ตอนที่ 624 ไม่มีวันหนีพ้นจวนซิ่นอ๋อง / ตอนที่ 625 ก่อกบฏ

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 624 ไม่มีวันหนีพ้นจวนซิ่นอ๋อง

 

 

นางเป็นลูกสาวของเขา ฟู่จิ่งเข้าใจนางดี

 

 

แม้รู้ว่าเรื่องเฟิงเย่ว์ทำร้ายจิตใจนางมาก ทำให้นางไม่พอใจ แต่เขารู้ดีว่าฟู่เย่ว์อี้ไม่มีวันทอดทิ้งจวนซิ่นอ๋อง

 

 

ไม่เช่นนั้นที่อบรมมาหลายปีคงสูญเปล่า ถึงอย่างไร บุญคุณที่เลี้ยงดูก็ยังอยู่ หลายปีมานี้ เขาดูแลฟู่เย่ว์อี้อย่างดี ให้ของกินของใช้ที่ดีที่สุด ให้นางใช้ชีวิตไม่ต่างจากองค์หญิงในวัง

 

 

ความจริงแล้วฟู่จิ่งยังนึกเสียใจมาก ถ้ารู้ว่าเรื่องตระกูลเฟิงจะทำให้ฟู่เย่ว์อี้เอาใจออกหากจากเขา เขาคงไม่ทำอย่างนั้น เวลานี้กลับไม่ได้อะไรขึ้นมา แล้วยังสูญเสียผู้ช่วยคนสำคัญ เรื่องนี้พอคิดแล้วเขารู้สึกเสียใจมาก

 

 

“ท่านอ๋อง เตรียมการเรียบร้อยแล้ว อีกสองวันก็ดำเนินงานได้”

 

 

ฟู่จิ่งเคาะโต๊ะชาข้างหน้า ฟู่เฉินหรงพอได้รับชัยชนะกลับมาก็หมกมุ่นอยู่กับซูจิ่วซือ เริ่มจากให้ช่างปักเจียงหนานปักชุดแต่งงาน จากนั้นก็ไปที่จวนตระกูลมู่บ่อยๆ จัดพิธีแต่งงานกับซูจิ่วซืออย่างเอิกเกริก

 

 

เวลานี้ผู้คนทั่วแผ่นดินรู้ว่าฟู่เฉินหรงรักใคร่พระชายารัชทายาทเป็นพิเศษ

 

 

การกระทำทั้งหมดนี้ทำให้ฟู่จิ่งดูแคลนมาก เพิ่งตั้งตัวได้ก็ลุ่มหลงอิสตรี ฟู่เฉินหรงดีใจเร็วเกินไป

 

 

“องค์รัชทายาทของเรากำลังหมกมุ่นกับความรัก เป็นโอกาสให้เราลงมือ”

 

 

พอพูดถึงเรื่องนี้ ฟู่จิ่งก็แสดงสีหน้าดูแคลน

 

 

“องค์รัชทายาทยังหนุ่มยังแน่น เวลานี้แต่งงานกับสาวสวยที่คิดถึงทั้งวันทั้งคืน ย่อมหมกมุ่นป็นธรรมดา จนละเลยหน้าที่การงาน”

 

 

ฟู่จิ่งยิ้มหยัน “ผู้หญิงคนหนึ่งก็ทำให้เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างนี้ไม่สมควรเป็นฮ่องเต้ ถ้าเขาครองบัลลังก์จริงๆ วันหลังแผ่นดินแคว้นเจียงคงตกอยู่ในกำมือของผู้หญิงคนนั้น และผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแคว้นเว่ย

 

 

ไม่ว่าอย่างไรแผ่นดินแคว้นเจียงเราต้องไม่ให้คนภายนอกมายุ่งเกี่ยว คราวนี้ เราต้องสำเร็จแน่”

 

 

โอกาสก่อกบฏมีเพียงครั้งเดียว ถ้าสำเร็จก็บรรลุการใหญ่ ถ้าล้มเหลวก็สูญเสียทุกอย่าง หมากตานี้ต้องไม่พลาดเด็ดขาด พอเดินแล้วไม่มีโอกาสแก้ตัวอีก

 

 

