บทที่ 726 เทพเจ้าและสัตว์วิญญาณทั้งสิบห้า
“ค้อนแห่งธอร์!”
ด้วยเสียงของหลินเฟิง ในท้องฟ้ามืดครึ้มก็ปรากฏสายฟ้าขนาดใหญ่ร่วงลงมา
หลินเฟิงเอื้อมมือออกไปและเห็นสายฟ้าตกลงบนมือของเขา จากนั้นก็กลายเป็นค้อนสายฟ้าขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว
“ต้องการเอาชนะข้าด้วยวิธีเดียวกันงั้นหรือ? เป็นได้เพียงแค่ความคิดเท่านั้น” เย่เหมิงคำรามอย่างดุร้าย บริเวณลำคอมีแสงสีดำอันแข็งแกร่งรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น
และที่จุบบรรจบกันของแสงนี้ ดูเหมือนว่าแม้แต่อากาศก็ยังถูกกัดกร่อนด้วยสารพิษฤทธิ์แรงที่มีอยู่ในแสงซึ่งปล่อยควันพิษออกมา
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะกัดกร่อนโลกได้ทั้งใบ หากมันตกลงบนร่างกาย แม้แต่ร่างกายของพระเจ้าก็จะไม่รอด!
แต่หลินเฟิงไม่กลัว เขาพูดเสียงดังว่า “เจ้าสิ่งชั่วร้าย เจ้าควรยอมแพ้ให้ไว! เพราะแม้แต่การต้านทานของเจ้าก็ไม่ถือเป็นสิ่งใดได้เลย!”
เย่เหมิงโมโหเลยพูดว่า “ได้ เช่นนั้นวันนี้มาลองดู”
พอกล่าวจบ เย่เหมิงจึงพ่นลำแสงในปากไปใส่หลินเฟิง
และด้วยผลกระทบจากลำแสง ไม่ต้องพูดถึงอากาศที่ถูกกัดเซาะ แม้แต่พื้นที่ก็ดูเหมือนจะละลาย
สายตาของหลินเฟิงเห็นสายฟ้าฟาดลงมา เขาส่งเสียงคำรามจากสวรรค์และโลกแล้วเหวี่ยงค้อนแห่งสายฟ้าออกไป จากนั้นมันก็กระแทกใส่ลำแสงอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น ลำแสงแตกกระจายออก เหล่าแสงร่วงลงมาราวกับของเหลว ทิ้งรอยดำไหม้เกรียมไว้ในอากาศ
พวกมันตกลงไปในทะเลทีละหยด ทะเลส่งเสียงชี่ อย่างดังตามมาด้วยหมอกไอน้ำจำนวนมาก ราวกับว่าที่ใต้พื้นทะเลเกิดอุณหภูมิสูงขึ้น
ค้อนแห่งสายฟ้าสลายไปทันที มันไม่ได้กระจัดกระจายเหมือนลำแสง แต่กลับเข้าไปในร่างของหลินเฟิง
หลังจากนั้น หลินเฟิงกลายร่างสายฟ้าแล้วพุ่งเข้าไปในลำแสง เขาแหวกลำแสงออกไปเป็นสองเส้นตลอดทางจนเข้าไปในปากของเย่เหมิง!
“ไปลงนรกซะ!” หลินเฟิงส่งเสียงคำรามแห่งการทำลายล้าง จากนั้นเขาจึงทำตัวราวกับสายฟ้าพุ่งทะลุปากของเย่เหมิง!
เย่เหมิงส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ร่างกายอันใหญ่โตของเขาสะบัดไปมาอย่างรุนแรง ปั่นป่วนไปทั้งทะเล
“หยุดได้แล้ว เจ้าสัตว์ร้าย!” หลินเฟิงระเบิดคำพูดเสียงดัง พลังเทพเจ้าเข้าห่อหุ้มเย่เหมิงและทำให้เขากลายร่างกลับเป็นมนุษย์ทันที
หากปล่อยให้อยู่เป็นก็ภัยอันตราย โลกทั้งใบอาจตกอยู่ในหายนะได้
สีหน้าของเย่เหมิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาปิดปากเอาไว้แต่เลือดจำนวนมากกลับไหลออกมาจากบาดแผลในปากของเขา ไม่ว่าจะใช้พลังวิญญาณมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้เลือดหยุดไหลได้
“เจ้า เจ้ามีตบะเหนือธรรมชาติ!” เวลานี้ในที่สุดเขาก็ได้รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลินเฟิง
หลินเฟิงกล่าวว่า: “รู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว”
เย่เหมิงรู้สึกได้ถึงพลังทำลยล้างที่แข็งแกร่ง เขารีบอ้อนวอนขอความเมตตา: “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะทรงพลังมากขนาดนี้ ข้าผิดเอง โปรดปล่อยข้าไปเถอะ!”
