ภาคแยก | บทที่ 13 ข้าจะไม่ทอดทิ้งท่าน

Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี

และแล้วก็มาถึงวันงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของจักรพรรดิ รอธซีสวมสูทหางยาวสีกรมท่า สีที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ และขึ้นรถม้าคันเดียวกันกับสามีภรรยาเบรดิงตัน ระหว่างทางไปยังพระราชวังซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน เคาน์เตสเบรดิงตันเอ่ยถาม

“วันนี้ก็นัดกับเลดี้เปโตรนิยาไว้หรือ”

“คนเยอะขนาดนั้น ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะได้เจอกันหรือไม่ ได้แต่หวังว่าจะได้เจอครับ”

พูดจบ รอธซีก็ยิ้มกริ่มคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ เคานต์เบรดิงตันเห็นดังนั้นก็เอ่ยถาม

“ยิ้มอะไรดูชอบกลนัก”

“กำลังดีใจน่ะครับ”

“หยุดไม่อยู่แล้วกระมัง แล้วเรื่องของขวัญคิดออกแล้วหรือ”

“ของขวัญ? ของขวัญอะไร”

เคาน์เตสเบรดิงตันไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดเรื่องอะไรกันจึงเอ่ยถาม เคานต์เบรดิงตันได้ยินดังนั้นก็หัวเราะชอบใจแล้วอธิบายให้ภรรยาฟังอย่างอ่อนโยน

“ที่รัก โรของเรากำลังกลุ้มใจว่าจะมอบสิ่งใดให้เลดี้เปโตรนิยาเป็นของขวัญที่ระลึกในการคบกันดีน่ะ”

“อุ๊ย จริงหรือคะ เหตุใดเขาถึงได้เหมือนท่านขนาดนี้ สายเลือดหลอกกันไม่ได้จริงๆ”

สีหน้าของเคาน์เตสเบรดิงตันคล้ายกำลังหวนนึกถึงอดีต นางเผยยิ้มบางๆ

“ท่านก็แสนจะอบอุ่นมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะคะ โชคดีจริงๆ ที่โรเหมือนท่าน”

“ที่รัก ไยจึงพูดอะไรน่าเศร้าเช่นนั้นเล่า ที่เขาเป็นเด็กดีเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะเขาเหมือนเจ้านั่นแหละ”

“อุ๊ย ท่านนี่ล่ะก็”

วันนี้บิดามารดาของเขาก็ยังคงพลอดรักกันหวานชื่นเช่นเคย รอธซีมองพวกเขาด้วยความสุขใจแล้วตอบคำถามเมื่อครู่

“ข้าก็เหมือนทั้งสองท่านนั่นแหละครับ แต่ไม่รู้ว่าเลดี้จะชอบหรือไม่”

ได้ยินบุตรชายตอบด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ เคานต์เบรดิงตันก็กล่าวให้กำลังใจอย่างอ่อนโยน

“อย่ากังวลไปเลย โร ขอเพียงเจ้ามีความจริงใจ ทุกอย่างย่อมต้องผ่านไปได้ด้วยดี”

***

สิ่งแรกที่รอธซีทำเมื่อมาถึงงานเลี้ยงย่อมเป็นการมองหาเปโตรนิยา แต่การจะมองหาสุภาพสตรีผมแดงคนหนึ่งในสถานที่จัดงานที่มีคนพลุกพล่านเช่นนี้มิใช่เรื่องง่าย เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ รอธซีก็เริ่มไม่สบายใจ หญิงสาวบอกว่าหายป่วยแล้วและจะมาพบเขาที่งานนี้ แต่เหตุใดเขาจึงไม่เห็นนางเลย หรือนางจะยังไม่หายดี?

