ตอนที่ 524 หลักฐาน / ตอนที่ 525 คุณกำลังใส่ร้ายฉัน

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 524 หลักฐาน

 

 

เขาถอนหายใจออกมา แล้วล้วงเอกสารที่ใส่ถุงพลาสติกเอาไว้ออกมาวางตรงหน้าเขา จากนั้นก็ยื่นเอกสารการตรวจสอบลายนิ้วมือให้เขาอีก “ลายนิ้วมือบนเอกสารฉบับนี้มีอยู่ห้าคน มีท่านประธาน วังชิง คนของ ZF อีกสองคน ทั้งหมดเป็นคนของเราทั้งนั้น ส่วนที่เหลืออีกลายก็คือของพี่สะใภ้”

 

 

“ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าเป็นเพราะเธอเก็บเอกสารนั่นขึ้นมา” จิ้นหยวนพูดกับเขาอย่างไม่พอใจ

 

 

“แต่ว่า ทำไมเอกสารทุกหน้าถึงได้มีลายนิ้วมือของเธอกันล่ะครับ?” หลินจื้อเฉิงยิ้มแห้ง

 

 

“ทุกหน้า?” จิ้นหยวนขมวดคิ้ว

 

 

“ครับ ทุกหน้า ท่านบอกว่าเธอแค่เก็บขึ้นมา จากนั้นก็วางไว้ที่เดิม ถ้าเป็นแบบนั้นละก็มันก็ควรจะมีแค่หน้าแรกและบางหน้าเท่านั้นที่มีลายนิ้วมือของเธอ”

 

 

แววตาของจิ้นหยวนเริ่มมีความเห็นด้วย

 

 

ที่หลินจื้อเฉิงพูดมาก็มีเหตุผล ทำเอาเขาหมดหนทางที่จะโต้แย้งอะไรอีก คงไม่มีทางที่จะมาเปิดดูเอกสารอย่างละเอียดขนาดนี้ได้แน่ๆ

 

 

แต่ถึงมันจะออกมาแบบนั้น เขาก็ยังทำใจเชื่อไม่ได้อยู่ดี หลังจากกลับบ้านเขาจึงตั้งใจที่จะตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของเธอดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ และได้เจอเข้ากับบทสนทนาของเธอกับฉีหย่วนเหิงเข้า

 

 

ในนาทีนั้น เขารู้สึกเหมือนร่างกายมันระเบิดออก และเหมือนถูกคนจับยัดเข้าไปในโพรงลึก เหมือนร่างทั้งร่างอยู่ในน้ำเย็น

 

 

เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองออกมาจากห้องหนังสือได้ยังไง และไม่รู้เลยว่าตัวเองเดินมาถึงหน้าห้องนอนได้อย่างไร

 

 

ในใจของเขามันรู้สึกสับสนไปหมด ไม่รู้เลยว่าตัวเองควรที่จะถามเธอตรงๆหรือว่าทำเป็นไปรู้ต่อไป

 

 

แต่ยังไงเธอก็เป็นคนรักของเขา และเป็นแม่ของลูกเขาด้วย

 

 

เขายืนอยู่หน้าประตูห้อง ในขณะที่กำลังยื่นมือไปจะเปิดประตู ก็พลันได้ยินเสียงคนที่อยู่ในห้องดังออกมา

 

 

 เธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่

 

 

น้ำเสียงของเธอมันทั้งไพเราะชัดเจนและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ดูท่าอารมณ์คงจะดีไม่น้อย เขาค่อยๆหลับตาลง แน่นอนว่ามันยากที่จะเชื่อว่าเธอกำลังทำเรื่องแบบนี้อยู่

 

 

บางทีมันอาจจะเป็นแค่การเข้าใจผิด?

 

 

ในใจของเขายังมีความหวังอยู่บ้าง จึงคิดว่าเข้าไปถามเธอเสียเลยดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือไม่ ยังไงมันก็ต้องมีผลของมัน มันคงไม่มีอะไรดีหรือแย่ไปกว่าตอนนี้แล้ว

 

 

แต่ไม่ทันที่จะให้เขาคิดจบ กลับได้ยินเสียงของเธอที่พูดชื่อๆหนึ่งออกมาจากปาก ด้วยอารมณ์ขำขัน “ฉันขอเตือนคุณเลยนะฉีหย่วนเหิง ถ้าคุณยังพูดถึงเรื่องพวกนี้อีกละก็ฉันจะไม่คุยกับคุณแล้วนะ และคุณจะต้องกระเป๋าของคุณไปแน่ๆฉันบอกเลย…”

 

 

เป็นฉีหย่วนเหิงอีกแล้ว!