“เอาอย่างนี้ดีไหม ให้ข้าคอยรับใช้เจ้าเป็นอย่างไร? หากเจ้ายินยอม ในภายหลังความแข็งแกร่งของเจ้าก็จะเพิ่มสูงขึ้น”
หลินเฟิงยิ้มเยาะ: “ให้เจ้าคอยรับใช้ข้า? ลืมไปได้เลย ข้าเกรงว่าเจ้าต้องการวางยาพิษข้าซะมากกว่า”
จิตสังหารอันไร้ขีดจำกัดได้ระเบิดออกมา เย่เหมิงรู้ดีว่าตนเองไม่สามารถต่อสู้ซึ่ง ๆ หน้าได้จึงเลือกที่จะหลบหนี
ถึงอย่างนั้นพลังของเขาไม่สูงเท่าหลินเฟิง แล้วยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก แล้วเขาจะหนีพ้นไปได้อย่างไร
หลินเฟิงไล่ตามเขาทันและมอบสัญญาณแห่งความตาย: “ไปตายซะ”
จากนั้นหลินเฟิงโจมตีไปที่ด้านหลังของเย่เหมิงจนร่างแหลกสลาย เขาส่งเสียงกรีดร้องและในไม่ช้าก็กลายเป็นขี้เถ้า
และในเวลานี้ ก้อนทองคำจากขี้เถ้าได้ลอยเข้าไปในร่างของหลินเฟิง
หลินเฟิงชะงักเล็กน้อย เขาพบว่าเมื่อมันผสานเข้ากับไข่เทพเจ้ามังกรแล้วก็รู้สึกเหมือนถูกเต็มเติมอย่างแท้จริงด้วยเศษเสี้ยวเหล่านี้!
เขาจึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามันคงเป็นเช่นนี้เอง!
เป็นเพราะบรรดาเทพเจ้าและสัตว์อสูรเคยเข้าปิดล้อมผู้สร้างเทพเจ้ามังกรแล้วแก่งแย่งพลังบางส่วนของเทพเจ้ามังกรไป
เขาจะต้องนำขุมพลังเหล่านั้นกลับมาเพื่อที่จะได้รับการยกย่องว่าได้ผสานกับเทพเจ้ามังกรแล้วอย่างสมบูรณ์!
เมื่อพบความจริงนี้ หลินเฟิงตื่นเต้นและรู้สึกกดดัน
ความตื่นเต้นไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่สิ่งที่กดดันก็คือเทพเจ้าและวิญญาณเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ในโลกหรือไม่?
ในเวลานี้เขารับรู้ได้ถึงบางสิ่งจากทางทิศตะวันออก มันคือลมปราณที่แข็งแกร่งสองสายและเขาคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
“นี่คือ…” หลินเฟิงหัวใจเบิกบาน รีบฉีกพื้นที่ออกอย่างรวดเร็วแล้วไปยังที่แห่งนั้น
และแน่นอนว่าสถานที่นั้นก็คือไป่ฮัวกู่
ในสถานที่ที่นักบวชไป่ฮัวเคยใช้ปิดด่าน เวลานี้ภูเขาได้พังทลายลงอย่างราบคาบและปรากฏร่างสองร่างลอยอยู่ในอากาศ เปล่งประกายแสงศักดิ์สิทธิ์และแผ่ลมปราณแห่งตบะพระเจ้า
เป็นหลานจูชิงกับหลานหลิง! พวกเขาออกมาจากด่านฝึกตนเร็วมาก!