ผลของการเพียรพยายามมองหาด้วยพลังแห่งรัก ไม่นานเขาก็พบเปโตรนิยากำลังคุยกับเลดี้คนหนึ่งอยู่ รอธซียิ้มกว้างให้กับความสำเร็จและรอนางสนทนาให้จบ จนกระทั่งเปโตรนิยาอยู่คนเดียว เขาจึงเดินค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาอย่างเนิบช้า

“เปโตรนิ…”

ทว่า เสียงของรอธซีก็หยุดลงเพียงเท่านั้น จู่ๆ เปโตรนิยาก็รีบร้อนรีบวิ่งออกไป เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ? รอธซีมองตามทิศทางที่เปโตรนิยาวิ่งหายไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นางดูรีบร้อนผิดปกติ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ใจเขาอยากจะพุ่งตัวไปถามนางเสียเดี๋ยวนี้แต่เขาก็ห้ามใจตัวเองไว้ก่อน เพราะเขายังมีเวลาอีกมาก

กว่ารอธซีจะพบเปโตรนิยาก็เป็นหลังจากที่พิธีมอบดอกไม้เสร็จสิ้นลงได้ครู่ใหญ่ หญิงสาวยืนพิงผนังพลางจิบค็อกเทลอยู่เพียงลำพัง ซึ่งนั่นเป็นหลังจากที่เรื่องวุ่นๆ ในพิธีมอบดอกไม้จบลงแล้ว

ท่าทางรีบร้อนของนางก่อนหน้านี้เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่านะ? แล้วนางมีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องเมื่อครู่หรือไม่? รอธซีระงับความสงสัยที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในและค่อยๆ สาวเท้าไปทางเปโตรนิยา

“เปโตรนิยา”

ครั้นได้ยินเสียงเรียกของเขา นางจึงหันมา โชคดีที่สีหน้าของนางมิได้เศร้าหมองเท่าไรนัก ทว่าก็ดูกังวลอย่างประหลาด เขาพยายามเก็บซ่อนความกังวลที่อยู่ภายในอย่างสุดความสามารถพลางเผยยิ้มและเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

“รอธซี”

“หาตั้งนานแน่ะครับ”

“ขอโทษค่ะ พอดีเรื่องด่วน”

“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นนะครับ เกี่ยวกับพระจักรพรรดินีหรือครับ”

เปโตรนิยาพยักหน้าเงียบๆ รอธซีจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาเห็นแล้วว่าในพิธีมอบดอกไม้เมื่อครู่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น

“ข้ามิได้จะตำหนิ เพียงแต่เป็นห่วงเท่านั้นครับ” รอธซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

“ข้ารู้ค่ะ โร”

…โร?

สีหน้าของรอธซีฉายแววงุนงง เขามองเปโตรนิยาและเห็นนางดูเขินอายเล็กน้อยขณะเอ่ยถาม

“เรียกว่าโรได้ไหมคะ”

แน่นอนสิ

นี่เป็นเรื่องที่เขาปรารถนาอย่างที่สุด การที่เปโตรนิยาเรียกเขาด้วยชื่อเล่นนั่นหมายความว่านางเปิดใจให้เขาอย่างสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้เขามีความสำคัญกับนางมากขึ้นแล้ว รอธซีรู้ เขายิ้มออกมาอย่างตื่นเต้นและตอบด้วยความยินดี

“ได้สิครับ นีย่า ข้ายินดียิ่ง”

ในที่สุดเขาก็สามารถเรียกนางด้วยชื่อเล่นได้แล้ว รอธซีเอ่ยถามด้วยสีหน้าตื้นตัน

“ข้าอยากเต้นรำกับเลดี้ครับ”

“เอ่อ…จะว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะ”

“ครับ ครั้งแรก แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ต่อไปเรายังมีเวลาอีกมาก”

หากท่านยินดี นีย่า ข้าอยากจะใช้เวลาร่วมกับท่านไปอีกนานแสนนาน

ตราบใดที่ท่านยังไม่เบื่อข้า ข้าก็ปรารถนาที่จะอยู่เคียงข้างท่าน อยู่กับท่านตราบนานเท่านาน และกลายเป็นความทรงจำอันมีค่าที่มิอาจลืมเลือนของกันและกัน

