ตอนที่ 435 เหมือนมีดร้อนผ่าเนย

Legend of the mythological genes

ตอนที่ 435 เหมือนมีดร้อนผ่าเนย

 

หลุมดําอยู่ตรงหน้าพวกเขา

 

ความมืดอยู่ทุกหนแห่ง หลุมนี้สามารถกลืนได้ทั้งสสารและพลังงาน และแม้แต่แสง

 

หลุมดําวิญญาณคืออาวุธสงครามจากเผ่าวิญญาณ

 

หากมันคือเฟิงหลินในอดีต เขาคงไม่กล้าปะทะกับมันซึ่งๆหน้า

 

แต่ตอนนี้ เขาแตกต่าง สถานะพลังเขาเกินกว่าหมื่น และพลังเขาก็เทียบได้กับอาณาจักรผู้ใช้ยีน นี่พอจะรับประกันว่าเขาสามารถเอาตัวรอดได้

 

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสหายที่แข็งแกร่งกว่าเขา มันพอเป็นไปได้ที่จะฆ่าหลุมดําวิญญาณ

 

และแหล่งความมั่นใจจริงๆของหลินฮวงก็คือเม็ดยาตะกั่วทองกลั่นเข้ม

 

เม็ดยานี้ถือเป็นพิษร้ายต่อเผ่าวิญญาณ

 

กายพลังงานสามารถช่วยให้เผ่าวิญญาณเมินเฉยต่อข้อจํากัดทางร่างกายได้ ดังนั้น พวกมันจึงต้านทานต่อการโจมตีทางกายภาพทุกชนิด แต่เพราะโครงสร้างร่างกายพวกมันทําจากพลังงาน เมื่อจุดอ่อนถูกพบ พวกมันจึงพบกับการโจมตีพลังงานที่สามารถฆ่าหรือทําลายพวกมันได้ พวกมันจะเสียพลังต่อสู้หรือแม้แต่ชีวิตทันที

 

เฟิงหลินร่วมมือกับพวกจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ ชุดเกราะเทพแห่งแสงพวกเขาปล่อยไฟร้อนแรงออกมาขณะเร่งความเร็วผ่านอวกาศ

 

เป้าหมายพวกเขาไม่ใช่อะไรนอกจากหลุมดําที่อยู่ทางซ้ายของระบบดาววิญญาณ(หลุมขาว)

 

โฮก กรี๊สส

 

คลื่นไอออนแม่เหล็กไฟฟ้าพุ่งมา คล้ายกับเสียงคําราม มันทําให้สัญญาณของชุดเกราะแผดเสียงเตือน

 

“ระวัง!”จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์ยืนด้านหน้าสุด เธอส่งเสียงเตือนและจากนั้นก็กําหมัด ปรากฏเป็นดาบสีขาวบริสุทธิ์สองเล่มในมือเธอขณะที่เธอตั้งท่าต่อสู้

 

เฟิงหลินและคนอื่นมีสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาถือดาบแสงไว้ในมือเช่นกัน

 

จากนั้น แสงตรงหน้าพวกเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวขณะที่วิญญาณขนาดมหึมาอยากล้อมพวกเขาทั้งหมดจากทุกทิศทาง แต่ละตัวเป็นอสูรวิญญาณขนาดใหญ่ที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า

 

แสงจากตัวพวกมันรวมกันอย่างรวดเร็ว คล้ายกับสิ่งมีชีวิตทางชีววิยาที่เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ ยิงกระสุนปืนใหญ่แม่เหล็กไฟฟ้าออกมา สร้างเป็นคลื่นพลังงานรุนแรงที่ระเบิดไปข้างหน้า

 

ครื่นน

 

เสาพลังงานหนาจํานวนมากระเบิด ลําแสงพลังงานตัดกันอย่างไม่หยุดยั้งในอวกาศ ต้องการทําลายทุกสิ่งตรงหน้าพวกเขา พวกมันอยากใช้การโจมตีเพื่อทําลายมนุษย์ทั้งหมดที่กล้าเข้าระบบดาววิญญาณของพวกมันมา

 

ฆ่า!