หลินเฟิงรีบก้าวออกมา เมื่อเห็นหลินเฟิง หลานหลิงตื่นเต้นมากจึงรีบไปต้อนรับ
“พี่หลินเฟิง!”
เป็นเพราะการตื่นรู้แจ้ง หลานหลิงจึงสูงขึ้นกว่าเดิมมากและเติบโตเต็มที่ แต่ความอ่อนโยนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
และหลานจูชิงจากเดิมที่งดงามไม่มีใครเทียบได้ เวลานี้เปล่งปลั่งงดงามยิ่งกว่าธรรมชาติจะสรรค์สร้างได้
เธอไม่ได้เอ่ยอะไรกับหลินเฟิง และหลินเฟิงเองก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าดวงตาเล็ก ๆ ที่เธอใช้มองเขานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน ราวกับฤดูใบไม้ผลิของเด็กสาวที่คันยุบยิบเล็ก ๆ ในหัวใจ!
หลินเฟิงพักอยู่ที่ไป่ฮัวกู่เป็นเวลานาน จากนั้นก็พาสองพี่น้องกลับไปที่ภูเขา
หลินเฟิงและราชามังกรทั้งสองพูดคุยบางอย่างเกี่ยวกับเทพเจ้าสัตว์วิญญาณ หลังจากตกตะลึงราชินีมังกรจึงถามขึ้น “เจ้ารู้จักสถานะพิเศษของเทพเจ้าสัตว์วิญญาณหรือไม่?”
หลินเฟิงพยักหน้า: “ตอนแรกข้าก็สับสน แต่กลับพบว่าข้ารู้สึกถึงพวกเขาได้”
“มีเทพเจ้าและวิญญาณทั้งหมดสิบห้าองค์ พวกเขามีชีวิตรอดมาได้ด้วยวิธีที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเราอาจต้องแยกพวกเขาออกมาแล้วค่อยฟื้นฟูพวกเขา”
เมื่อคนอื่นไม่มีความเห็นอื่นอีก ดังนั้นหลินเฟิงจึงแยกออกมาด้านหนึ่งเพียงลำพัง พี่น้องตระกูลหลานไปอยู่อีกมุมหนึ่ง หลินเฟิงปลดปล่อยราชามังกรหมิงออกมาและให้ไปอยู่มุมเดียวกับราชินีมังกร และอีกด้านก็เป็นราชามังกรแห่งกาลเวลา
สำหรับตำแหน่งทั้งหมดนั้น หลินเฟิงสามารถรับรู้ได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นมันจึงไม่ถือเป็นปัญหา
หลินเฟิงเป็นคนแรกที่ไปทางทิศตะวันตก เขามาถึงดินแดนที่มืดมิดและในดินแดนนั้นทุกอย่างพังทลาย แม้แต่ฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศก็ตายไปแล้ว
“นี่คือเมืองแห่งความตายงั้นหรือ?” หลินเฟิงรู้แล้วว่าเขามาอยู่ที่ไหน
เมืองแห่งความตาย จากชื่อก็บอกแล้วว่าทุกอย่างที่นี่ตายแล้ว แม้แต่โลหะก็ไม่เคลื่อนไหว
และที่แห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นพื้นที่ที่แตกต่างออกไป
หลินเฟิงเดินไปข้างหน้าและทันใดนั้นก็เห็นมังกรดำตัวใหญ่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
มังกรดำกำลังหลับใหล หลินเฟิงใช้หลุมดำเพื่อยืนยันตัวตนของมังกรดำที่เขารู้จักในใจทันทีที่ได้เห็น
นี่คือมังกรดำนีเดอร์ฮอก ในตำนานนอร์ดิกเล่าว่ามันกัดกินรากของต้นไม้โลกจึงนำไปสู่ยุคมืดของเทพเจ้า
และยุคมืดของเหล่าเทพเจ้าก็คือเย่เหมิงกับธอร์ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งสายฟ้า แล้วทั้งคู่ก็ตายลงพร้อมกัน
ความแข็งแกร่งของนีเดอร์ฮอกอยู่เหนือราชามังกร หลินเฟิงกำลังเข้าไปใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