ตอนที่ 682 น้ําหอมที่เป็นเอกลักษณ์

แพทย์เทวะ หัตถ์ปีศาจ

ตอนที่ 682 น้ําหอมที่เป็นเอกลักษณ์

 

งานเลี้ยงสําหรับเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงกําลังใกล้เข้ามา แต่ละตระกูลเริ่มกังวลเกี่ยวกับผู้คนที่จะเข้าร่วม มีขุนนางที่ต่ํากว่าขั้นสี่บางคนเริ่มพยายามใช้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเพื่ออนุญาตให้บุตรสาวของพวกเขาเข้าร่วมและได้เห็นโลกกว้าง และแทนที่จะบอกว่าเป็นการให้พวกนางได้เห็นโลกกว้าง มันจะเป็นการดีกว่าถ้าจะบอกว่าพวกนางต้องการให้ “โลก” เห็นพวกนาง ทุกครั้งที่พระราชวังจัดงานเลี้ยง มันไม่มีอะไรมากไปกว่าโอกาสแฝงสําหรับพวกเขาที่จะรู้จักผู้คน และผู้คนในปัจจุบันจะเป็นบุตรของผู้มีอํานาจ สําหรับเจ้าหน้าที่ระดับล่างนี้ พวกเขาหวังว่าพวกเขาจะสามารถใช้วิธีนี้เพื่อให้บุตรสาวของพวกเขาได้รับความสนใจจากบุตรของตระกูลใหญ่

 

ในขณะที่เมืองหลวงดูยุ่งมาก

 

เฟิงจินหยวนไม่สนใจงานเลี้ยงในพระราชวังมานานแล้ว เมื่อตกจากตําแหน่งเสนาบดีมาหลายปี จิตใจของเขาก็สงบลงเล็กน้อย เขาสับสน ทําไมคุณหนูเหลียนผู้ซึ่งสนิทสนมกับเฟิงหยูเฮง ถึงมาสนิทกับเฟิงเฟินได

 

ในส่วนที่เกี่ยวกับคําถามนี้ เฟิงเฟินได้ให้คําตอบเขาตอนอาหารค่ํา “มีอะไรที่ไม่เข้าใจบ้าง? ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพี่สาวเหลียนกับเฟิงหยูเฮงจะดีแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับการอยู่ข้างๆเราในฐานะเพื่อนบ้าน มันง่ายกว่าที่จะเข้าใกล้ การได้พบกันบ่อยครั้งจะทําให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนี้เฟิงหยูเฮงก็เป็นถึงองค์หญิง นางจะยุ่งแค่ไหน นางจะมีเวลาคุยกับพี่สาวเหลียนได้อย่างไร” นางเรียกอีกฝ่ายว่าสาวเหลียน ทั้งที่ๆนางเรียกพี่สาวแท้ๆของนางด้วยชื่อ แม้ว่าเฟิงจินหยวนจะรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่เขาก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะแก้ไขในเวลาเช่นนี้ เขายังคงถามเฟิงเฟินไดต่อ “เจ้าพูดคุยเรื่องอะไรกัน?”

 

มุมปากของเฟิงเฟินไดขดตัว “โดยปกติสิ่งที่ผู้หญิงคุยกัน ท่านพ่อไม่ควรที่จะถามเรื่องนี้ไม่ ใช่หรือ ? ”

 

“ไม่ๆๆ” เฟิงจินหยวนโบกมือของเขาซ้ําๆ “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะถามแบบนั้น” จากนั้นเขาก้มหน้าลงแล้วกินอาหาร จากนั้นเขาก็รู้สึกไม่สมเหตุผล และถามว่า “พรุ่งนี้นางจะมาหรือไม่ ?”

 

เฟิงเฟินไดกล่าวอย่างเย็นชา “นางคงจะมา นางบอกว่านางจะมาคุยกับข้าบ่อยๆ ท่านพ่อสนใจพี่สาวเหลียนหรือ ?”

 

ใบหน้าแก่ของเฟิงจินหยวนเปลี่ยนเป็นสีแดง และเขาไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร เชิงเฟินไดพูดในสิ่งที่นางคิดโดยไม่คํานึงถึง “เมื่อพูดเรื่องนี้ ไม่สามารถตําหนิท่านพ่อได้ ด้วยความงามของพี่สาวเหลียน ไม่ต้องพูดถึงผู้ชายแม้แต่เด็กผู้หญิงที่รุ่นราวคราวเดียวกับข้าก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองนาง นางงดงามมากจริง ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับนางแล้ว คุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์เฟิงก็ไม่อาจคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง”

 

นางหยิบยกเรื่องเฟิงเฉินหยูขึ้นมาพูดอีกครั้ง และเฟิงจินหยวนไม่ดื้อรั้นเหมือนเมื่อก่อน เพราะนั่นคืออดีตและสิ่งต่างๆก็เปลี่ยนไป มองย้อนกลับไปจากตอนนี้ สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด

 

เฟิงเฟินไดพูดต่อไป ยิ่งนางพูดมากเท่าไหร่นางก็ยิ่งขุดลงไปในหัวใจของเฟิงจินหยวนมากกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าบ้านของเราจะมีฮูหยินใหญ่, ฮูหยินรองและแม่รองอัน ดูเหมือนท่านพ่อไม่ทราบว่าเป็นเวลาหลายเดือนที่พวกนางใช้ข้ออ้างในการดูแลอาการป่วยของฮองเฮา พวกนางไม่สนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว ฮูหยินใหญ่คืออะไร ท่านพ่อควรคิดเกี่ยวกันพวกนาง แม่รองอันมุ่งไปที่การหาเลี้ยงชีพทั้งหมด ร้านปักของนางเป็นที่นิยมในเมืองหลวง อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้สนใจเรื่องในบ้านและปฏิเสธที่จะให้การสนับสนุนทางการเงิน นอกจากนี้ยังมีองค์หญิงผู้ซึ่งไม่ค่อยใส่ใจเกี่ยวกับความอยู่รอดของบ้านตระกูลเฟิง ท่านพ่อพูดความจริง นานนับปี ท่านพ่อชอบคนนี้และคนนี้ แต่ท้ายที่สุดใครคือคนที่ให้ประโยชน์สูงสุดสําหรับท่านพ่อ ไม่ใช่บุตรสาวคนที่สี่ของท่านพ่อหรอกหรือ!”

 

เฟิงจินหยวนได้รับการกระตุ้นอารมณ์จากการวิเคราะห์ของนาง และเขาได้แต่พยักหน้า และกล่าวอย่างทอดถอนใจ “ถูกต้อง! สามีและภรรยาควรเป็นนกที่มีขนลายเดียวกัน การที่พวกนางบินไปด้วยตัวเองเมื่อเผชิญกับปัญหาคือความผิดของข้า ไม่ต้องพูดถึงเรื่องข้าไร้ความสามารถ ข้ายังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย”

 

“ท่านพ่อไม่ต้องคิดแบบนี้” เฟิงเฟินไดเปล่งเสียงของนาง นางวางชามแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “อาการบาดเจ็บแน่นอน แต่ท่านพ่อต้องไม่พูดอย่างง่ายๆ และปล่อยให้มันกลายเป็นสิ่งที่ทําให้ท่านพ่อทุกข์ หากท่านพ่อเชื่อว่าท่านพ่อไม่สามารถทําได้ ต่อไปคนอื่นจะคิดอย่างไร ท่านพ่อคือต้น แบบของตระกูลเฟิง ท่านพ่อไม่ใช่ขันที่ในพระราชวัง!”

 

เมื่อนางพูดถึงขันที เฟิงจินหยวนรู้สึกหงุดหงิด อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถพูดอะไรได้ เขายังต้องฝืนยิ้ม

 

เฟิงเฟินไดกล่าวต่อ “นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าคิด พวกเขากล่าวก่อนหน้านี้ว่าตระกูลของขุนนางขั้นต่ําไม่สามารถมีอนุระดับสูงได้ แต่ราชวงศ์ต้าชุนไม่ได้กล่าวว่าตระกูลทั่วไปไม่สามารถมีอนุแบบลับๆได้ ฮูหยินทั้งสองจับจุดตรงนี้ว่าเราไม่สามารถทําอะไรได้ มันเป็นผลมาจากพวกนางได้รับการสนับสนุนจากพระราชวัง แต่ถ้าท่านพ่อสนใจพี่สาวเหลียน ข้าก็อยากช่วยการนํานางเข้ามาในบ้านจะทําให้มีบรรยากาศที่ดีมาก เมื่อสาวงามแต่งเข้าตระกูล คนนอกคนไหนที่กล้าที่จะดูถูกบ้านของเรา?”

