บทที่330

ผู้แปล : N.

ที่สำนักงานใหญ่รูปยานอวกาศ บริษัทแอปเปิ้ลได้ทำการจัดประชุมใหญ่ขึ้นอีกครั้ง และนี้ก็ไม่ใช้ครั้งแรกที่พวกเขาจัดการประชุมใหญ่เพื่อติดตามสถานการณ์ของบริษัทลู่เทคโนโลยี

และทุกครั้งมันก็ไม่เคยที่จะเป็นข่าวดีสำหรับพวกเขาเลย แล้วดูเหมือนว่าสถานการณ์นี้จะรุนแรงกว่าครั้งที่ผ่านๆมา

“ ที่ฉันเรียกทุกคนมาประชุมครั้งนี้! ก็เพราะอยากจะถามพวกคุณมีความคิดเห็นยังไงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้!”

“โดยที่อีกไม่กี่วันข้างหน้า! หน้าจอแสดงผลแบบปกติจะถือว่าเป็นของที่ตกยุคไปแล้ว และถ้าเรายังไม่สามารถออกจากสถานการณ์นี้ได้ ฉันกลัวว่าบริษัทของเราคงต้องสูญเสียครั้งใหญ่แล้ว “

“ที่สำคัญกว่านั้น! ผลิตภัณฑ์ของเราจะถูกทอดทิ้งจากผู้ใช้ทั่วโลก!” ซีอีโออย่างโคโค้ได้ตะโกนออกมาหลังจากที่เขาพูดประโยคสุดท้าย

“ บางทีนี่อาจเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อรูปแบบหนึ่งก็ได้นะครับ” มีใครบางคนได้พูดออกมา

“มันเป็นแบบนี้ไง! ที่ทำให้เรายังไม่อาจจะชนะคู่แข่งนี้ได้!” โคโค้ที่ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกโกรธขึ้นมา เขาถึงกับตบโต๊ะและตะโกนออกมา : “นี้แสดงว่าพวกคุณยังไม่รู้ใช้ไหมว่าตอนนี้พวกนั้นมีผลิตภัณฑ์อะไรบ้าง? “

“ดี! งั้นฉันจะบอกให้! พวกนั้นมีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเองอย่างระบบเรทคลาวด์, เครือข่ายเสียงอัจฉริยะ, โทรศัพท์อัจฉริยะอย่างHX, และอย่างสุดท้ายที่คนทั้งโลกต่างก็เฝ้าคอยนั้นคือเครือข่าย 6G”

“พวกคุณคงรู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์นี้แล้วใช้ไหม? และถ้าข่าวที่บอกว่าตอนนี้พวกนั้นได้ทำการพัฒนาหน้าจอแบบสามมิติสำเร็จเป็นเรื่องจริง นั้นจะถือว่าเรื่องสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเราเลยก็ว่าได้ และมันคงทำให้มูลค่าการซื้อขายหุ้นของเราลดลงมากกว่าร้อยละ 25! “

“แล้วที่นี่พวกคุณยังคิดว่าเรื่องนี้เป็นโฆษณาชวนเชื่ออยู่อีกไหม?”

หลังจากที่เขาพูดจบ เจ้าหน้าที่ระดับสูงทุกคนก็ได้ก้มหน้าลงทันที

“ที่ประธานโคโค้พูดมานั้นถูกต้อง! เราไม่สามารถนั่งนิ่งๆรอความตายแบบนี่ได้!” ผู้บริหารระดับสูงได้พูดต่อว่า: “ดังนั้นพวกเราควรแสวงหาความร่วมมือกับพวกเขาเป็นหลัก และเราจะต้องขอซื้อหรือไม่ก็การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีฉายสามมิติขนาดจิ๋วนี้มาใช้ในผลิตภัณฑ์ของเรา!”

