จะดูถูกเขาอีกต่อไป
“ยังไม่ได้” หลิงตู้ฉิงพูดอย่างใจเย็น “ถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะมาอาศัยอยู่กับข้า แต่นางก็ยังไม่ใช่ผู้หญิงของข้าอย่างเต็มตัว รอจนกว่านางจะเป็นผู้หญิงของข้าซะก่อน เจ้าถึงจะบอกความลับของข้าแก่นางได้ สัญญากฎสวรรค์ของข้าไม่ได้ป้องกันความลับจากคนของเราเอง”
โม่เอ๋อก้มหัวลงและพูดกับเยว่ชิงเฉิง “คุณหนู ถ้าเช่นนั้นโปรดท่านถามกับนายท่านด้วยตัวเองได้ไหม เพราะว่าข้าไม่กล้าพูดจริง ๆ ข้าได้ทำสัญญาไปแล้ว ข้าไม่สามารถละเมิดมันได้”
เย่ชิงเฉิงรู้ผลของการละเมิดสัญญากฎสวรรค์ดี นางจึงไม่ได้คาดเค้นโม่เอ๋ออีกแต่นางจ้องไปที่หลิงตู้ฉิงและถามว่า “นี่เจ้าต้องการข้ามากขนาดนี้จริง ๆ งั้นเหรอ ทำไมเจ้าต้องรีบร้อนอะไรขนาดนั้น?”
หลิงตู้ฉิงพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้ารีบจริง ๆ เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญมาก”
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งแก้ไขเต๋าตู้ฉิงไป ซึ่งเขายังไม่มีโอกาสได้ลองใช้มันเพื่อดูว่ามันถูกปรับเปลี่ยนไปในวิถีที่ถูกต้องหรือเปล่า
มี่ไลและหลิวเฟ่ยเฟ่ย ทั้งคู่ล้วนเป็นภรรยาของเขาไปแล้ว ฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้เต๋าตู้ฉิงที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่นี้กับพวกนางได้ ส่วนเสี่ยวเยว่เฟิงและเสี่ยวหลิงเฟิงก็ไม่เหมาะ สำหรับหยุนจื่อรุ่ยและเปียนเฉียวเฉียว พวกนางก็ยังเด็กเกินไป
ในท้ายที่สุดปัญหานี้ก็ตกอยู่กับเย่ชิงเฉิง
เนื่องจากเย่ชิงเฉิงที่ยังไงก็ต้องแต่งงานกับเขา และความรู้สึกของเย่ชิงเฉิงที่มีให้กับเขาตอนนี้มันก็เป็นความรู้สึกใหม่ ๆ ฉะนั้นมันจึงเหมาะเป็นอย่างมากที่จะใช้ทดสอบเต๋าตู้ฉิงที่ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ของเขา ถ้าเขาพลาดโอกาสนี้ไปเขาต้องไปเสียเวลาหาคนที่เหมาะสมใหม่ขึ้นมาอีก ซึ่งมันจะเป็นการเสียเวลาเป็นอย่างมาก นี่จึงกลายเป็นเหตุผลที่เขาเร่งเร้าให้เย่ชิงเฉิงเข้าห้องหอกับเขาอยู่ตลอด
และอันที่จริงคือมันยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากถ้าเย่ชิงเฉิงแต่งงานกับเขาเร็วมากเท่าไหร่ เขาก็จะสามารถจัดการเตรียมความพร้อมให้นางสำหรับเรื่องในอนาคตได้เร็วขึ้นเท่านั้น
เย่ชิงเฉิงจ้องมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสาตาว่างเปล่า ในใจของนางเองตอนนี้รู้สึกเศร้าเล็กน้อยในขณะที่นางพูดว่า “เอาล่ะก็ได้ ข้ายอมเจ้าแล้วก็ได้ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูดและรักษาสัญญาว่าเจ้าจะช่วยสำนักอักขระศักดิ์สิทธิ์ของข้าหลังจากนี้”