 

เสียงการฆ่าฟันดังก้อง

 

ฟู่

 

เงาดาบเงื่อนลงอย่างไร้ปรานี้และผ่าเสาพลังงานหนาออกจากกัน

 

จากนั้นพวกมันก็ไหลย้อนกลับ พุ่งออกไปเหมือนกระแสน้ําที่มีแรงผลักดันรุนแรง

 

ผู้บ่มเพาะทุกคนกระจายตัวไปในอากาศเหมือนกลีบดอกไม้ พวกเขาจับกลุ่มเล็กๆและเริ่มปะทะกับอสูรวิญญาณยักษ์

 

ร่างขนาดมหึมาจํานวนมากลอยไปในอวกาศ ทําให้เกิดความผันผวนเดือนคลื่นทะเลไม่สงบ

 

“เปิดทางให้ฉัน!”เสียงตะโกนดังขึ้น ตามด้วยดาบแสงแหลมที่เจาะใส่ร่างของอสูรยักษ์ ฉีกมันจากบนลงล่าง

 

ร่างยักษ์ถูกแยกเป็นสองส่วนตั้งแต่หัวจรดหาง พลังงานสีรุ้งพุ่งกระฉุดออกมา คล้ายกับเลือด

 

เฟิงหลินประสานมือ เปิดใช้งานเขตปกครองราชาลิง เปลี่ยนเป็นกําแพงใส่ที่ปกป้องเขา

 

จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าสนามรบ เริ่มปะทะกับอสูรวิญญาณ

 

แม้ร่างของอสูรวิญญาณเหล่านี้จะไร้รูปแบบและยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า พวกมันก็ไม่สามารถเล็ดลอดการรับรู้ทางวิญญาณของเฟิงหลินได้

 

เขตปกครองราชาลิงได้แยกพื้นที่ทั้งหมดและขัดขวางการรุกล้ําของพลังงานภายนอกทั้งหมด

 

ดาบแสงในมือเชิงหลินสะบัดไม่หยุด เปลี่ยนเป็นลําแสงนับล้านที่ระเบิดออกไปทั่ว

 

ชุดเกราะเทพแห่งแสงถูกสร้างจากเทคโนโลยีขั้นสูงสุดของมนุษยชาติ และดาบแสงก็ถูกหลอมจากพลังงานมืด มันไม่ใช่วัตถุ แต่มีพลังพอจะทําลายทุกสิ่ง

 

ทุกที่ที่คมดาบพุ่งผ่าน อสูรวิญญาณจะถูกแยกเป็นสองส่วน

 

ด้วยอาวุธที่ทรงพลังในมือ เฟิงหลินจึงจัดการศัตรูได้ทั้งหมด

 

ข้อมือเขาบิดงอและดาบแสงก็ร่ายรํารอบตัว สร้างเป็นพื้นที่โดดเดี่ยวอย่างสมบูรณ์

 

เมื่ออสูรวิญญาณเข้ามาใกล้ พวกมันจะถูกทําลายทันที

 

จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์และคนอื่นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเช่นกัน พวกเธอหันหลังชนกันและปกป้องจุดอ่อนของกันและกัน สนับสนุนกัน

 

ด้วยการผสมผสานจุดแข็ง การป้องกันของกลุ่มจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์จึงปลอดภัยเหมือนเมืองที่ได้รับการปกป้องด้วยกําแพงเหล็กและคูน้ําเดือด

 

กลุ่มพวกเขายังคงเดินหน้าต่อไปเหมือนสว่านที่ขุดเจาะลึกไปเรื่อยๆ สวนกระแส ทุกที่ที่พวกเขาผ่าน ศัตรูจะระเบิดและกระจายเหมือนควัน เปลี่ยนเป็นพลังงานโกลาหลที่กระจายไปทั่ว

 

อัง อัง อัง!

 

จู่ๆกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าก็ระเบิดอย่างรุนแรงสามครั้ง เงาขนาดใหญ่ของหลุ่มดาวิญญาณปกคลุมเฟิงหลิน จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์และคนอื่นตั้งใจจะสะกดข่มพวกเขา

 

ปากของหลุมดําวิญญาณเปิดกว้างขณะที่แรงดูดรุนแรงเผยออกมา อยากกลืนเฟิงหลินและทุกคนเข้าไป

 

“ฆ่าพวกมันให้หมด!อย่าถอยเด็ดขาด!” จ้าวเยวี่ยเอ๋อร์สั่งอย่างเด็ดขาด เธอไม่เลือกถอย แต่บุกเข้าไปแทน

 

เมื่อทุกคนได้ยิน สีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไปขณะรีบตามหลังเธอไป

 