“เดียวก่อนนะ! นี่คุณต้องการให้พวกนั้นเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือใช้ไหม? คุณต้องการให้ตลาดทั้งหมดของอเมริกาเหนือถูกครอบงำด้วยผลิตภัณฑ์ของพวกนั้นหรือไง?!” เสียงของหัวหน้าฝ่ายการตลาดได้พูดขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ

“ โรเบิร์ต! นี่ถือว่าเป็นทางเลือกเดียวที่เราสามารถทำได้ ถ้าเรายังไม่ยอมร่วมมือกับอีกฝ่ายเสียที ในอนาคตบริษัทของเราจะสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกไปในที่สุด!”

“ถ้าพวกนั้นไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับเราละ?” มีใครบางคนได้ถามขึ้นมา

“เฮ้อ! เราต้องเปลี่ยนทัศนคติของเราด้วยแล้วละ” โคโค้ได้ถอนหายใจออกมา ” และวันพรุ่งนี้บริษัทของเราจะลงคะแนนยกเลิกการคว่ำบาตรการค้ากับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศจีน”

……

วันต่อมา ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับการสื่อสารแห่งสหรัฐอเมริกาก็กำลังเริ่มทำการลงคะแนน เหตุผลที่พวกเขาทำการลงคะแนนเสียงครั้งนี้ ก็คือพวกเขาจะนำผลลัพธ์ที่ได้ไปเป็นคำตอบให้กับกระทรวงพาณิชย์สำหรับการตัดสินที่จะใช้มาตรการการคว่ำบาตรการค้ากับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศจีน

หากเป็นเมื่อหกเดือนก่อนหน้า เรื่องนี้จะเป็นอะไรที่พวกเขาไม่คิดจะเข้าไปยุ้งเกี่ยวด้วยซ้ำ หรือไม่ก็อาจจะเป็นพวกเขาเองที่เป็นคนเริ่มใช้การคว่ำบาตรการค้านี้!

อย่างไรก็ตามเนื่องจากความแข็งแกร่งที่ทางบริษัทลู่เทคโนโลยีแสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง มันก็ทำให้เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติ ได้ริเริ่มใช้การลงคะแนนในการหาข้อสรุป

เหตุที่เป็นแบบนั้น ก็เนื่องมากจากหลังจากที่บริษัทลู่เทคโนโลยีได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการในเรื่องของตัวเครือข่าย6G ก็ได้มีตัวแทนบางคนเริ่มคิดว่าพวกเขาจำเป็นต้องทำการค้าที่เป็นธรรมกับพวกวิสาหกิจจากประเทศจีนมากขึ้น เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ใช้ความสัมพันธ์นี้รับเทคโนโลยีจากอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น

และทุกวันนี้ก็เริ่มมีคนที่เห็นด้วยกับความคิดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ นั้นจึงทำให้ทางคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติจำเป็นต้องลงคะแนน และนำผลที่ได้ไปเสนอให้กับทางรัฐบาลกลาง

ประธานคณะกรรมการครั้งนี้ก็คงเป็นรีส เขาได้นั่งที่หัวโต๊ะในการประชุมครั้งนี้: “ตอนนี้ฉันขอให้ทุกคนเริ่มลงคะแนนได้”

ด้านหน้าของสมาชิกแต่ละคนจะมีเอกสารที่ใช้สำหรับลงคะแนนไว้

ในไม่ช้าก็มีสมาชิกของคณะกรรมการที่เขียนความคิดเห็นของตัวเองเสร็จ ได้เดินมายืนให้กับประธานการประชุมครั้งนี้ รีสที่เห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าสมาชิกคนนี้ได้เลือกที่จะสนับสนุนความร่วมสหรัฐกับบริษัท เทคโนโลยีจากประเทศจีน

ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะธุรกิจเบื้องหลังคณะกรรมการคนนี้อยู่ในอุสาหกรรมหารสื่อสาร มันเป็นเรื่องปกติที่เขาต้องการใช้เครือข่ายอย่าง6G

