ตกใจทั้งป้อมปราการ

“ทำไมถึงมีมังกรปรากฎตัวขึ้น ?” การแสดงออกของฟิธาเลียมืดมนลง เมื่อเธอเห็นมังกรศักสิทธิ์บินลงมาจากท้องฟ้า

เธอนั้นเคยเห็นมังกรมาก่อนเป็นการส่วนตัวในระหว่างการทำเควส และเธอก็มั่นใจเลยว่ามันเป็นดั่งสิ่งมีชีวิตแห่งหายนะและภัยพิบัติ ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นและ NPC เลย แม้แต่เมือง NPC ขนาดใหญ่บางส่วนก็ยังไม่สามารถจะยืนหยัดต่อต้านมังกรได้ด้วยซ้ำ

เธอนั้นได้เฝ้าดูมังกรแห่งความมืดทำลายเมืองชายแดนของจักรวรรดิ และทำลายล้างกองกำลังเสริมที่จักรวรรดิส่งมา โดยที่ผู้เล่นอย่างเธอนั้นไม่มีอำนาจจะทำอะไรได้เลย แถมกองกำลังเสริมที่จักรวรรดิส่งมายังนำโดย NPC ขั้นสี่ที่แข็งแกร่งด้วย

หากวิหารเทพแห่งสงครามในจักรวรรดิไม่ได้ส่งกำลังเสริมเข้ามาทันเวลา และทำให้กองกำลัง NPC สามารถเอาชนะมังกรแห่งความมืดได้ มังกรแห่งความมืดตัวนี้จะเริ่มสังหารแม้กระทั่งผู้เล่นโดยรอบแน่นอน

นอกเหนือจากฟิธาเลียแล้ว สมาชิกเผ่าศักสิทธิ์ทุกคนในป้อมปราการแสงดาวต่างก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกมากเช่นกัน

พวกเขาส่วนใหญ่อาจยังไม่เคยเห็นมังกรแสดงพลังที่แท้จริง แต่พวกเขาทุกคนก็ล้วนรู้ดีว่ามังกรนั้นน่ากลัวมากขนาดไหน หลังจากได้เห็นข้อมูลของออร์เบ็ค

เลเวลหนึ่งร้อยสิบเอ็ดของออร์เบ็คนั้นไม่ได้จัดว่ามีอะไรพิเศษ อย่างไรก็ตามมัมี HP มากกว่าหนึ่งหมื่นล้านได้ยังไงกัน ?

และด้วยพลังป้องกันที่น่าทึ่งของมังกร พวกเขาจะไม่มีวันเอาชนะสกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้ของออร์เบ็คได้เลย แม้ว่าออร์เบ็คจะยืนอยู่นิ่งๆและอนุญาติให้ผู้เล่นนับหมื่นโจมตีมันก็ตาม

เมื่อเทียบกับ HP ที่น่ากลัวมากของออร์เบ็คแล้ว แรงกดดันของมังกรที่แผ่ออกมานั้นมันก็เกือบจะเป็นอันตรายถึงชีวิตต่อเหล่าสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์เลย พวกเขานั้นล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์โชกโชนและผ่านการต่อสู้มาหลายร้อยครั้ง อย่างไรก็ตามเมื่อถูกปกคลุมไปด้วยออร่ามังกร พวกเขานั้นรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าและไร้พลังไปเลย ในสภาพนี้จะโชคดีมาก ถ้าพวกเขาสามารถรรวบรวมพลังสำหรับการหนีได้ ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้เลย

“ทำไมเรื่องนี้มันถึงเกิดขึ้น ?” แม๊คอาฟรี่นั้นกล่าวอย่างสิ้นหวัง ในขณะที่เขามองไปยังมังกรศักสิทธิ์ตรงหน้า

เช่นเดียวกับฟิธาเลีย เขานั้นเคยเห็นพลังของมังกรมาก่อน ผู้เล่นในปัจจุบันนั้นแทบไม่มีความหวังที่จะเอาชนะสิ่งมีชีวิตแบบนี้ได้เลย แม้ว่าพวกเขาจะยังมีฮีโร่ขั้นสี่อยู่ แต่พวกเขาก็ไม่มีโอกาสจะต่อสู้กับมังกรตัวนี้ได้แน่นอน

อย่างไรก็ตามเผ่าศักสิทธิ์ก็ได้ใช้ทั้งทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมากเพื่อรับเอาสถานที่พักกิลชั่วคราวในป้อมปราการแสงดาวมา นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่พวกเขาทำการตกแต่งพวกมันใหม่ทั้งหมดด้วย ซึ่งการจะต้องสูญเสียมันไปไม่ใช่อะไรที่จะสามารถรับได้เลย

“เราไม่มีทางเลือก แม๊คอาฟรี่ แจ้งผู้เล่นขั้นสามทุกคน และบอกให้พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ฉันจะพยายามดึงดูดความสนใจของมังกรไว้ ในขณะที่นายพาทุกคนออกจากป้อมปราการ และเมื่อเราได้พูดคุยประชุมวางแผนกันแล้ว เราค่อยมาล่อมันออกไป” ฟิธาเลียกล่าวพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่เธอเตรียมพร้อมรับการต่อสู้ที่ไม่มีทางชนะ

พวกเขานั้นรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถจะเทียบกับมังกรได้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าออร์เบ็คไม่ได้มาที่นี่เพ่อยึดป้อมปราการ พวกเขาก็น่าจะร่างแผนคร่าวๆเพื่อล่อมันออกไปได้

“ราคาของเรื่องนี้มันจะไม่สูงเกินไปหน่อยงั้นหรอ ผู้บัญชาการฟิธาเลีย …” แม๊คอาฟรี่หน้าซีดเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำสั่ง

ฟิธาเลียนั้นต้องการจะล่อมังกรออกจากป้อมปราการ อย่างไรก็ตามแม้แต่ผู้เล่นทั่วไปนั้นก็รู้ดีว่าออร์เบ็คน่าจะสามารถฆ่าผู้เล่นขั้นสามได้ในการโจมตีเดียว อย่างไรก็ตามกับตั้งใจจะใช้ชีวิตเหล่าผู้เล่นของเผ่าศักสิทธิ์ โดยเฉพาะผู้เล่นขั้นสามเป็นเหยื่อล่อ

ตอนนี้ผู้เล่นขั้นสามของมหาอำนาจต่างๆนั้นก็ล้วนเร่งรีบเก็บเลเวลกันอย่างมาก หากพวกเขาเสียสละผู้เล่นขั้นสามของกิลจำนวนมากในตอนนี้ เผ่าศักสิทธิ์นั้นจะต้องพบว่าตัวเองเสียเปรียบเมื่อทำการแข่งขันกับมหาอำนาจต่างๆในภายหลัง

“นี่เป็นทางเลือกเดียวของเรา” ฟิธาเลียกล่าว “ถ้าเราไม่ล่อมังกรออกจากป้อมปราการ ทุกอย่างที่เราลงทุนไปจนถึงตอนนี้มันจะสูญเปล่า และตราบใดที่เราสามารถล่อมังกรออกไปได้ เราก็สามารถที่จะชดเชยความสูญเสียของเราได้ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในป้อมปราการแสงดาว”

“ฉันเข้าใจแล้ว” แม๊คอาฟรี่กัดฟันของเขา ขณะที่เริ่มติดต่อผู้เล่นขั้นสามทั้งหมดที่อยู่ในป้อมปราการ

ตามที่ฟิธาเลียได้กล่าวไว้ เลเวลที่พวกเขาต้องเสียสละเพ่อล่อออร์เบ็คให้ออกไปนั้นจะนับว่าไม่มีอะไรเลย หากพวกเขายังสามารถยืนหยัดยึดป้อมปราการแสงดาวต่อได้ เพราะท้ายที่สุดป้อมปราการนี้จะมอบข้อได้เปรียบอย่างมากมายให้แก่พวกเขา

ทันใดนั้นคริมสันวิชก็หยุดชะงักและชี้ไปที่มังกรศักสิทธิ์ด้วยความประหลาดใจ “ผู้บัญชาการฟิธาเลีย ดูเหมือนว่าจะมีผู้เล่นอยู่บนหลังของมังกรศักสิทธิ์ !!!”

“ผู้เล่น ? เป็นไปได้ยังไงกัน ?” ชั่วขณะหนึ่งฟิธาเลียนั้นคิดว่าคริมสันวิชเห็นภาพหลอน

พวกเขากำลังพูดถึงมังกรขั้นสี่ แม้ว่ามันจะยังเป็นเพียงมังกรเด็ก แต่มันก็คงจะไม่ยอมลดระดับตัวเองมาทำหน้าที่เป็นพาหนะให้ใครแน่ นี่ไม่ต้องพูดถึง NPC ขั้นสี่เลย แม้แต่ NPC ขั้นห้าก็ยังยากจะมีมังกรเป็นพาหนะ

อย่างไรก็ตามในดินแดนของ God domain นั้น มันมีตัวตนที่รู้จักกันในนามอัศวินมังกรที่สามารถเลี้ยงดูและจับมังกรได้ โดยมังกรที่พวกเขาเลี้ยงนั้นล้วนเริ่มต้นมาจากตอนเป็นทารกและอยู่ในขั้นสามเลย และอัศวินมังกรเหล่านี้ก็จัดว่ายืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain ซึ่งแม้แต่จักรพรรดิก็ยังต้องเคารพพวกเขาเลย

แต่อย่างไรก็ตามการจะขี่มังกรให้ได้ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของผู้เล่นนั้น มันยังเป็นได้แค่ความฝัน !!!

อย่างไรก็ตามทันทีที่ฟิธาเลียพูดจบ และหันไปมองยังมังกรศักศิทธิ์อีกครั้ง ภาพที่เธอเห็นมันก็ทำให้เธอตกตะลึงมากๆ

เธอนั้นสามารถเห็นว่าใครบางคนยืนอยู่บนหลังของออร์เบ็คได้อย่างชัดเจน และแม้ว่าเธอจะไม่สามารถบอกได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใครอันเนื่องมาจากออร่า และแสงจ้าที่ออร์เบ็คแผ่ออกมา แต่เธอก็สามารถมองเห็นเครื่องหมายสีเขียวรูปเพชร ซึ่งเมื่อแต่พียงผู้เล่นเท่านั้นที่จะมีลอยอยู่เหนือหัวของร่างนี้

อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะทันได้หายจากอาการตกตะลึง ออร์เบ็คก็ค่อนๆบินร่อนลงมา

เมื่อมังกรศักสิทธิ์เข้ามาใกล้พื้นที่นั้น เครื่องหมายสีเขียวรูปเพชรมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้น และไม่นานนักผู้เชี่ยวชาญขั้นสามคนอื่นๆในป้อมปราการก็สามารถสังเกตเห็นเรื่องนี้ได้เช่นกัน

“เป็นไปได้ยังไงกัน ?! ผู้เล่นสามารถขี่มังกรได้จริงๆงั้นหรอ !!”

“นั่นใครกัน ?”

ความประหลาดใจและความสับสนนั้นเข้าครอบงำทุกคน ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังร่างที่ยืนอยู่บนหลังของออร์เบ็ค

“ผู้บัญชาการฟิธาเลีย มันกำลังเข้ามาหาพวกเรา” คริมสันวิชอุทาน เมื่อเธอรู้ว่าออร์เบ็คกำลังบินมายังทิศทางที่พวกเขาอยู่

ในตอนที่ออร์เบ็คปรากฎตัวขึ้นครั้งแรก มังกรศักสิทธิ์นั้นอยู่ไกลเกินกว่าที่เธอจะสามารถสังเกตเห็นอะไรได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามมันก็โชคดีที่เธอนั้นไม่เหมือนกับผู้เล่นขั้นสอง เธอสามารถต้านทานออร่ามังกรของออร์เบ็คได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ยิ่งออร์เบ็คเข้ามาใกล้เท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงออร่าของมันที่แข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น และตอนนี้แม้แต่การหายใจก็ยังเป็นเรื่องท้าทายเลยทีเดียว

“หวังว่าผู้ที่ขี่มังกรมาจะไม่ใช้ศัตรูนะ !!! ทุกคนเตรียมม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันทีกันไว้ให้พร้อม !!! หากสังเกตเห็นท่าทีที่เป็นปฎิปักษ์แม้แต่นิดเดียว ให้รีบใช้มันหนีทันที !!! ทุกชีวิตที่เราสามารถเซฟเอาไว้ได้จะมีประโยชน์สำหรับการมาแก้ไขสถานการณ์ในอนาคต !!!” ฟิธาเลียเตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกลัว

หากพวกเขาเพียงแค่ต้องเผชิญหน้ากับมังกรป่า อย่างแย่ที่สุดพวกเขาก็จะสามารถปล่อยให้มันเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลาย อย่างไรก็ตามหากมังกรนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เล่น พวกเขาจะต้องเจอกับปัญหาที่ใหญ่กว่ามาก หากผู้เล่นต้องการ เขาจะสามารถสั่งให้มังกรของเขาฆ่าสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ทุกคนในพื้นที่ได้

สมาชิกทั้งหมดในป้อมปราการล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญของเผ่าศักสิทธิ์ แถมยังมีสองกองกำลังหลักของเผ่าศักสิทธิ์ประจำการอยู่ที่นี่ด้วย หากพวกเขาถูกสังหารหมู่กัน ผลที่ตามมามันจะเลวร้ายมากๆแน่นอน

ทุกคนที่อยู่รอบๆฟิธาเลียนั้นได้รีบทำตามคำสั่งทันที ขณะที่คริมสันวิชและพวกระดับสูงของเผ่าศักสิทธิ์คนอื่นๆนั้นก็มีกันถึงม้วนคัมภีร์เคลื่อนย้ายทันที ขั้นสาม ซึ่งเป็นสิ่งที่กิลเตรียมไว้ให้กับพวกเขาสำหรับมาตราการฉุกเฉิน โดยม้วนคัมภีร์พวกนี้มันก็มีค่ามากๆ

ในขณะที่สมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์ในสถานที่พักกิลชั่วคราวเตรียมพร้อมจะหลบหนี ออร์เบ็คก็ได้บินมาถึงที่ด้านบนของอาคาร ซึ่งความเร็วของมันนั้นก็ทำให้ทุกคนไม่ทันตั้งตัวเลย

เมื่อเป็นดังนี้นั้นคริมสันวิชและคนอื่นๆก็รู้สึกสิ้นหวังมาก ตอนนี้พวกเขารู้อย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาจะไม่สามารถหนีจากมังกรศักสิทธิ์และผู้เล่นที่ขี่มันได้แน่นอน และเพื่อทำให้เรื่องแย่ลงกว่านั้น ตอนนี้มันราวกับว่ามังกรศักสิทธิ์นั้นทำการดึงดูดอากาศและมานาโดยรอบให้ไปอยู่ข้างมันทั้งหมดด้วย ….

“Spatial Imprisonment?! เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” ฟิธาเลียนั้นไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากจ้องมองไปยังมังกรศักสิทธิ์ด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่มันค่อยๆร่อนลงมาหาพวกเขา

Spatial Imprisonment นั้นเป็นสกิลที่มีแต่ NPC ที่แข็งแกร่งอย่างมากในขั้นสี่หรือสูงกว่าขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้ มันไม่ควรจะมีมอนสเตอร์ที่สามารถใช้สกิลนี้ได้

กระนั้นตอนนี้มังกรตัวนี้กับสามารถใช้มันได้ แถมนี่ยังไม่นับรวมเรื่องโดเมนของมันตามธรรมชาติอีก

ตอนนี้พวกเขานั้นไม่มีความหวังจะหลบหนีได้เลย คนแปลกหน้าคนนี้นั้นถือชีวิตพวกเขาอยู่ในมือแล้ว

ในระหว่างที่ฟิธาเลียและคนอื่นๆกำลังรู้สึกสิ้นหวังกับสถานการณ์นี้ เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาที่หูของพวกเขา

“ฉันหวังว่าจะได้พบพวกคุณอยู่แล้ว และก็ต้องบอกเลยว่าโชคดีจริงๆที่พวกคุณอยู่ที่นี่กันทั้งหมด …”

ขณะที่คนที่ขี่มังกรพูด เขาก็กระโดดลงมาจากหลังของออร์เบ็ค

เมื่อได้เห็นผู้เล่นคนนี้ใกล้ๆ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?!”