 

คําเหล่านี้สามารถจับหัวใจของเฟิงจินหยวนได้ ความสุขปรากฎบนใบหน้าของเขาในขณะที่เขาพูดด้วยความกระวนกระวายใจ “ความหมายของเจ้าคือเจ้าหวังว่าพ่อจะพาแม่นางเหลียนเข้ามาในบ้านหรือ?”

 

เฟิงเฟินไดพยักหน้า “ทําไมท่านพ่อถึงคิดเป็นอื่น? ข้าทําอย่างดีที่สุดเพื่อเข้าใกล้นาง ข้าไม่ได้เป็นคนขี้เกียจ ถ้าข้ามเวลา ข้าก็จะเย็บเสื้อผ้าให้องค์ชายห้า”

 

เฟิงจินหยวนตบต้นขาของเขาแล้วถอนหายใจ “จริงๆแล้วเฟิงเฟินไดนั้นเป็นคนละเอียดลออที่สุด แต่…” เขาคิดว่าเขาบาดเจ็บ และไม่สามารถช่วยได้ แต่พูดไม่ได้ “แต่ด้วยสถาน การณ์ปัจจุบันของข้า นางจะทํายังไง”

 

“มันเป็นเรื่องของความพยายาม” เชิงเฟินไดพูดจายิ้มกว้าง “ทั้งสองทางมีเวลามากมาย นางอยู่บ้านข้างๆ และไม่กลัวที่จะวิ่งหนี ตราบใดที่ท่านพ่อมีความปรารถนานี้ เราก็สามารถวางแผนอย่างช้าๆ และไม่กลัวความล้มเหลว”

 

ในขณะที่นางพูด บ่าวรรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องและกล่าวกับเฟิงเฟินไดว่า “ตําหนักหลี่ ส่งเสื้อผ้ามาให้คุณหนูสี่โดยบอกว่าพวกมันถูกเตรียมไว้สําหรับคุณหนูเข้าร่วมงานเลี้ยงเจ้าค่ะ” เฟิงเฟินไดพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นางหยุดกินและตามบ่าวใช้ออกไปดูเสื้อผ้า นี่ทําให้เฟิงจินหยวนที่นั่งที่โต๊ะของตัวเองเพื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เฟิงเฟินไดพูด ยิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับวันที่จาวเหลียนแต่งงานเข้าบ้านตระกูลเฟิง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเฟิงเฟินไดจะมาที่ห้องอาหารแห่งนี้หรือไม่ถ้านางไม่มีอะไรจะพูด เช่นเดียวกับอันชิ และเฟิงเซียงหรู นางจะอยู่ที่เรือนของตัวเองเพื่อกิน และอยู่ห่างจากบิดาของนาง ด้วยความเคารพ

 

ในด้านนี้องค์ชายห้าส่งเสื้อผ้าให้เฟิงเฟินไดสวมใส่สําหรับงานเลี้ยงในพระราชวัง ในอีกด้านหนึ่งสมาชิกของตระกูลเหยากําลังเตรียมตัวทั้งครอบครัวเพื่อเข้าสู่พระราชวังเพื่อจัดงานเลี้ยง แน่นอนรวมถึงหลู่เหยา

 

หลู่เหยาแต่งงานกับเหยาซูในฐานะจอหงวนที่ได้คะแนนสูงสุดในปีนี้ เหยาซู่มีสิทธิ์พาภรรยาของเขาไปงานเลี้ยง สําหรับสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลเหยาเพราะพวกเขามีตําแหน่งหวางโจว และเนื่องจากตําแหน่งของเหยาเซียน พวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าพระราชวัง

 

นอกเหนือจากนี้ตระกูลหลู่ก็ค่อนข้างยุ่งเช่นกัน ในฐานะเสนาบดีฝ่ายซ้ายของราชสํานัก ภรรยาและบุตรสาวของเขาจะเข้าพระราชวังได้ตามธรรมชาติ คราวนี้เขาไม่เพียงแต่พาเก้อซื่อและบุตรสาวของเขา, หลู่หยานบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ของเขาเท่านั้น เขาพบคนที่เตรียมเสื้อผ้าให้กับบุตรสาวแล้ว

 

ถึงแม้หลู่ปิงจะหวาดกลัวด้วยสิ่งนี้ บิดาของนางก็ออกคําสั่งแล้วและนางก็ต้องทําตาม อย่างไรก็ตามหลู่หยานก็ไม่เข้าใจว่าทําไมบิดาของนางถึงทําเช่นนี้ และนางก็ไม่กล้าถามหลู่ซ่ง นางโกรธอยู่ข้างใน

 

เก้อซื่อปลอบใจนางว่า “ท่านพ่อของเจ้าเป็นคนคิดเอง นางเป็นแค่บุตรสาวของอนุนางจะได้ดีสักแค่ไหน? ทําไมเจ้าถึงโกรธ?”