และเมื่อไม่นานมานี้ทางบริษัทในเครือของเขาก็ได้ทำการประท้วงไม่น้อยเกี่ยวกับความร่วมมือของพวกเขากับทางนั้น

สมาชิกแต่ละคนเขียนความคิดเห็นของตนเองและรีสเองก็จับตาดูสองคนเป็นพิเศษในครั้งนี้ หนึ่งคือสมาชิกที่เป็นตัวแทนของบริษัทควอลคอมม์ ที่ก่อนหน้าที่พวกเขาเป็นตัวตั้งตัวตีที่จะไม่ยอดให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทลู่เทคโนโลยีเข้ามายังตลาดอเมริกาเหนือ คนที่สองเป็นตัวแทนของบริษัทแอปเปิ้ล ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้พวกนั้นเข้ามายังตลาดอเมริกาเหนือเช่นกัน

แต่วันนี่ทั้งสองบริษัทกับเลือกที่จะสนับสนุนความร่วมสหรัฐกับบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศจีน! บริษัท ยักษ์ใหญ่ทั้งสองต่างก็เปลี่ยนจุดยืนของพวกเขาในครั้งนี้ และดูเหมือนว่าอีกไม่นานตำแหน่งในตลาดอเมริกาเหนือจะมีการเปลี่ยนแปลง!

ประธานรีสเองก็เขียนผลการลงคะแนนเช่นกัน เขาเองก็รู้ดีว่าผลการลงคะแนนในครั้งนี้จะเป็นตัวชีวัดอนาคตของประเทศว่าจะเป็นยังไง ดังนั้นมันจึงไม่ใช้เรื่องแปลกที่ว่าเขาจะรู้สึกกดกับเรื่องนี้อย่างมาก!

สมาชิกของคณะกรรมการคนอื่นยังคงรอผลกันอย่างเงียบๆ เมื่อปีที่แล้วพวกเขาต่างก็มีมติเห็นชอบไม่ให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทลู่เทคโนโลยีเข้ามายังประเทศ และพวกเขายังได้ทำการยกระดับการเฝ้าระวังทางการกับประเทศจีนขึ้นไประดับสูงสุดอีกด้วย แต่เมื่อมาตอนนี้กับเป็นพวกเขาเสียเองที่ต้องเป็นฝ่ายขอร้องให้อีกฝ่ายเข้ามาเปิดตลาดในประเทศตัวเอง

“ผลของการลงคะแนนออกมาแล้ว! มีสามคนที่งดออกเสียง ส่วนที่เหลือเห็นด้วยกับสนับสนุนความร่วมสหรัฐกับบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศจีน!” ประธานรีสได้พูดต่อว่า “เอาละ! ฉันจะนำผลนี้ไปแจ้งสมัชชาแห่งชาติในนามของคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติสหรัฐในครั้งนี้ “

……

ข่าวล่าสุดจากวอชิงตันโพสต์: “ข่าวใหญ่! ประเทศจีนได้มีเทคโนโลยีอย่างการฉายเสมือนจริงสามมิติเป็นที่เรียบร้อย”

นิวยอร์กไทม์: “ประธานกูลเกิลได้ออกมาแถลงการณ์เรื่องนี้เป็นการส่วนตัว เขาต่างก็แสดงจุดยืนที่ว่าจะสนับสนุนให้ทางสหรัฐทำการเปิดกว้างการค้ากับประเทศจีนให้มากขึ้น!”

บิลเกตส์เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเองก็ได้ออกแถลงการณ์ในสื่อด้วยว่า “สหรัฐฯควรเป็นประเทศที่มีความเป็นผู้นำมากกว่านี้ เราไม่ควรที่จะเห็นประโยชน์ของคนส่วนน้อยดีกว่าผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ “

หลังจากที่ข่าวนี้ได้รับการเผยแพร่ออกมา ก็มีคนหลายคนที่ออกมาพูดหรือไม่ก็ออกมาเดินตะโกนต่อสาธารณชนว่าการตัดสินใจของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐนั้นเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ!