ตอนที่ 520 เหลวไหล / ตอนที่ 521 ผมเชื่อใจเธอ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 520 เหลวไหล

 

 

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการข่มขู่ ราวกับว่าถ้าวังชิงยังกล้าพูดออกมาอีกละก็จะต้องถูกเขาระเบิดใส่แน่ๆ

 

 

แต่ตอนนี้วังชิงเองก็เหมือนไม่มีอะไรจะเสียแล้วเหมือนกัน สีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย เขามองมาที่ตนแล้วค่อยๆพูดออกมา “ผมจำขึ้นมาได้ว่า เอกสารชุดนั้นยังมีใครอีกคนที่ได้เห็นมันครับ และคนนั้นก็คือภรรยาของท่านเอง”

 

 

“เหลวไหล!” สีหน้าของจิ้นหยวนดุโมโหสุดๆ โกรธจนโยนเอกสารใส่ตัวของเขา

 

 

วังชิงก็ไม่คิดที่จะหลบ ยินยอมที่จะปล่อยให้เอกสารพวกนั้นฟาดลงบนตัว “ที่จริงผมนึกขึ้นได้ตั้งนานแล้ว แต่เป็นเพราะกังวลเรื่องความคิดของท่านจึงเลือกที่จะไม่พูดออกมา”

 

 

“แล้วตอนนี้ถึงกล้าที่จะมาพูดล่ะ?” จิ้นหยวนถามอย่างเยือกเย็น

 

 

แน่นอนว่าตนไม่เชื่อว่าเฉียวซือมู่จะทำเรื่องแบบนั้น ต้องเป็นเพราะตัวเขานั่นแหละที่พูดเหลวไหล ตั้งใจที่จะพูดใส่ร้ายคนอื่น

 

 

แต่ว่าในใจลึกๆของเขาเองก็เข้าใจดี การที่วังชิงกล้าที่จะมาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าตน ยังไงก็ต้องมีหลักฐานแน่ๆ

 

 

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ วังชิงพูดกับเขาอย่างใจเย็น “นั่นก็เพราะผมคิดว่าถ้าผมไม่พูดออกมาละก็ หัวหน้าหลินจะต้องเบนความสงสัยมาที่ตัวผมแน่ๆ ดังนั้นในเมื่อท่านบอกว่าท่านเชื่อผม แต่เสียงของคนหลายๆคนก็สามารถเปลี่ยนเรื่องถูกให้กลายเป็นผิดได้ ถ้าหากว่าหัวหน้าหลินพลาดละก็ ชื่อของผมก็คงไม่เหลืออีก”

 

 

สิ่งที่เขาพูดก็มีเหตุผล กระแสสังคมของคนในตอนนี้ แค่มีจุดด่างพร้อยบนตัวคนๆหนึ่ง คนๆนั้นก็จะถูกพูดลับหลังไปตลอดชีวิต และมันก็จะส่งผลต่อชีวิตและการงานในอนาคตอย่างใหญ่หลวง

 

 

พอเขาคิดได้แบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก

 

 

จิ้นหยวนไม่สนใจ ยังคงมองไปที่เขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ทางที่ดีเวลาคุณจะพูดอะไรจะต้องมีเหตุมีผล ไม่อย่างนั้นละก็ผมคงคิดว่าคุณมีเจตนา ถึงตอนนั้นไม่สนว่าคุณจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า แต่ผมก็จะมีบทเรียนให้คุณแน่!”

 

 

วังชิงเงยหน้ามองเขา “ถ้าหลักฐานก็คงพูดอะไรไม่ได้ แต่ยังจำหลายวันก่อนหน้านี้ได้ไหมครับ วันที่นายหญิงมาที่บริษัทด้วย?”

 

 

จิ้นหยวนหน้าเครียด “พูดต่อไป”

 

 

วังชิงสูดหายใจเข้า “ที่จริงเรื่องนั้นก็เหมือนเป็นแค่เรื่องเล็กๆ ครั้งนั้นที่หัวหน้าหลินจะเข้ามาในห้องของท่าน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้า ได้แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วพูดอะไรไม่นานก็ออกมา พวกเราที่เป็นเลขาต่างก็จำเรื่องนั้นได้อย่างชัดเจน”

 

 

เรื่องนั้นจิ้นหยวนเองก็จำได้ ตอนนั้นตัวเองอยากแกล้งเฉียวซือมู่ จึงตั้งใจล็อคประตูห้องเอาไว้ แต่หลังจากนั้นก็ถูกเธอจับได้และปลดล็อคประตูออก หลินจื้อเฉิงไม่ทันระวังก็เปิดประตูเข้ามา แล้วดันได้เห็นฉากสวีทของพวกเขาพอดี เพราะงั้นเฉียวซือมู่ถึงได้โมโหอยู่พักหนึ่ง