“ใช่ค่ะ เรายังมีเวลาอีกมาก”

ข้าจะเป็นคนคนนั้นในชีวิตท่านได้หรือไม่

“เช่นนั้น ไปกันเลยไหมครับ”

“ได้ค่ะ”

นางยิ้มและจับมือของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา ทันทีที่มือของรอธซีสัมผัสกับมือของเปโตรนิยาเขาก็รู้สึกใจเต้นราวกับเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มสนใจเพศตรงข้าม ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ และดึงร่างบางเข้ามาชิดอย่างนุ่มนวล

ทันใดนั้นดนตรีจังหวะวอลซ์ก็เริ่มบรรเลง รอธซีโอบเอวเปโตรนิยาอย่างเป็นธรรมชาติ เอวของนางบางมาก มากเสียจนเขาอยากจะดุนางว่าเหตุใดจึงผอมบางถึงเพียงนี้

“ผอมมากไปแล้วครับ” เขากระซิบข้างหูหญิงสาวอย่างเป็นทุกข์

“ผอมไปหรือคะ”

รัดคอร์เซ็ต*[1]*แน่นไปหรือเปล่านะ หญิงสาวบ่นพึมพำ รอธซีได้ยินดังนั้นก็คิดในใจ ไม่รอดคอร์เซ็ตน่าจะดีกว่า ต่อให้ไม่มีของแบบนั้นท่านก็สวยและมีเสน่ห์มากพออยู่แล้ว

“รัดคอร์เซ็ตแน่นเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ” เขากระซิบแผ่วเบา

“แต่ใครๆ เขาก็ทำกันนะคะ”

“นีย่า ท่านเป็นคนพิเศษ” เขาให้นางหมุนไปด้านข้างแล้วพูดต่อให้จบ “ต่อให้ไม่สวมสิ่งนั้น ท่านก็งดงามยิ่งกว่าใครในสายตาข้า”

ใบหน้าของหญิงสาวพลันขึ้นสีระเรื่อในขณะที่รอธซีเพียงแต่เผยยิ้ม เขามั่นใจว่าสิ่งที่พูดออกไปเป็นความจริงทุกประการ ไม่มีคำโกหกปนอยู่แม้แต่น้อย

“ความสะดวกสบายของท่านคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับข้าครับ” เขาพูดเสริม

“แต่งงานไปท่านต้องเป็นสามีที่อบอุ่นมากแน่ๆ ค่ะ”

“ท่านกำลังขอข้าแต่งงานหรือครับ”

“ไม่ใช่แบบนั้นเสียหน่อย”

“โล่งอกไปทีครับ”

รอธซีรั้งร่างบางเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น วินาทีนั้นราวกับปลายจมูกของทั้งคู่จะสัมผัสกัน ระยะห่างที่ได้ยินเสียงลมหายใจของหญิงสาวอย่างชัดเจนทำให้รอธซีเผลอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ฝ่ายหญิงเองก็หายใจแรงขึ้นคล้ายจะประหม่า รอธซีรู้สึกว่าสถานการณ์นี้อันตรายมากจึงก้าวถอยหลัง

‘อันตราย’

อย่างไรนี่ก็เป็นที่สาธารณะ รอธซีห้ามใจตัวเองและรีบเปลี่ยนเรื่อง เขามีเรื่องจะบอกเปโตรนิยา

“นีย่า”

“คะ?”

“ข้ามีของจะให้ครับ”

“ของหรือคะ?”

หญิงสาวมีสีหน้าใสซื่อราวกับเด็กน้อย ท่าทีนั้นแสนจะน่ารักน่าเอ็นดูจนรอธซีต้องกลืนน้ำลายอีกครั้ง หมู่นี้ช่างแปลกนัก เขาคิดในใจขณะที่เผยยิ้มน้อยๆ พลางตอบ

“ครับ ข้ามีของจะให้”

“คาดหวังได้ไหมคะ”

“ไม่แน่ใจครับ ตัวข้าคิดว่ามันมีความหมายลึกซึ้ง…แต่หากทำให้ท่านผิดหวังจะทำอย่างไรดีเล่า”

“ไม่หรอกค่ะ”

พูดจบ เปโตรนิยาก็หัวเราะเสียงใส รอธซีคิดว่ารอยยิ้มนั้นดูราวกับรอยยิ้มของนางฟ้า ใบหน้าของนางมีทั้งความบริสุทธิ์และความร้ายกาจ มีทั้งแสงสว่างและความมืด เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์หาใดเปรียบ และเสน่ห์นั้นก็รุนแรงเกินไปสำหรับเขา

“ขอบคุณครับ” รอธซีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่านางจะถูกใจ ชายหนุ่มกังวลอยู่ในใจเงียบๆ

หลังจากเต้นต่อไปอีกสองเพลง รอธซีก็พาเปโตรนิยาไปยังสวนดอกไม้ที่ไร้ผู้คน สีหน้าของเปโตรนิยามีทั้งความประหม่าและความตื่นเต้นดีใจ ซึ่งสีหน้านั้นทำให้รอธซีกระสับกระส่าย

‘ถ้านางไม่ชอบของขวัญที่เราเตรียมมาให้จะทำอย่างไรดี’

นางเป็นผู้หญิงจิตใจดี ต่อให้นางไม่ชอบ นางก็จะพยายามยิ้มอย่างงดงามที่สุดและกล่าวว่า ‘ขอบคุณจริงๆ ค่ะ โร’ รอธซีได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น เขาพาหญิงสาวไปนั่งที่ม้านั่งในสวนมืดๆ เปโตรนิยาหัวเราะออกมาเบาๆ และเอ่ยถาม

“ทำแบบนี้ข้ายิ่งคาดหวังนะคะ”

“ในขณะที่ข้ากังวลใจยิ่งเพราะไม่รู้ว่าท่านจะชอบหรือไม่”

“ท่านเป็นผู้ชายที่วิเศษ ของขวัญของท่านก็ต้องวิเศษมากแน่ๆ ค่ะ”

รอธซีได้ยินดังนั้นก็หลุดยิ้มออกมา เขาสบตากับเปโตรนิยาพลางกระซิบ

“หลับตาลงสักครู่ได้ไหมครับ”

“ได้ค่ะ”

เปโตรนิยาหัวเราะเสียงใสก่อนจะหลับตาแน่น ภาพนั้นช่างน่ารักเสียจนรอธซีเหม่อมองอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ทำสีหน้า ‘เอาล่ะ’ แล้วไปหยิบของขวัญที่เตรียมไว้ ครู่หนึ่งหลังจากนั้นเปโตรนิยาก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ข้าลืมตาได้หรือยังคะ โร”

“อืม ก่อนหน้านั้น…” รอธซีเอ่ยถามเสียงหวาน “ตอนนี้รู้สึกถึงอะไรบ้างครับ”

“อืม…กลิ่นหอมๆ…ดอกไม้หรือคะ”

“ทีนี้ลืมตาได้แล้วครับ”

หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น ครั้นเห็นของขวัญที่อยู่ตรงหน้าก็เผยยิ้มกว้างพลางถาม

“ดอกไม้หรือคะ”

“ชอบไหมครับ”

“ข้าชอบดอกไม้ค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ”

เปโตรนิยาชอบมากจริงๆ จึงถาม “อา สวยจัง ว่าแต่นี่ดอกอะไรหรือคะ ไม่เคยเห็นเลย”

“ดอกไม้นี้ไม่มีในมาวินอสครับ”