อสูรวิญญาณขนาดมหึมาสามตัวพุ่งเข้ามา การเคลื่อนไหวของพวกมันทําให้อวกาศรอบๆนั้นปั่นป่วน

 

เฟิงหลินและคนอื่นอยู่ในบริเวณ พวกเขาเหมือนเรือลําเล็กบนมหาสมุทรกว้าง ต้องทนกับพายุรุนแรง

 

พวกเขากระตุ้นพลังพันธุกรรมให้ถึงระดับสูงสุด มุ่งเน้นไปที่การป้องกันและเพิ่มความมั่นคงของร่างกาย

 

“กระจาย!”มือของจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์โบกลงอย่างแรงและทุกคนก็กระจัดกระจายไปทันที หลีกเลี่ยงการโจมตี เปลี่ยนเป็นจุดแสงดาว ดาบแสงในมือพวกเธอปลดปล่อยชุดการโจมตีใส่อสูรวิญญาณ ตั้งใจจะฆ่าพวกมัน

 

7ดาบสกัดจุด!

 

วิชาดาบแสงลงทัณฑ์!

 

ฝนดาบดาวตก!

 

 

พื้นฐานบ่มเพาะของคนเหล่านี้คือระดับผู้ใช้ยืนเป็นอย่างต่ํา และพวกเขาก็ล้วนเชี่ยวชาญวิชาพันธุกรรมทุกประเภท ความเชี่ยวชาญในวิชาดาบพวกเขาย่อมไม่ขาดเช่นกัน

 

ด้วยดาบแสงในมือ พวกเขาปลดปล่อยการโจมตีอย่างเกรี้ยวกราด ทําให้ปราณดาบหลั่งไหลไปทั่วและฟันทุกอย่างที่ขวางทาง

 

อสูรวิญญาณยักษ์อาจดุร้ายมาก แต่ภายใต้การโจมตี พวกมันดูกระด้างและไม่ยืดหยุ่น พวกมันได้รับบาดเจ็บสาหัส ทําให้คํารามด้วยความโกรธ

 

บูช!

 

มือของเฟิงหลินจับดาบแน่น ส่งถ่ายพลังลิงหัวใจเขาไป ดาบแสงยาวสามเมตรได้รับการเสริมพลังและขยายเหมือนบอลลูนเหมือนฉีดอากาศเข้าไป กลายเป็นดาบยักษ์ยาวกว่า 30 เมตร ขยายขึ้นเป็นสิบเท่า

 

พลังลิงหัวใจใช้พลังทางอุดมคติเพื่อให้มีอิทธิพลต่อโลกจริง

 

จากนั้นแสงสีเงินก็ตัดผ่านอากาศ

 

อสูรวิญญาณยักษ์ที่ขาดการเคลื่อนไหวถูกโจมตี รอยแยตกบางๆปรากฏขึ้นบนร่างกายมัน สุดท้าย มันก็แยกเป็นสองส่วน เปลี่ยนเป็นกระแสพลังงานรุนแรงตอนมันระเบิด

 

กลุ่มอสูรวิญญาณและอสูรวิญญาณยักษ์ถูกฆ่าด้วยการระเบิดพลังงาน ทําให้เกิดหลุมขนาดใหญ่บนกลุ่มพวกมัน

 

หวด หวด หวด

 

เฟิงหลินตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

 

ทรงกลมสีทองขนาดเล็กจํานวนมากที่คล้ายกับกลุ่มดาวหมุนรอบตัวเขา ทั้งหมดคือเม็ดยาตะกั่วทอง ด้วยการผลักดันจากพลังวิญญาณเขา พวกมันพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งคล้ายกระสุน

 

วินาทีที่อสูรวิญญาณถูกพวกมันเจาะ พวกมันจะระเบิดกลายเป็นบอลไฟที่ปะทุเหมือนพลุไฟ

 

ทุกคนใช้วิธีการของตัวเอง พวกมันแหวกผ่านคลื่นกองทัพวิญญาณเหมือนมีดร้อนผ่าเนย

 

เฟิงหลินยืนอยู่แถวหน้าของกลุ่ม ดวงตาเขาสงบนิ่ง สะท้อนให้เห็นเงาที่อยู่ในช่องว่างของความมืดมิด มันคือหลุมดําวิญญาณ

 

อึดใจต่อมา เขาก็ทะยานไปข้างหน้า เคลื่อนเข้าหามัน