 

 

จิ้นหยวนทนไม่ไหวอีกต่อไป เลือดมันขึ้นหน้าไปหมด เขาถีบประตูห้องเข้าไปทันที

 

 

“คุณทำอะไรอยู่?” พอเธอได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมแบบนั้นแล้ว ก็สะดุ้งตัวหันกลับไปและพบว่าเป็นเขา เธอยกมือขึ้นทาบอกและเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ “ทำไมคุณถึงทำอะไรมุทะลุแบบนี้เนี่ย ฉันตกใจมากนะ”

 

 

สีหน้าของจิ้นหยวนนิ่งสุดๆ เขามองไปที่เธอและถามขึ้นเรียบๆ “คุณกำลังคุยโทรศัพท์กับใครอยู่เหรอ?”

 

 

เฉียวซือมู่ชะงักไป จากนั้นก็ค่อยๆเอามือถือไปซ่อนไว้ข้างหลังตัวเอง แล้วพยายามยิ้ม “อะไรกัน ไม่อนุญาตให้ฉันคุยเล่นกับเพื่อนอย่างนั้นเหรอ?”

 

 

“คุยเล่น? คุยถึงเรื่องบนเตียงไปด้วยเลยไหมครับ?” จิ้นหยวนที่เห็นเธอมีท่าทางเหมือนพวกวัวสันหลังหวะแบบนั้นแล้ว ในใจมันก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม ก้าวเท้ายาวเข้าไปหาเธอทันที เป็นเพราะเธอกำลังตกใจเบิกตากว้างไม่คิดว่าตัวเองจะได้ยินคำพูดแบบนั้นออกมาจากปากของเขา เขาจึงแย่งมือถือออกมาจากมือของเธอได้อย่างง่ายดาย

 

 

เขาเปิดมือถือขึ้นอย่างคุ้นชิน แล้วก็ได้เห็นชื่อที่คุ้นเคยอยู่ในบันทึกข้อมูลการติดต่อ

 

 

สติที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจนั้นมันแทบจะถูกความโมโหครอบงำไปหมดแล้ว

 

 

“ทำไมคุณถึงได้มีเบอร์ของมัน? พวกคุณเริ่มติดต่อกันตั้งแต่ตอนไหน?” เขาพยายามที่จะควบคุมตัวเอง และหันไปมองเธออย่างไม่พอใจ

 

 

 

 

ตอนที่ 525 คุณกำลังใส่ร้ายฉัน

 

 

เฉียวซือมู่เริ่มใจเสีย แต่ความรู้สึกที่เหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ยังมีมากกว่า สำหรับเธอแล้วตัวเธอไม่ได้มีความผิดอะไรเลยสักนิดเดียว เธอและฉีหย่วนเหิงต่างก็บริสุทธิ์ใจต่อกัน ทั้งคู่ต่างก็มองว่าอีฝ่ายเป็นแค่เพื่อนคุยเล่นเท่านั้น แต่ที่รู้สึกใจเสียนั่นก็เพราะว่าเธอรู้ว่าฉีหย่วนเหิงและจิ้นหยวนนั้นเป้นศัตรูกันทางธุรกิจ และจริงๆแล้วเธอและเขาไม่ควรที่จะเพื่อนกันได้

 

 

แต่ความไม่มั่นใจนั้นมันก็มีแค่นิดเดียวเท่านั้น สำหรับเธอแล้ว เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมันเป็นคนละเรื่องกัน จะเอามารวมกันไม่ได้

 

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจิ้นหยวนคงไม่ได้คิดแบบนั้น

 

 

เธอขยับตัวเล็กน้อย และพูดออกไปอย่างเป็นกลาง “ฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน คุณอย่าใจแคบแบบนี้ได้ไหม”

 

 

“ใจแคบเหรอ?” จิ้นหยวนยิ้มเยาะ “มันหาทางจะเอาคืนพวกผมอยู่คุณไม่รู้หรือไง? คุณยังกล้าที่จะมาพูดกับผมว่าเป็นแค่เพื่อนกันอย่างนั้นเหรอ?”

 

 

“ก็เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ ฉันไม่คิดว่าเรื่องของคุณมันจะเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราเลยด้วยซ้ำ” พอเธอเห็นว่าเขากำลังโมโหแบบนั้นแล้วก็เผลอขดตัว แต่ก็ยังฝืนตอบออกไป

 

 

เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย จากนั้นก็ปล่อยมือเธอออก “แต่ดูเหมือนว่า ระหว่างคุณกับมันคงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนหรอกมั้งครับ?”