“โห จริงหรือคะ เช่นนั้นคงหายากมากทีเดียว”

“ดอกไม้นี้เรียกว่าดอกผีเสื้อราตรีครับ”

รอธซีนั่งคุกเข่าอยู่ข้างขาของเปโตรนิยาและเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว

“รู้ไหมครับว่าภาษาดอกไม้ของมันคืออะไร” เขาถาม

“ไม่รู้…สิคะ”

“ข้าจะไม่ทอดทิ้งท่าน”

“…”

“นิล ข้า…” รอธซีรู้สึกเหมือนลำคอแห้งผาก เขากลืนน้ำลายและพูดต่อ “ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องเจ็บปวดอย่างเด็ดขาด”

“…โร”

“ข้าขอสาบานครับ นิล ข้า…”

“โรคะ”

เปโตรนิยาเอ่ยขัดเสียงค่อย ทว่าริมฝีปากของนางกลับปรากฏรอยยิ้ม รอธซีมองหญิงสาวด้วยดวงตาที่คล้ายจะแดงขึ้นเล็กน้อย

เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความสัมพันธ์ในครั้งนี้จะไม่สร้างบาดแผลให้กับนาง เขาปรารถนาให้นางพบแต่ความสุขในระหว่างที่อยู่กับเขา อย่างน้อยๆ ก็หวังว่าตนจะไม่ทำให้นางต้องเจ็บปวด นั่นคือทั้งหมดที่รอธซีต้องการในตอนนี้ เขาพูดต่อให้จบด้วยสีหน้าที่คล้ายจะร่ำไห้ออกมา

“ข้ารักท่าน นิล”

“…”

“ข้าจะไม่ทำให้คนที่ข้ารักต้องเจ็บปวดเด็ดขาด ข้าสาบาน”

“ค่ะ โร ข้าเชื่อ…” เปโตรนิยาตอบเสียงสั่น “ข้าจะไม่เชื่อท่านได้อย่างไร”

“ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยสบายใจ นั่นทำให้ข้ากลัว ข้าหวังว่าท่านจะไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆ เมื่ออยู่กับข้า”

“ท่านไม่รู้หรือคะ โร? ตอนนี้ท่านก็เป็นผู้ชายที่วิเศษเกินไปสำหรับข้าแล้ว”

“ใครบอกกันเล่า” เขาเผยยิ้มพลางเอ่ยกระซิบ “ท่านไม่รู้หรอกว่าข้ารู้สึกโชคดีแค่ไหนที่ได้พบกับท่านและได้รักท่าน”

“ใครสอนให้ท่านพูดแต่คำหวานซึ้งเช่นนี้คะ”

หญิงสาวค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้และประทับจูบลงบนหน้าผากของเขา ครั้นนางผละออกไป รอธซีก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปจุมพิตใต้ริมฝีปากของนาง

จุมพิตนั้นค่อยๆ ขยับสูงขึ้นจนกระทั่งเขาได้ครอบครองริมฝีปากบางสีแดงสดของเปโตรนิยาทั้งหมด รอธซีก็รู้สึกราวกับเขาได้ครอบครองโลกทั้งใบ เขาจูบนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า…จูบแล้วจูบเล่า

รอธซีอยากจะหยุดเวลานี้ไว้ชั่วนิรันดร์ อยากให้วินาทีนี้มีเพียงพวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันและใช้เวลาร่วมกัน

ชายหนุ่มสารภาพรักด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ข้ารักท่านมากจริงๆ นิล”

พระเจ้ารับฟังคำอธิษฐานของเขา ในค่ำคืนอันมืดมิดไร้ผู้คน ทั้งสองจุมพิตกันเนิ่นนานราวกับว่าในจักรวาลนี้มีเพียงพวกเขาสองคน


[1] คอร์เซ็ต (Corset) ชุดชั้นในของสตรีที่สวมเพื่อให้สะโพกและหน้าอกเข้าทรง