ตอนที่ 689 มาทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามต่อหน้าเขา
อวี่เหวินลู่รู้ดีว่าตนนั้นปลอมตัวได้ไม่เลว คราแรกก็ยังไม่อยากมาหรอก เรื่องในบ้านเฝิงเยี่ยไป๋เขาแทบจะไม่อยากยุ่ง แต่หากจะไม่ยุ่ง ในใจก็เจ็บปวดยิ่งนัก เฝิงเยี่ยไป๋นั้นไม่เท่าไรหรอก สำคัญอยู่ที่เว่ยเฉินยางต่างหากเล่า หากว่าเขาตายไปแล้ว อย่างนั้นเว่ยเฉินยางก็มิต้องตายตามไปหรือ
ในใจนั้นสับสนอยู่กว่านาน ต่อให้ทำเพื่อเว่ยเฉินยางอย่างนั้น เขาเองก็อยู่เฉยไม่ได้
เฝิงเยี่ยไป๋เห็นเขาคราแรกก็ตกใจมาก แต่ไม่นานก็เข้าใจแจ้งชัด เขาต้องการจะทำตัวเป็นวีรบุรุษช่วยสาวงามหรือ เพื่อเว่ยเฉินยางเท่านั้น เพราะว่าทนเห็นนางตายไม่ได้ ดังนั้นจึงยอมเปลืองตัวลืมตายมาช่วยเฝิงเยี่ยไป๋
แต่ยังดีที่เป็นรักข้างเดียว อย่างที่เฉินยางบอกเอง หากนางมีอะไรกับอวี่เหวินลู่จริงๆ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ต่อให้ในใจหวั่นไหวก็ยังมีลูกชาย ไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปได้หรือไม่ได้ ต่อให้อยากไปแต่เขาไม่ปล่อย นางจะไปอย่างไร
เขาต้องเข้ามายุ่งกับสถานการณ์ตอนนี้ของเฝิงเยี่ยไป๋แล้วจริงๆ ต่อให้อยากจะห้ามเขาไว้ก็เปล่าประโยชน์ แต่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาเองจะได้ไม่ต้องแบ่งภาคให้เหนื่อยเปล่า เขาเองคิดอะไรก็อยากจะรับไว้เพียงคนเดียว ต่อให้เป็นเทพก็มีคิดผิดไปบ้าง อีกประการหนึ่ง ฮ่องเต้นั้นกดขี่เขาจนเข้าตาจน ในมือเขาคนที่ใช้ได้ยังไม่มี ยังจะพูดอีกว่าตนนั้นจะปกป้องให้ปลอดภัยทั้งแม่และลูกได้
วังหลวงแห่งนี้ไม่ใช่สวนหลังบ้านตนสักหน่อย
แผนของอวี่เหวินลู่ก็ถือว่าเขายอมรับแล้ว ตอนนี้แม่ลูกปลอดภัยจึงจะนับว่าสำคัญที่สุด
เฝิงเยี่ยไป๋ถูกพยุงไปอาเจียนอยู่ที่ประตูอยู่พักใหญ่ ขากลับสร่างเมาไปมาก มองไปทางที่นั่งตำแหน่งประธาน ฮ่องเต้ไม่อยู่แล้ว จึงนั่งลง เซวียอิ๋นก็ยกจอกสุราเข้ามาหา “คำพูดท่านอ๋องเมื่อครู่ ข้าคิดดูแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่เหมาะนัก แต่…” เพราะเกรงคำข่มขู่ของเขา เซวียอิ๋นจึงตอบตกลง
เฝิงเยี่ยไป๋พยักหน้าเบาๆ ยกจอกสุราขึ้นชน “ท่านและข้าบัดนี้เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ใต้เท้าเซวียขอเพียงเรียกคนมาที่นี่ก็พอ เรื่องอื่นท่านไม่ต้องยื่นมือ”
ไม่ต้องให้เขายื่นมือแต่ก็เกี่ยวกับเขาโดยตรง คนนั้นออกมาจากบ้านตน ภายภาคหน้าหากฮ่องเต้สืบก็ต้องรู้ชัดถึงความเป็นไป ไหนเลยจะมีโอกาสรอด ตอนนี้หนทางเดียวก็คือดั่งที่เฝิงเยี่ยไป๋ว่า เรื่องนี้ต้องจับคนไว้ไต่สวนก่อน พอเป็นเยี่ยงนี้ เขาเองอย่างน้อยยังมีโอกาสใช้ช่วงเวลานี้พาคนแก่และเด็กในบ้านหนีไปเสีย
ฮ่องเต้เสด็จกลับมาแล้ว เดิมทีที่อารมณ์ดีๆ กลับเปลี่ยนเป็นพายุหมุน ตอนเข้ามาดวงตานั้นจ้องอยู่ที่เฝิงเยี่ยไป๋ สายตาดั่งมีดคมกริบ แทบจะทนไม่ไหวอยากจะคว้านตัวเขาให้เป็นรูพรุน
เฝิงเยี่ยไป๋รู้เลยว่าต้องเริ่มการแสดงเสียแล้ว จึงวางจอกลง รอให้ทรงลงโทษ
หลี่เต๋อจิ่งส่งฎีกามาหนึ่งฉบับ ฮ่องเต้แค่นยิ้มเย็นคราหนึ่งก่อนจะโยนฎีกาให้เฝิงเยี่ยไป๋ “เราเพิ่งได้รับราชการลับจากเมืองฉุย ในนั้นแจ้งว่าเฝิงเยี่ยไป๋คบคิดกับชนกลุ่มน้อยเฉินตานคิดก่อการกบฏ ยึดแผ่นดินของเรา ทั้งยังอธิบายอย่างละเอียดว่าสมคบคิดกับองค์หญิงเฉินตานอย่างไร แม้แต่คำสนทนาระหว่างกันยังบันทึกไว้อย่างละเอียดแล้ว เราอยากจะถามกู้หลุนอ๋องว่าเรื่องนี้จริงเท็จประการใด”
จริงเท็จนั้นได้ทำการบัญญัติไว้หมดแล้ว ถามไปเป็นพิธีอย่างนั้นเอง ลำบากพระองค์แล้ว นี่ยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ก็ต้องมาแสดงเสียแล้ว ดูแล้วเหมือนจริงยิ่งนัก ดูท่าทางปวดใจราวกับกำลังจะสูญเสียบัลลังก์นั่นสิ ช่างดูเหมือนประมุขผู้เปี่ยมด้วยความดีเหลือเกิน
เขาเองเคยพูดคุยกับไซ่จี๋จริงเรื่องให้นางถอนกำลังทหาร ดังนั้นในฎีกานั้นบันทึกไว้จริงว่ามีเรื่องนี้ แต่เนื้อหานั้นบิดเบือนไปไม่น้อย ดังนั้นถึงไม่ต้องดู เขาก็เดาได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว
ตอนที่ 690 ฮ่องเต้หาผู้หญิงไม่ได้แล้วหรืออย่างไร
ฝ่ายเฉินยางอยู่ในงานเลี้ยงดั่งนั่งอยู่บนเข็มทิ่มแทง ไม่รู้ว่าเฝิงเยี่ยไป๋ทางนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง ไทเฮานั่งดื่มชาอย่างสงบ แต่ก็ลอบมองเฉินยางอยู่เรื่อยๆ เห็นว่านางเริ่มนั่งไม่ติดในใจก็เบิกบานยิ่งนัก วางจอกชาลง แสร้งถามไปว่า “ไอจยาเห็นเจ้าลุกลี้ลุกลน เป็นอะไรไป ไม่สบายใช่หรือไม่ หาไม่สบายก็เอ่ยออกมา ไอจยาจะให้คนไปตามหมอหลวงมา”
นางยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อขอบพระทัยในพระเมตตา “ขอบพระทัยไทเฮาที่กรุณา หม่อมฉันสบายดีเพคะ เพียงแค่สามีหม่อมฉันมักมีอาการปวดศีรษะเมื่อดื่มสุราไปมาก หม่อมฉันเกรงว่าเขาจะมัวแต่ร่ำสุราด้วยความสำราญ กลับไปต้องบ่นปวดศีรษะเป็นแน่ ดังนั้นจึงไม่สบายใจเพคะ”
ไทเฮาเห็นดวงตาที่เจือความรักลึกซึ้งระหว่างสามีภรรยานั้น ตอนนี้ยังคิดจะกลับไปอีกหรือ พวกนางแม่ลูกคิดแผนใหญ่ที่จะทำให้เฝิงเยี่ยไป๋ตกหลุมพราง วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดีนัก อยากจะไปไหนเลยจะง่ายอย่างนั้น หนามยอกอกที่ใหญ่เพียงนี้ เก็บไปก็รังแต่จะคิดมาก หากไม่กำจัดในเร็ววัน อย่าว่าแต่บัลลังก์ฮ่องเต้จะไม่มั่นคงเลย ยังต้องมาระแวงทุกวี่วันว่าจะถูกริบคืนยามใด ใครจะรู้ว่าเขากับตระกูลอวี่เหวินที่เป็นฮ่องเต้นั้นจะไม่ต่อกร ตั้งแต่เกาจู่ฮ่องเต้จนถึงฮ่องเต้พระองค์ก่อน ฮ่องเต้ทั้งสามพระองค์นั้นไม่มีสักคนที่เขาไม่เกลียด อีกประการหนึ่งบุคคลที่เกาจู่ฮ่องเต้รักมากก็คือฮองไทเฮา ใครจะรู้ว่าตอนสวรรคตจะไม่ทรงรักลูกหลานพวกเขาด้วย จะทรงเขียนชื่อเฝิงเยี่ยไป๋ในราชโองการนั้นหรือไม่