 

 

“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง?” เฉียวซือมู่ที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธจนตัวสั่น “ช่วงที่ผ่านมานี้ฉันไม่เคยเจอหน้าเขาเลยสักครั้ง ทุกวันนี้ก็คุยกันแค่ทางโทรศัพท์ คุณมาใส่ร้ายฉันแบบนี้ได้ยังไงกัน!”

 

 

เธอจ้องเขาเขม็ง ทำไมถึงไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะสามารถใช้คำพูดที่แสนโหดร้ายใส่เธอได้ขนาดนี้

 

 

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไม่เคยเจอหน้ากัน? แล้ววันนั้นคุณออกจากบ้านทำไมกัน?” พูดจบก็ทิ้งรูปใบหนึ่งลงตรงหน้าเธอ

 

 

เธอหยิบมันขึ้นมาดู ก็พบว่ามันเป็นรูปตอนที่เธอสวมชุดตอนออกไปข้างนอก และเธอกำลังขึ้นรถคันหนึ่ง

 

 

เธอส่ายหน้า “ตอนนั้นฉันออกไปเพราะว่าจะไปหาแม่ต่างหาก ถ้าคุณไม่เชื่อก็ลองไปตรวจสอบสิ”

 

 

“งั้นเหรอ? คุณคิกว่าผมไม่สืบมาอย่างนั้นเหรอ? วันนั้นกล้องวงจรปิดจากข้างทางที่ถ่ายแม่คุณได้ก็ไม่เคยคุณเลยด้วยซ้ำ คุณยังอยากจะแก้ตัวอะไรอีก?”

 

 

“นั่นเป็นเพราะว่าฉันบังเอิญเจอเข้ากับเพื่อนเก่าที่ไม่เจอมานาน พวกเราสองคนก็เลยแวะไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟตลอดบ่ายต่างหาก เลยไม่ได้ไปเจอกับแม่ตามที่นัดกัน!” เฉียวซือมู่พยายามอธิบายความจริงออกไป แต่ในใจตอนนี้มันรู้สึกผิดหวังสุดๆ

 

 

ที่จริงก็ผ่านเรื่องอะไรมาตั้งมากมายแต่จิ้นหยวนก็ยังไม่ยอมที่จะเชื่อใจเธออยู่ดี แถมยังแอบตามสืบเรื่องของเธอลับหลังกันอีก…

 

 

หัวใจของเธอมันรู้สึกเย็นเยือกไปหมด ยืนฟังถ้อยคำของเขาที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและเย็นชา “เพื่อนคนนั้นชื่อหลินหลิง เป็นเพื่อนสนิทในสมัยก่อนของฉันเอง ถ้าไม่เชื่อกันก็ลองไปหาดูสิ”

 

 

จิ้นหยวนนั่งลง แล้วโยนรูปอีกรูปลงมา จากนั้นก็เปิดมือถือหารูปอีกรูปแล้วยื่นให้เธอดูตรงหน้า “คุณหมายถึงเธอใช่ไหม?”

 

 

เธอมองรูปนั้น “ใช่” พูดจบก็ยิ้มเยาะขึ้น “คุณก็ไปสืบมาหมดแล้วนี่ แล้วจะมาถามฉันอีกทำไมกัน?”

 

 

“นั่นสิครับ แต่ถ้าไม่ถามคุณก็ไม่รู้ว่าคุณคิดจะแก้ตัวยังไงอีกต่างหากละครับ” เขาพูดออกมาแบบนั้น

 

 

“ที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไงกันแน่?” เธออดไม่ได้ที่จะจ้องเขาอย่างไม่พอใจ

 

 

“ผมสืบเรื่องในวันนั้นมาหมดแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีข้อมูลตอนที่คุรไปร้านกาแฟเลยสักนิดเดียว อีกทั้งคนที่ชื่อหลินหลิงอะไรนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้ด้วยซ้ำ”

 

 

“เป็นไปไม่ได้!” เธอได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นทันที “เป็นไปไม่ได้ วันนั้นฉันยังคุยกับเธออย่างสนุกแท้ๆ แถมหลังจากนั้นเธอยังทิ้งเบอร์ติดต่อให้ฉันด้วย ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวฉันจะโทรให้ดูเลย”

 

 

พูดจบก็หยิบมือถือขึ้นมา หาเบอร์โทรแล้วกดโทรออกทันที แต่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ตอบกลับมาคือ ‘หมายเลขที่คุณเรียกยังไม่เปิดใช้บริการ…’

 

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เธอชะงักไปในทันที ไม่ว่ายังไงก็ดึงสติกลับมาไม่ได้

 

 

จิ้นหยวนจ้องเธอเขม็ง “ทำไมครับ? มีอะไรจะพูดอีกไหม?”