สู้กับหลิ่วเหยียน

บนท้องฟ้าเหนือภูเขากระดูกขาว

หลิ่วเหยียนยืนเอามือไพล่หลัง ดวงตาเปล่งประกายแสงเย็นเยือก อึดใจเขาก็หายใจเข้าเบาๆ ขณะที่สายตาเปลี่ยนเป็นเฉยเมย

“ช่างเป็นไอ้โง่อะไรขนาดนี้…”

เขาพึมพำกับตัวเอง จากนั้นรอยยิ้มน่าขนลุกก็โค้งบนมุมปาก เขาจ้องมองมู่เฉินพลางเอ่ยเสียงเบา “แต่ข้าไม่ให้โอกาสแกที่จะเสียใจในตัดสินใจแล้ว”

“ดังนั้นข้าจะให้แกพกความเสียใจลงนรกไปด้วย”

หลิ่วเหยียนแสยะยิ้มเย็นเท้าก้าวมาข้างหน้า ทันทีที่ฝ่าเท้าเหยียบลงไป มหาสมุทรคลื่นหลิงกว้างใหญ่ก็ระเบิดออกมาจากทุกทิศทาง คลื่นหลิงสีแดงสดปกคลุมขอบฟ้า เมื่อมองจากที่ไกลก็ดูราวกับท้องฟ้ากำลังลุกไหม้

พลังของหลิ่วเหยียนเหนือกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ธรรมดา นับว่าอยู่ในระยะปลายสุดแล้ว เทียบกับฉิงเปยแดนร้อยสงคราม เขาถือว่าทรงพลังมากกว่าหลายเท่า

ภายใต้แรงกดดันนี้ หากเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามธรรมดาคงจะไม่ต่างจากมดตัวหนึ่งที่ไร้หนทางตอบโต้ นี่คือความมั่นใจในตัวเองของหลิ่วเหยียน

มู่เฉินมองคลื่นหลิงกว้างใหญ่สีแดงเพลิง ดวงตาก็หดเกร็งลงเล็กน้อย ในแววตาปรากฏความเคร่งเครียดเบาบาง สำหรับศัตรูอย่างหลิ่วเหยียน เขาไม่เคยคิดจะประมาทเลย

ไม่กี่เดือนก่อนหน้า มู่เฉินรู้ว่าหากสู้กับหลิ่วเหยียน โอกาสจะชนะมีน้อยนิดแน่ ดังนั้นเขาจึงอดทนต่อการท้าทายของหลิ่วเหยียนในตอนนั้นไว้

แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นที่ต้องทนอีกต่อไป สามเดือนที่ผ่านมาทำให้เขาบรรลุขุมพลังได้ แม้จะยังมีช่องว่างอยู่บ้างระหว่างขั้นสามกับขั้นสี่อย่างหลิ่วเหยียน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปที่จะเอาชนะสำหรับมู่เฉิน

เสาปีศาจลอยคว้างที่ด้านขวามือของมู่เฉินขณะรังสีชั่วร้ายกวาดออก มู่เฉินมองหลิ่วเหยียนที่มีคลื่นหลิงเชี่ยวกรากอยู่เบื้องหลัง ก็ทำท่ากอด เสาปีศาจกลายเป็นเงาสายหนึ่งฟาดใส่หลิ่วเหยียนอย่างไร้ปรานี

หลิ่วเหยียนมองเสาปีศาจที่พุ่งลงมาก็กำมือ หอกยาวสีแดงสดปรากฏขึ้นพร้อมกับเปลวไฟไหลเวียนบนตัวหอกยาว

เคร้ง!

หอกยาวสีแดงสดเสือกออกไป ปลายหอกที่ดูเล็กบางกลับหยุดเสาปีศาจเอาไว้ได้ โดยที่ตัวหอกงอลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทันทีที่โจมตี หลิ่วเหยียนก็ได้แสดงพลังน่าตกใจของจอมยุทธ์อันดับสี่บนบันทึกมังกรหงส์

ฮึ่ม!

หอกยาวสีแดงสั่นไหวขณะที่คลื่นหลิงน่าสะพรึงระเบิดออก แรงทำให้เสาปีศาจกระเด็นกลับไป อึดใจหลิ่วเหยียนก็ซัดหอกออกไปโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน

“ตู้ม!”

จังหวะที่หลิ่วเหยียนซัดหอก เสาลาวาก็ระเบิดออก คลื่นหลิงรุนแรงและแผดเผา ทำให้อุณหภูมิในบริเวณนี้พุ่งสูงขึ้นฉับพลัน

ลาวาข้ามผ่านขอบฟ้าบินฉวัดเฉวียนไปที่มู่เฉินราวกับมังกรไฟ

มวลคลื่นความร้อนกวาดออก คลื่นหลิงทรงพลังราวกับจะฉีกขาดขอบฟ้าออกจากกัน มู่เฉินมีสีหน้าเคร่งขรึม มิติเบื้องหลังบิดเบี้ยว จุดจื้อจุนไห่ปรากฏเบาบาง จากนั้นเขาก็เทคลื่นหลิงเข้าไปในเสาปีศาจ ก่อนจะฟาดลงมา

เสาปีศาจและสายลาวาปะทะกันบนท้องฟ้า ทันใดนั้นลาวาก็กระเซ็นไปทุกทิศทางราวกับฝนเพลิง จุดที่ปะทะกันแม้แต่มิติยังบิดเบี้ยว

ลาวาระเบิด มู่เฉินก็ถอยออกมาพร้อมกับเสาปีศาจ ด้านบนเสาเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานด้วยอุณหภูมิสูงที่เกือบจะทำละลาย แต่สุดท้ายก็ถูกสลายไปด้วยรังสีชั่วร้ายของเสาปีศาจ

มู่เฉินรู้สึกถึงความด้านชาในมือ คิ้วขมวดเข้าหากัน หลิ่วเหยียนสมกับตำแหน่งอันดับสี่บนบันทึกมังกรหงส์ หลังจากแลกกระบวนท่ากัน มู่เฉินก็เข้าใจว่าหลิ่วเหยียนทรงพลังเพียงใด เมื่อสู้กันตัวต่อตัว อีกฝ่ายได้เปรียบอย่างเห็นชัด

“ถ้านี่ดีที่สุดที่แกมี ข้าก็รู้สึกผิดหวังไปเลย”

หลิ่วเหยียนแค่นเสียงขณะยืนกลางอากาศ ตราประทับวาดขึ้นในมือทั้งคู่ มหาสมุทรคลื่นหลิงสีแดงสดกวาดออก ก่อร่างเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ตบลงบนร่างมู่เฉิน

“ฝ่ามือผลาญปีศาจ!”

ฝ่ามือเพลิงกดลงมาจากขอบฟ้าพร้อมกับลวดลายสีดำเต็มฝ่ามือ พลังทำลายล้างครอบงำกระจายออกมาเบาบาง

แม้หลิ่วเหยียนจะเยาะเย้ย แต่การโจมตีกลับไร้ปรานีอย่างสิ้นเชิง ไม่ปล่อยให้มู่เฉินมีเวลาหายใจ เห็นได้ชัดว่าหลิ่วเหยียนตั้งใจสังหารเขาด้วยความเร็วสูงสุด

มู่เฉินมองหลิ่วเหยียนที่มีพลังคมชัดมากขึ้นก็สูดหายใจลึก ม่านตาเปลี่ยนเป็นสีดำลึกล้ำพร้อมกับเส้นผมงอกยาวอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่อึดใจผมยาวก็ปลิวไสวรูปลักษณ์นี้ของมู่เฉินมองเป็นผู้ใหญ่ไร้ซึ่งขีดจำกัด สายตาไม่มีริ้วกระเพื่อมใดๆ ทำให้ผู้อื่นไม่กล้าประมาท

เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าสู่สภาวะฤทัยปีศาจแล้ว

ภายใต้สภาวะนี้ มู่เฉินจะควบคุมคลื่นหลิงได้สมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นระดับที่ปกติยากจะไปถึง

มู่เฉินแตะฝ่าเท้าไปปรากฏตัวเหนือยอดเสาปีศาจ คลื่นหลิงสองชนิดพวยพุ่งบนฝ่ามือ จากนั้นมู่เฉินก็วาดตราประทับด้วยมือทั้งสองด้วยความเร็วปานสายฟ้า

“โฮก!”

เสียงมังกรและคชสารคำรามลั่นในทันที ลำแสงสองสายพุ่งออกมาจากจุดจื้อจุนไห่เบื้องหลัง แล้วไขว้พันกัน เปลี่ยนเป็นจานแสงมังกรคชสารพุ่งเข้าห้ำหั่นกับฝ่ามือปีศาจที่กดลงมาอย่างหนักหน่วง

ตึง!

ประกายไฟระเบิดบนท้องฟ้า ราวกับภาพดอกไม้ไฟตระการตาที่เจิดจ้าและอันตราย

เมื่อกลุ่มควันลุกโชน ร่างร่างหนึ่งก็ทะยานออกมาปรากฏตัวเบื้องหน้าหลิ่วเหยียนในพริบตา ผมยาวสีดำปลิวไปตามสายลม ฝ่ามือข้างขวาของมู่เฉินที่มาพร้อมกับสายฟ้าไร้รูปร่างพุ่งเป้าไปที่อีกฝ่าย

ตู้มมม!

สายฟ้าสว่างวาบขณะที่หลิ่วเหยียนกระตุกตัวทันที เสียงสายฟ้าครางฮึ่มฮั่มกรีดแทงในหัวใจ เมื่อสายฟ้าแผดเสียง ก็ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายของเขาสั่นกระเพื่อม

“นี่คือ…สายฟ้าฤทัยปีศาจดำรึ?!” สายตาของหลิ่วเหยียนเปลี่ยนไป เขาสมกับเป็นนายน้อยตำหนักสุดนภาจริงๆ มีความรู้ลึกซึ้ง สามารถรู้ถึงพลังการโจมตีของมู่เฉินได้ในทันที

ตู้มๆๆๆ!

ใบหน้าของมู่เฉินสงบนิ่งไร้ริ้วอารมณ์ เวลาเดียวกันเมื่อมือขวาพุ่งไปที่หลิ่วเหยียนพร้อมกับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำพวยพุ่ง เพลิงสีม่วงก็ลุกโชนบนมือซ้าย พุ่งตรงไปที่หน้าอกของหลิ่วเหยียนปานสายฟ้าฟาด

นี่เป็นการโจมตีที่สมบูรณ์แบบที่บีบให้หลิ่วเหยียนต้องล่าถอยแบบทุลักทุเล เนื่องจากคลื่นหลิงในร่างสั่นสะท้านด้วยสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ มิหนำซ้ำมู่เฉินยังใช้โอกาสนี้ซัดการโจมตีอีกชุดด้วย

หลิ่วเหยียนไขว้แขนตรงหน้าปล่อยปราการคลื่นหลิง ต้านทานคลื่นหลิงที่แทรกเพลิงสีม่วงไว้ แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายก็คือแขนเสื้อไหม้เป็นผุยผง แม้แต่ท่อนแขนก็ยังไหม้เกรียมอีกด้วย ถึงเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็มีสภาพดูไม่จืดเลย

หลิ่วเหยียนถอยออกไปหลายร้อยจั้ง ข่มเสียงฟ้าคำรามในใจไว้ แต่เมื่อมองแขนที่มีรอยไหม้ดำ สีหน้าของเขาก็อดคล้ำลงไม่ได้

ขณะที่มู่เฉินแลกกระบวนท่ากับหลิ่วเหยียน ก็มีร่างแสงจากด้านนอกภูเขากระดูกขาวเริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คนเหล่านั้นก็คือจอมยุทธ์ที่ฝ่าด่านป้องกันของเหล่าวานรขาวมาได้

เมื่อพวกเขามาถึงบริเวณนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปเมื่อเห็นมู่เฉินกับหลิ่วเหยียนห้ำหั่นกันด้วยความกลัวพล่านในดวงตา แต่ละคนไม่กล้าก้าวเข้าไปใกล้ทั้งคู่

เพราะสถานะของหลิ่วเหยียนที่เป็นจอมยุทธ์อันดับสี่บนบันทึกมังกรหงส์ทำให้พวกเขาเกรงขามอยู่ไม่น้อย

ทว่าพวกเขาก็มีไหวพริบ ชัดว่าต้องการแค่มองดูเฉยๆ แต่ตอนแรกพวกเขาคิดว่าการดวลครั้งนี้คงอยู่ไม่นาน เนื่องจากมู่เฉินกับหลิ่วเหยียนไม่ได้มีพลังระดับเดียวกันเลย

อย่างไรก็ตามความคิดนี้คงอยู่เพียงครู่หนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะเห็นหลิ่วเหยียนตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ เหล่าจอมยุทธ์ที่เฝ้ามองอดไม่ได้ที่จะม่านตาหดลงด้วยความตกตะลึงในใจ พวกเขาไม่กล้าสบประมาทมู่เฉินอีกต่อไป

ใบหน้าของหลิ่วเหยียนเขียวคล้ำเมื่อมองมู่เฉิน ทว่ามู่เฉินที่เข้าสู่สสภาวะฤทัยปีศาจก็ไม่สนใจสายตาน่าขนลุกนั่นสักนิด เขาเคลื่อนตัวพุ่งออกไป มือขวาที่เป็นประกายสายฟ้าไร้รูปร่างยกขึ้นอีกครั้ง

เห็นดังนี้แล้ว หลิ่วเหยียนก็ตกใจรีบตั้งสมาธิเตรียมข่มสายฟ้าฤทัยปีศาจดำประหลาดนั่นอีกครั้ง

โฮก!

แต่ขณะที่เขาเตรียมรับมือกับเสียงฟ้ากัดกร่อนในร่าง ฝ่ามือมู่เฉินก็วาดกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว ลำแสงสี่สายยิงออกจากทะเลพลังจากทางด้านหลัง ก่อตัวเป็นมังกรและคชสารอย่างละสองตัว

“วิชาเก้ามังกรคชสาร!”

เสียงที่ไม่แยแสดังออกมาจากปากของมู่เฉินเบาๆ อึดใจตราประทับในมือก็เปลี่ยนแปลงวูบไหว มังกรและคชสารกลายเป็นจานแสงขนาดใหญ่

วาบ!

จานแสงมังกรคชสายปรากฏเหนือร่างหลิ่วเหยียนในพริบตา ก่อนที่จะซัดลงมาอย่างไม่ปรานี

เส้นเลือดบนหนังหัวหลิ่วเหยียนเต้นตุบๆ เนื่องจากเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะเล่นลูกไม้นี้ ร่างเขาเคลื่อนไหวเตรียมล่าถอยทันที

ทว่าจังหวะที่เขาถอย มู่เฉินก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง

ตู้ม!

ครั้งนี้เสียงฟ้าคำรามกลับดังในใจของหลิ่วเหยียนตามคาด เสียงกรีดแหลมของสายฟ้าทำให้ร่างของเขาหยุดชะงัก แม้เขาจะชะงักไปในช่วงสั้นๆ แต่ก็เป็นอันตรายอย่างยิ่งในการเผชิญหน้าครั้งนี้

ภายใต้สายตาตกตะลึงจำนวนมากรอบด้าน จานแสงมังกรคชสารก็กวาดลงมาพร้อมกับความผันผวนคมกริบ หากใครถูกซัดด้วยพลังการโจมตีนี้ละก็ แม้แต่จอมยุทธ์ที่ทรงพลังอย่างหลิ่วเหยียนก็ได้รับบาดเจ็บแน่นอน

ตึง!

คลื่นหลิงรุนแรงระเบิดบนท้องฟ้าขณะที่คลื่นหลิงสีแดงสดม้วนตัวเป็นเกลียวราวกับเปลวไฟ ดึงดูดความสนใจของทุกคน

สายตาว่างเปล่าของมู่เฉินจับจ้องที่จุดระเบิด อึดใจขนตาเขาก็เหมือนจะกะพริบเบาๆ

คลื่นหลิงสีแดงสดไร้ขอบเขตค่อยๆ สลายตัว ม่านตาของจอมยุทธ์รอบๆ ก็ต้องหดลงกับฉากนี้

บริเวณที่คลื่นหลิงสีแดงสดสลายตัว ร่างใหญ่โตก็ปรากฏจากที่ใดไม่ทราบได้ ร่างนี้มีสีแดงพวยพุ่งด้วยเพลิงสีต่างๆ รอบกาย เมื่อมองไกลๆ ก็ดูเหมือนกับเทพแห่งไฟยาตราเข้ามา

อุณหภูมิในบริเวณนี้พุ่งสูงขึ้น แม้แต่ชั้นบรรยากาศก็เหมือนจะลุกไหม้

สายตาว่างเปล่าของมู่เฉินมองร่างลุกโชนด้วยเปลวไฟหลากสีพร้อมกับพึมพำออกมา “ร่างมหาเพลิงนภา…”