 

“ท่านแม่! ” ดวงตาของหลู่หยานเบิกกว้างมาก “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ข้าโกรธนางหรือไม่ ไม่ใช่ว่าลูกจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ไม่ใช่ว่าท่านแม่ไม่รู้เรื่องอาการปวยของนาง เมื่อตระกูลหลู่นั่งด้วยกัน ข้าจะต้องนั่งกับนางอย่างแน่นอน เมื่อกลิ่นที่น่ารังเกียจของนางแพร่กระจายก็เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คน จะเข้ามาใกล้เพื่อตามหาว่ามาจากที่ไหน ท้ายที่สุดข้ากลัวว่าความผิดจะตกอยู่กับตระกูลหญ่ของเรา จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีคนคิดว่ามันเป็นข้า ในอนาคตข้าจะยังสามารถออกเรือนได้หรือไม่”

 

นี่คือสิ่งที่เก้อซื่อและหลู่ข่งคิด เมื่อเห็นว่าหลู่หยานโตขึ้น นางก็อดไม่ได้ที่จะปลอบใจนาง “ท่านพ่อของเจ้าคิดไว้แล้ว คนในภาคใต้ส่งน้ําหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เห็นได้ชัดว่ามีกลิ่นหอม ทั้งหอมและหวานเหมือนน้ําผึ้ง โดยไม่คํานึงถึงกลิ่นที่มีอยู่ตราบใดที่มีน้ําหอมที่เป็นเอกลักษณ์ กลิ่นเหม็นจะถูกปกปิดทันที รอบๆ จะมีเพียงกลิ่นของน้ําผึ้ง ท่านพ่อของเจ้าสั่งตัดชุดให้หลู่ปิงแล้วจะใส่น้ําหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ใส่ให้ชุ่มไปสามวันสามคืน แล้วมันจะสามารถปิดกั้นกลิ่นกายได้”

 

หลู่หยานกล่าวเบาๆด้วยความไม่พอใจ “ข้าเคยได้ยินน้ําหอมที่ไม่เหมือนใครเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่มาจากผลไม้เล็กๆในทะเลทราย มันแพงมากและผู้คนในภาคกลางจะพบว่ามันยากมากที่จะได้รับขวดเล็กๆ กูซูส่งน้ําหอมเข้าไปในพระราชวัง 10 ขวดในแต่ละปีเท่านั้น ตอนนี้ท่านพ่อกําลังใช้มันกับเสื้อผ้าของหลู่ปิง นั่นเป็นเงินเท่าไหร่! ข้าไม่เคยเห็นสิ่งที่ดีมาก่อนเลย ท่านพ่อมีอคติจริงๆ

 

เก้อซื่อกลอกตา “สิ่งใดที่เจ้าเร่งรีบอย่างนี้? วันที่ดีของเจ้ายังมาไม่ถึง เจ้ากําลังต่อสู้กับบุตรสาวของอนุเพื่ออะไร นอกจากนี้ยังมีน้ําหอมที่นํามาไม่มากนัก เหตุผลที่เสื้อผ้าสามารถแช่ในนั้นคือมันผสมกับน้ํา เจ้าคิดว่าทั้งอ่างเต็มไปด้วยน้ําหอมแช่เสื้อผ้าหรือ ? แม้แต่พระสนมของฮ่องเต้ในพระราชวังก็ยังลังเลที่จะใช้มันอย่างนั้น เอาล่ะ อย่ากังวลกับเรื่องนี้ ตราบใดที่เจ้าจําได้ว่ายังคงทําบุญอยู่เรื่อยๆ ทุกสิ่งที่หลู่ปิงทําในบุตรสาวของอนุจะเป็นการปูทางให้เจ้า”

 

หลู่หยานม้วนริมฝีปากของนางด้วยรอยยิ้มเล็กๆ “ท่านแม่พูดถูก นางเป็นบุตรสาวของอนุนางไม่สามารถพลิกสวรรค์ได้”

 

หลู่ปิงพลิกสวรรค์หรือไม่เป็นเรื่องที่ตระกูลหญ่ต้องกังวล ในตอนเช้าในคฤหาสน์ขององค์หญิง, เฟิงหยูเฮงฉีดยาให้เป่ยฟูหรง จากนั้นนางปืนขึ้นไปบนหลังคาเพื่อดูทิวทัศน์

 

กลางฤดูใบไม้ร่วงในเมืองหลวงนั้นยอดเยี่ยมมาก ต้นไม้ในสวนมีผลไม้สุกมากมาย นาง นั่งบนหลังคาและกํากับบ่าวรับใช้ด้านล่างเพื่อตั้งบันไดสําหรับเก็บผลไม้ หวงซวนนําเสื้อผ้าออกมาจากในห้องเพื่อดูซ้ําโดยหวังว่าเฟิงหยูเฮงจะสนใจชุด ใครจะรู้ว่าคุณหนูของนางไม่พอใจกับชุดใดๆ ไม่มีอะไรที่นางสามารถทําได้และได้แต่เจรจาต่อรองได้อย่างขมขื่น “ถ้าสั่งตัดตอนนี้คงไม่ทันเจ้าค่ะ! เสื้อผ้าเหล่านี้สั่งตัดเมื่อเร็วๆนี้ ข้าคิดว่าพวกมันดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมกับพวกมัน”

 

เฟิงหยูเฮงส่ายหัว “พวกมันดูไม่ดีและฉูดฉาดเกินไป”

 

“แต่มันเป็นงานเลี้ยงสําหรับเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ทุกคนจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงาม คุณหนูยังเป็นเด็กสาว คุณหนูควรสวมเสื้อผ้าที่มีความขูดฉาดเจ้าค่ะ”

 

เฟิงหยูเฮงส่ายหน้าของนางอีกครั้ง “ถ้าเด็กทุกคนคิดถึงการสวมใส่เสื้อผ้าที่ฉูดฉาด บรรดาฮูหยินจะสวมใส่อะไร ? สิ่งที่ถูดฉาดควรจะถูกปล่อยให้ฮูหยินวัยกลางคนและวัยชรา ค้นหาเสื้อผ้าที่ เรียบง่ายและสง่างามสําหรับเด็กสาว ตราบใดที่มันดูไม่เหมือนว่าข้าไปร่วมงานศพ มันก็ใช้ได้”

 

หวงซวนกระทืบเท้าของนางด้วยความโกรธ “คุณหนูไม่เคยกลั่นกรองคําพูด มันเป็นวันที่ดีพร้อม ทําไมคุณหนูถึงพูดถึงงานศพ แต่ต้องบอกว่ามีเสื้อผ้าที่เรียบง่ายและสง่างาม คุณหนูจําได้หรือไม่เจ้าคะเมื่อองค์ชายเจ็ดกลับมาจากตะวันออกและมอบผ้าให้คุณหนูเป็นพับๆ ? นั่นใหม่มาก แม้ว่ามันจะสายเกินไปที่จะตัดพวกมันตอนนี้ ถ้าเรามีช่างตัดเสื้อของพระราชวังมา ก็สามารถทําได้ทันอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

 

เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ใช่แล้ว พี่เจ็ดมีรสนิยม ทําตามนั้น นําวัสดุไปยังตําหนักหยอย่างรวดเร็ว ให้คนช่วยเอาไป”

 

หวงซวนถูกไล่จากคฤหาสน์ แม้กระนั้นนางยังคงนั่งอยู่บนหลังคา เมื่อนางไขว่ห้าง นางนั่งกินผลไม้ในเวลานี้นางเห็นสิ่งมีชีวิตวิ่งเข้าไปในสนาม มันเล็กมากและมีขนยาว การเคลื่อนไหวของมันไม่คล่องแคล่วและดูเหมือนว่าเพิ่งเกิดมา มันไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง

 

หญิงสาวคนหนึ่งตกใจ “อ้า! แมวตัวนี้มาจากไหน น่ารัก! “

 

เฟิงหยูเฮงมองไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “มันน่ารักมาก มันไม่ใช่แค่น่ารัก แต่แมวก็ดูมีอํานาจอยู่เหมือนกัน จริงๆแล้วมันมีคําว่าราชาบนหน้าผาก!”