ความจริงแล้วในใจเขาไม่ได้มั่นใจว่าต้องชนะแน่นอน แต่ก็ไม่เสียใจที่ได้ทำลงไป ถ้าไม่เดินหมากตานี้ ตลอดชีวิตเขาคงไปไม่ถึงตำแหน่งนั้น เขาวางแผนมายี่สิบปี ย่อมไม่ยอมให้ตำแหน่งฮ่องเต้หลุดไปได้

 

 

“ครั้งนี้เราวางแผนอย่างแยบยล ท่านอ๋องต้องสำเร็จแน่”

 

 

จางอิ่งแม้ในใจจะกังวล แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้ ก็ได้แต่มุ่งหน้าต่อไป พอตอบรับอย่างนี้แล้ว จางอิ่งก็ถามต่อ “ท่านอ๋อง ทางไป๋โหรวจะให้จัดการอย่างไร”

 

 

“มอบให้เย่ว์อี้เป็นคนจัดการ! เย่ว์อี้รู้ว่าข้าจะทำอะไร ไป๋โหรวอยู่แคว้นเว่ยหลายปี มีพระธิดา เกรงว่าจะมีใจออกห่างอยู่แล้ว วันหลังให้เย่ว์อี้เป็นคนควบคุมนาง

 

 

เจ้าไปบอกพระชายา ให้เขียนจดหมายถึงเย่ว์อี้ ข้าเองก็จะเขียนอีกฉบับหนึ่ง มานี่ เตรียมหมึก”

 

 

ฟู่จิ่งพูดจบก็เรียกสาวใช้เข้ามาเตรียมหมึกให้ ช่วงนี้เขาคิดดีแล้ว ถ้าทิ้งฟู่เย่ว์อี้ลูกสาวคนนี้ไปก็น่าเสียดาย เพราะหลายปีมานี้เขาทุ่มเทอบรมนางมาตลอด

 

 

ในเมื่อนางโทษเขาที่ไม่ได้ปกป้องนาง ถ้าเช่นนั้นเขาผู้เป็นพ่อก็ต้องลดศักดิ์ศรีความเป็นอ๋อง เขียนจดหมายขอโทษนาง เลือดข้นกว่าน้ำ เขาไม่เชื่อว่าฟู่เย่ว์อี้จะไร้น้ำใจถึงขั้นนั้น

 

 

เขาอยากให้ฟู่เย่ว์อี้ช่วยเขาจัดการงานทางแคว้นเว่ย เขาไม่เชื่อมั่นในตัวไป๋โหรวเวลานี้

 

 

สำหรับแคว้นเว่ย เขามีแผนการของตนเอง หากเขาแพ้ ฟู่เย่ว์อี้ก็ยังช่วยเขาจัดการงานทางนั้นได้

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 625 ก่อกบฏ

 

 

คืนวันที่สอง ซูจิ่วซือไม่ได้หลับทั้งคืน ฟู่เฉินหรงออกไปนานแล้ว ยังไม่กลับมา และไม่ได้ข่าวคราวเลย นางรู้ว่าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงในวังหลวง จึงนอนไม่หลับ

 

 

กลางดึก ห้องของนางยังคงจุดไฟ นางนั่งอ่านหนังสือใต้แสงตะเกียง แต่ไม่อาจสงบใจได้ รู้สึกกระวนกระวายใจ

 

 

ปิงซินเข้านอนนานแล้ว อาหลานอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนซูจิ่วซือ

 

 

พอเห็นว่าใกล้ยามสามแล้ว ซูจิ่วซือก็เตือน “อาหลาน ไปนอนเถอะ!”

 

 

อาหลานสั่นหัว “บ่าวไม่ง่วง คงนอนไม่หลับ อยู่เป็นเพื่อนพระชายารัชทายาทดีกว่า”

 

 

นั่งเป็นเวลานาน แต่ซูจิ่วซืออ่านหนังไปได้ไม่กี่หน้า ก็วางหนังสือในมือลง น้ำเสียงวิตก “ไม่รู้ข้างนอกเป็นอย่างไร ดึกปานนี้แล้ว ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย”

 

 

อาหลานรู้ว่าซูจิ่วซือเป็นห่วงฟู่เฉินหรง จึงพูดขึ้น “พระชายารัชทายาท บ่าวไปสืบสถานการณ์ข้างนอกเอง”

 

 

พอได้รับอนุญาตจากซูจิ่วซือ อาหลานก็รีบออกจากห้องของซูจิ่วซือ

 

 

ซูจิ่วซือลุกขึ้นยืนริมหน้าต่าง มองออกไปข้างนอก ในใจเริ่มวิตก

 