 

 

“หลักจากนั่นสักพัก นายหญิงก็ออกมากจากห้อง แล้วพูดอะไรกับพวกเรานิดหน่อย จากนั้นก็เดินออกไป แต่ว่าตอนที่นายหญิงกำลังจะเดินไป เอกสารที่เตรียมจะนำเข้ามาให้ท่านก็ถูกนายหญิงชนเข้าจนตกลงพื้น นายหญิงเก็บมันขึ้นมาแล้วกวาดตาดูเล็กน้อย จากนั้นก็คืนให้ผมครับ” วังชิงตอบกลับ

 

 

จิ้นหยวนรี่ตาลง แววตาเต็มไปด้วยสัญญาณอันตราย “พูดจบหรือยัง?”

 

 

จิ้นหยวนยิ้มเย็น “แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ก็จะเอามาใส่ความแล้วอย่างนั้นหรือ? แค่เวลาไม่กี่วินาทีเธอจะจำตัวเลขที่มากขนาดนั้นได้ยังไงกัน? คุณคิดว่าเธอเป็นเด็กอัจฉริยะที่แค่กวาดตามองก็จำได้หมดงั้นเหรอ? อีกอย่าง เธอเป็นภรรยาของฉัน ฉันเชื่อว่าเธอไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ”

 

 

วังชิงรนขึ้นมา พออ้าปากกำลังจะพูดอะไร กลับถูกจิ้นหยวนขว้างปากกาใส่ มันตกลงบนหัวของเขาพอดิบพอดี จิ้นหยวนเองก็ใส่แรงขว้างด้วยความโกรธ หน้าผากของเขามันบวมขึ้นมา เจ็บจนต้องรีบหุบปากลง

 

 

 

 

ตอนที่ 521 ผมเชื่อใจเธอ

 

 

“คุณยังอยากจะพูดอะไรอีกไหม? หรือว่าจะพูดต่อว่าเธอน่าสงสัย? ผมขอบอกคุณเอาไว้เลยนะ ต่อให้ผมจะต้องสงสัยคนทั้งบริษัทแต่ผมก็ไม่มีทางที่จะสงสัยเธอแน่นอน! ถือว่าคุณอยากจะหลุดพ้นจากข้อสงสัยจนต้องพูดเรื่องเหลวไหล ผมจะไม่เอาเรื่องคุณ ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!” จิ้นหยวนระเบิดคำรามใส่วังชิงอย่างโมโห

 

 

เฉียวซือมู่เป็นผู้หญิงของเขา เป็นแม่ของลูกเขา เขาไม่มีทางเชื่อว่าเธอจะทำเรื่องแบบนี้ได้ ไม่มีทาง!

 

 

สีหน้าวังชิงดูแย่ขึ้นมาทันที เขาแตะมือลงบนรอยบวมบนหน้าผากก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป ไปถึงหน้าประตูแล้วปากมันก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูด เขาหยุดเดิน “ท่านประธาน…”

 

 

“ออกไป!”

 

 

ครั้งนี้จิ้นหยวนนไม่อยากจะฟังเขาพูดอะไรอีก

 

 

วังชิงถอนหายใจ แล้วปิดประตูลง

 

 

ห้องกว้างขวางเหลือคนแค่คนเดียว สีหน้าบึ้งตึงราวกับจะระเบิดออกมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้

 

 

เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่จะเป็นเธอ

 

 

แต่ดูเหมือนว่าความเป็นจริงนั้นกำลังตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขา หลินจื้อเฉิงโทรมาบอกเขาว่า “ท่านประธาน ผมเจออะไรบางอย่าง”

 

 

“เจออะไร?” เขายังคงรู้สึกโมโห ความโมโหมันแล่นไปทั่วอกของเขา แต่ทว่าหลินจื้อเฉิงที่กำลังอารมณ์ดีอยู่นั้นไม่ทันได้สัมผัสได้

 

 

“ท่านประธาน พวกผมเจอรอยนิ้วมือหลายคนบนเอกสาร” หลินจื้อเฉิงรู้สึกภาคภูมิในความฉลาดของตัวเองเป็นอย่างมาก หลังจากที่ไปไล่ถามทุกคนที่เกี่ยวข้อง และค่อยๆมาไล่เรียงลำดับความน่าสงสัยแล้ว เอกสารที่มีบันทึกตัวเลขเอาไว้มากมายก็เผยช่องโหว่ออกมาเสียที

 

 

เขาตั้งใจหาผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาโดยเฉพาะ นำเอกสารไปชันสูตร ค่อยๆแกะลายนิ้วมือที่มีอยู่มากมายออกมา หลังจากนำมารวบรวมแล้ว ก็พบว่ามีรอยนิ้วมือของคนแปลกหน้าเต็มไปหมด เขาดีใจเนื้อเต้นจนต้องรีบโทรมาบอกเรื่องนี้กับจิ้นหยวน

 

 

แต่ทว่าจิ้นหยวนกลับสาดน้ำเย็นจนเขาตื่นจากฝัน “นั่นคงจะเป็นลายนิ้วมือของมู่มู่ วังชิงมาบอกฉันแล้ว เอกสารนั่นมันตกพื้น เธอเห็นก็เลยช่วยเขาเก็บ”

 

 

หลินจื้อเฉิงรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที จากนั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรอีก

 

 

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ดีใจเก้อสินะเนี่ย…”

 

 

เขาเองก็รู้จักกับเฉียวซือมู่ในระดับหนึ่ง แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้สงสัยอะไรในตัวเธอ ก็แค่บ่นกับตัวเองเท่านั้น

 

 

ฝั่งเพื่อนที่กำลังช่วยตรวจสอบลายนิ้วมืออยู่ก็สังเกตเห็นท่าทีที่ดูแปลกไป จึงช้อนตาถามเขา “เป็นไร? ต้องตรวจต่อไหมเนี่ย?”

 

 

หลินจื้อเฉิงคิด แล้วกัดฟันพูดออกไป “ตรวจต่อ”

 

 

ถ้าหากว่ามีร่องรอยอะไรอีกล่ะ? ถ้าหากว่ารอยนิ้วมือนั่นมันเป็นของคนอื่น?

 

 

ผู้เชี่ยวชาญเก็บลายนิ้วมือเข้าคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็เริ่มทำการเทียบรอยนิ้วมือ หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงก็ได้ผลออกมา แล้วมันก็เป็นอย่างที่จิ้นหยวนบอก รอยนิ้วมือนั่นเป็นของเฉียวซือมู่จริงๆ

 

 

เขาพูดออกมาอย่างหมดหวัง ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า “ทั้งที่มีความหวังแล้วกลับต้องผิดหวัง นี่มันช่างแสนเจ็บปวดจริงๆนะ…”

 

 

เพื่อนผู้เชี่ยวชาญที่นั่งอยู่ข้างๆก็เหมือนว่าจะยังไม่ยอมแพ้ ยังคงทำการพิสูจน์ไปเรื่อยๆ พลางถามเรื่องสายที่โทรคุยเมื่อครู่อีกด้วย เขาเองก็ไม่ปิดบัง พูดออกไปตรงๆ

 

 

ผู้เชี่ยวชาญฟังแล้วก็พยักหน้า ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด แม้แต่ลายเส้นสักเส้นก็ไม่ปล่อยให้เล็ดลอดสายตาไป

 

 

ไม่นานนัก จู่ๆเขาก็ขมวดคิ้วแล้วเรียกหลินจื้อเฉิงขึ้นมา “เหมือนว่าจะมีอะไรแปลกๆนะ…”

 

 

หลินจื้อเฉิงยืดตัวตรงขึ้นมาทันที

 

 

ตอนนี้เฉียวซือมู่กำลังทำอะไรอยู่กันนะ?

 

 

กำลังคุยกับฉีหย่วนเหิงไงล่ะ

 

 

หลังจากคืนนั้นที่ได้ติดต่อกัน ความสัมพันธ์แบบเพื่อนระหว่างเธอกับฉีหย่วนเหิงก็ค่อยๆสร้างตัวขึ้นมาอีก แน่นอนว่าพูดแบบนั้นอาจจะไม่ถูกต้องเท่าไร ที่จริงระหว่างพวกเขาไม่เคยแตกหักกันเสียหน่อย ก็แค่การหนทางการติดต่อของฉีหย่วนเหิงมันขาดไปช่วงหนึ่งเท่านั้นเอง

 

 

ตอนนี้ในทุกๆวันเธอก็ไม่ค่อยมีอะไรทำอยู่แล้ว งานอดิเรกที่ชอบทำอยู่อย่างเดียวก็คือการเขียนบทความและวิจารณ์งานเท่านั้น เจอคนที่มีความสนใจเหมือนกันและได้พูดคุยกันบ้าง ผลัดๆกันชมบ้าง