ฮ่องเต้ยังไม่ให้คนส่งจดหมายมา อีกสักพักหากจดหมายมาแล้ว แน่นอนว่าสามีภรรยาต้องได้อยู่พร้อมหน้าแน่ ยังไม่นับลูกชายพวกมันอีก ให้พวกมันสามคนตายพร้อมหน้าทั้งครอบครัว นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหนึ่งเชียวละ
เซวียฮูหยินทนดูท่าทางวางอำนาจบาตรใหญ่ของไทเฮาไม่ไหว บุตรสาวนางต้องลำบากอยู่ในวัง เบี้ยหวัดอยู่ดีๆ ก็ถูกหักไปกว่าครึ่ง นางนั้นแม้กระทั่งเงินช่วยเหลือก็ยังไม่มี คราวก่อนที่มาได้ให้ตั๋วเงินไว้จำนวนหนึ่งให้นางไปหาอะไรทำในวังบ้าง แม้ว่านางจะรู้ว่ามันมีประโยชน์เพียงชั่วครู่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย เห็นว่าลูกสาวที่รักถูกทรมานแบบนี้แม่คนไหนจะไม่ทุกข์ใจเล่า แต่แม้จะรู้สึกทุกข์ใจ ก็ไร้ความสามารถ ทำได้แค่ยิ้มให้คนที่นั่งอยู่บนแท่นประธานอย่างประจบสอพลอ
ผู้หญิงด้วยกัน ที่คุยได้ก็มีไม่กี่เรื่อง หนีไม่พ้นเรื่องเครื่องแต่งกายเครื่องประดับและเรื่องของบุรุษ ไทเฮาเกิดจากตระกูลสูงส่ง เป็นหญิงที่สูงศักดิ์และได้รับการอบรมมาอย่างดี ไม่มีทางมาเสวนาหัวข้อของพวกนาง แต่นิสัยของผู้หญิงนั้น ต่อให้พวกนางไม่พูด แต่ฟังนั้นก็ยังอยากฟังอยู่ นางเองใช้ชีวิตอยู่ในวัง แม้ว่าข้างกายจะมีหูตามากมาย แต่คำพูดประเภทกระซิบเล่าความวงในแบบนี้ น้อยครั้งนักที่จะได้ยิน ขุนนางแก่ในวังวันนี้รับมือยาก ฮ่องเต้ยังเยาว์ เพื่อรักษาแผ่นดินให้มั่นคง ไทเฮาตอนนี้จึงเริ่มดีดลูกคิดแล้ว เริ่มมองหาสนมให้ฮ่องเต้แล้ว วังหลวงตอนนี้ยุ่งเหยิง นางต้องคิดหาวิธีรวบรวมหัวใจผู้คน ไม่อย่างนั้นหนทางข้างหน้าเดินยากแน่นอน
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ก็อดนึกถึงน่าอวี้ไม่ได้ เมื่อไม่นานมานี้เซวียไท่เฟยมาบอกนางว่าฮ่องเต้เลี้ยงดูผู้หญิงคนหนึ่งในตำหนักถัดจากตน ฮ่องเต้เสด็จไปหานางทุกวันและถามพระองค์ว่าพระองค์รู้เรื่องนี้หรือไม่ ไทเฮาเองเพื่อจะรักษาหน้า จึงต้องตอบไปว่าทราบ ต่อมาพอซักถามฮ่องเต้ ก็ทรงตอบว่าเป็นคนที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนแอบส่งมาอยู่ใกล้ตัวเฝิงเยี่ยไป๋เพื่อสอดแนม สามารถสืบเอาข้อมูลเฝิงเยี่ยไป๋จากนางได้ เก็บไว้นับว่ายังมีประโยชน์
ไทเฮาฟังแล้วก็มิได้ถามกระไรอีก ต่อมาฮ่องเต้เสด็จไปดูทุกวัน ทำให้พระองค์รู้สึกว่าผิดปกติแล้ว ลูกชายนางคลอดออกมาเอง พระองค์ต้องเข้าใจนิสัยดีอยู่แล้ว หากมีอะไรจริงๆ หรือต้องใจนางเข้า ก็จะต้องบอกนางเป็นแน่ ในเมื่อไม่บอกก็คงไม่มีอะไรพิเศษ อีกอย่างผู้หญิงคนนั้นอายุมากกว่าฮ่องเต้ขนาดนั้น ต่อให้ถูกใจ ก็ไม่สามารถนำตัวเข้าวังหลังได้ มิเช่นนั้นหากคนพูดไปก็จะไม่ดี หาว่าฮ่องเต้หาผู้หญิงไม่ได้แล้วหรืออย่างไร