 

แม้ฟู่เฉินหรงไม่ได้บอกอะไร แต่นางคาดเดาได้ คืนนี้ฟู่จิ่งจะลงมือ

 

 

นางรู้ว่าฟู่จิ่งไม่มีทางชนะ แต่ก็ยังเป็นห่วงฟู่เฉินหรง กลัวว่าเขาจะเกิดเรื่อง ต้องรอให้เขากลับมาอย่างปลอดภัยนางจึงจะวางใจได้จริงๆ

 

 

แต่ไหนแต่ไร นางเป็นคนหนักแน่น แทบไม่มีอะไรทำให้นางวิตกทุกข์ร้อน แต่เรื่องเกี่ยบกับฟู่เฉินหรงทำให้นางกังวลได้ง่าย ความเป็นห่วงทำให้เกิดสภาพอย่างนี้

 

 

เวลานี้ในวังหลวงเกิดสถานการณ์ขึ้น ฟู่เฉินหรงในชุดเกราะสีทองนำทหารโอบล้อมฟู่จิ่งไว้ คนของฟู่จิ่งบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เหลือเพียงทหารคนสนิทยี่สิบกว่าคนติดตามฟู่จิ่ง

 

 

ฟู่จิ่งในชุดเกราะสีเงิน ที่พื้นเต็มไปด้วยศพเกลื่อนกลาด พอเห็นทหารใกล้ชิดเหลือไม่กี่คน เขารู้ตัวว่าแพ้แล้ว และอดหัวเราะไม่ได้ “เจ้ากับฝ่าพระบาทร่วมมือกันเล่นละครนี่เอง”

 

 

ฟู่เฉินหรงถือกระบี่ สีหน้าเ**้ยมเกรียม มองฟู่จิ่งอย่างเย็นชา “ท่านอา นี่คือกลจับตะพาบน้ำในอ่าง ใช้ได้หรือไม่”

 

 

“ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ข้าแพ้แล้ว จะฆ่าจะลงทัณฑ์แล้วแต่เจ้า ไม่มีอะไรต้องพูด”

 

 

พูดจบฟู่จิ่งก็โยนกระบี่ในมือลงพื้น ตอนออกเดินทางเขายังนึกว่าตนต้องชนะแน่ นึกไม่ถึงว่าตนไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย พวกเขารอให้ตนกระโดดลงไป

 

 

จากนั้น มีเงาคนสีทองเดินออกมา เงาของซุ่นตี้ไม่ตั้งตรงแล้ว พระองค์ทรงไพล่พระหัตถ์ไว้ข้างหลัง สีพระพักตร์ซับซ้อน ผู้ก่อกบฏครั้งนี้เป็นพระโอรสของพระองค์เอง สองพ่อลูกปะทะกันด้วยกำลังทหาร พระองค์ทรงรู้สึกเสียพระทัยมาก

 

 

พอเห็นซุ่นตี้เสด็จออกมา ทุกคนต่างถวายบังคม ฟู่เฉินหรงเดินเข้าไป ทูลเรียกพระอัยกา

 

 

ซุ่นตี้ทรงโบกพระหัตถ์ ทอดพระเนตรมองฟู่จิ่ง “เหตุการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าสำนึกผิดหรือไม่”

 

 

ฟู่จิ่งยิ้มหยัน ไม่มีทีท่าสำนึกผิดแม้แต่น้อย “ลูกผิดตรงไหน ในฐานะเป็นพระโอรส มีใครบ้างไม่อยากได้ตำแหน่งนี้ ลูกวางแผนมายี่สิบกว่าปีแล้ว พระบิดาเองก็ป้องกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว ครั้งนี้ยังวางแผนจับลูกด้วยพระองค์เอง คิดแล้วพระบิดาคงจะพอพระทัยมาก!”

 

 

ซุ่นตี้ทรงชี้หน้าฟู่จิ่ง พระหัตถ์เริ่มสั่น “เจ้าลูกอกตัญญู เจ้าวางแผนฆ่าพี่ชายเจ้า กว่าจะตามหาเฉินหรงกลับมาไม่ใช่ง่ายๆ เจ้ากลับหาทางสังหารเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้ยังคิดจะสังหารเพื่อชิงบัลลังก์ ฟู่จิ่ง เจ้าบังอาจจริงๆ”