ดีจัง นี่มันดีจริงๆ
เปปเปอร์ไม่ได้ตอบตกลงที่จะร่วมมือกับองอาจ!
มีแค่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ว่าเมื่อครู่นี้เธอกลัวเปปเปอร์ตอบตกลงมากแค่ไหน
อย่างไรแล้วท่าเรือสนธิสัญญาสองแห่งในเมืองปักษา คนปกติทั่วไปมันยากที่จะปฏิเสธอย่างมาก
ดีที่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง
“ดีๆๆ ประธานเปปเปอร์สูงส่งจริง” องอาจหัวเราะด้วยความโกรธ ปรบมือขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด “แต่ประธานเปปเปอร์ คุณไม่กลัวฉันจับคุณด้วยเหรอ? ยังไงตอนนี้เราเจรจากันพังหมดแล้ว ฉันไม่ยอมปล่อยเธอ คุณก็จะไม่ปล่อยฉัน งั้นฉันก็ฆ่าพวกนายสามคนพร้อมกันจะได้ไม่ลำบากในอนาคตดีไหม?”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้ามายมิ้นท์ก็ซีดเซียวทันที จากนั้นก็ส่ายหน้าไปทางเปปเปอร์อีกครั้ง “อื้อๆๆ!”
อย่านะ คุณรีบหนีไป!
นี่คือสิ่งที่เธออยากพูดกับเขา
ถึงแม้เธออยากให้เปปเปอร์ช่วยเธอออกไป แต่เธอจำได้ เมื่อครู่นี้องอาจบอกว่าเปปเปอร์มีแค่คนเดียว และคนคนเดียวไม่มีทางช่วยเธอออกไปได้เลย
ดังนั้นตอนนี้ เธอไม่อยากให้เขาช่วยเธอ แต่อยากให้เขารีบหนีไป
ถึงแม้เธอไม่รู้สึกอะไรกับเปปเปอร์ แต่ก็ไม่อยากให้เปปเปอร์ต้องตายเพราะเธอ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ถึงแม้เธอจะตายไป ในใจก็ยังคงรู้สึกผิด ยังไงแล้วเปปเปอร์ก็มาเพื่อช่วยเธอ
เปปเปอร์เห็นมายมิ้นท์ทำท่าหวั่นไหว พอจะรู้ว่าเธออยากสื่อถึงอะไร ดวงตาก็อ่อนโยนลง วินาทีต่อมาก็กลับไปเย็นชาไร้อารมณ์อีกครั้ง จ้องมององอาจ “แกไม่กล้าฆ่าฉันหรอก!”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “แกไม่ใช่แค่ไม่กล้าฆ่าฉันนะ แกไม่กล้าจับฉันด้วยซ้ำ”
พอพูดคำนี้ออกมา สีหน้าองอาจก็เปลี่ยนไป
มายมิ้นท์ได้ยินคำพูดนี้ จู่ๆ ก็ใจเย็นลง
หมายความว่าอย่างไร?
ทำไมเปปเปอร์บอกว่าองอาจไม่กล้าจับเขา ยิ่งไม่กล้าฆ่าเขา?
ความสงสัยนี้เพิ่งก่อตัวขึ้นมา ก็ถูกองอาจเอ่ยปากถาม
กำปั้นองอาจสั่นระริก มุมปากยกขึ้น เปล่งเสียงมืดมนเย็นชาออกมา “ประธานเปปเปอร์ทำไมคิดว่าฉันไม่กล้า?”
“เพราะฉันรู้จักคนแบบแกดียังไงล่ะ” ริมฝีปากบางเปปเปอร์ค่อยๆ ตอบกลับ “เพราะเกิดมาเป็นลูกนอกสมรส แกอยากเหนือกว่าคนอื่นๆ วิธีการของแกก็เลยโหด ต่อสู้เพื่อทางออกจากกลุ่มลูกนอกสมรส แต่ในเวลาเดียวกันแกก็ขี้ขลาดและกลัวตาย”
ได้ยินคำว่า ‘กลัวตาย’ สองคำนี้ ลูกตาองอาจก็หดตัว
ราวกับเปปเปอร์ไม่ได้สังเกต ยังพูดต่อไปอีกว่า “เพราะตายไปแล้ว แกก็ไม่มีอะไรทั้งนั้น ในใจแกรู้ดี ถ้าแกกล้าจับฉันหรือกล้าฆ่าฉัน ตระกูลนวบดินทร์จะไม่ปล่อยแกไป จะทำทุกวิถีทางเพื่อฆ่าแก และแกก็ไม่สามารถต้านทานได้ ไม่งั้นแกคงให้คนมาจับตัวฉันตั้งแต่ฉันโผล่หน้ามาเมื่อกี้แล้ว”
“……” องอาจไม่พูดอะไร สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นคาดการณ์ไม่ได้ จ้องมองเปปเปอร์เขม็ง
มายมิ้นท์เข้าใจเรื่องพวกนี้ เปปเปอร์พูดถูกแล้ว
มิน่าเมื่อครู่นี้เธอก็กำลังสงสัย ตอนที่เปปเปอร์ปรากฏตัว ทำไมองอาจไม่จับตัวเปปเปอร์ไว้ และสงสัยว่าทำไมเปปเปอร์ใจกล้าขนาดนี้ กล้าออกมาตัวคนเดียว
ที่แท้ก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง
“งั้นตอนนี้คืนมายมิ้นท์ให้ฉันได้หรือยัง?” เปปเปอร์ยกเท้าเดินไปข้างหน้า “ฉันยังคงคำนั้น คืนเธอมาให้ฉัน แล้วพวกแกก็ไปซะ ฉันปล่อยพวกแกไปชั่วคราวได้ พวกแกอยากฆ่าใครก็รีบไปฆ่า ฉันจะไม่ห้าม การแก้แค้นของฉันในภายหลังจะไม่แรงเกินไป อย่างน้อยก็ไม่เอาชีวิตพวกแก”
“อย่าเข้ามา!” เห็นเปปเปอร์เดินมาใกล้ตน องอาจก็ตะคอกเสียงดังทันที
เปปเปอร์หยุดฝีเท้า จากนั้นก็ทำเหมือนเดิม เดินไปข้างหน้าต่อ
เห็นเขาไม่ฟัง องอาจกัดฟันด้วยความแค้น ใบหน้าหล่อมีเสน่ห์ ตอนนี้บิดเบี้ยวเหมือนปีศาจ
ลูกน้องเขาเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “คุณชายสี่ ทำยังไงดีครับ คืนเธอให้เขาไหม?”
“ไม่ได้หรอก เราจับมันไว้ แค่ระวังไม่ทำร้ายมัน รอเครื่องบินเรามาถึง ค่อยปล่อยมันไปดีไหม?”
ดวงตาองอาจเป็นประกายเล็กน้อย กำหมัดอีกครั้ง สีหน้าค่อนข้างลังเล ราวกับกำลังไตร่ตรองคำพูดของลูกน้อง
แต่ในตอนนี้ เสียงราเม็งก็ดังขึ้นกะทันหัน มีความอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความอาฆาตไม่มีสิ้นสุด “องอาจ แกทำให้ฉันตามหาง่ายจริงๆ เลยนะ”
สีหน้าเปปเปอร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย หันศีรษะไปมองราเม็งทันที ในใจก็แอบด่า: ไอ้โง่!
มาตอนไหนไม่มา ดันมาเวลานี้
เมื่อครู่นี้เขามองออก องอาจเกือบจะถูกโน้มน้าวด้วยคำพูดของเขา ตั้งใจจะปล่อยเธอแล้ว
แต่ตอนนี้ราเม็งปรากฏตัวขึ้น แถมมีลูกน้องจำนวนมาก องอาจรู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้นแล้ว ถ้างั้นก็จะสู้เหมือนหมาจนตรอก ใช้ชีวิตมายมิ้นท์มาข่มขู่พวกเขา
อย่างที่คิดไว้ เดิมทีแล้วองอาจตัดสินใจจะคืนมายมิ้นท์ให้เปปเปอร์ ออกไปจากที่นี่ชั่วคราว ยังไงแล้วเปปเปอร์ก็ตัวคนเดียว หยุดพวกเขาที่มีคนเยอะขนาดนี้ไม่ไหว เขาสามารถใช้วิธีอื่นจัดการธิติได้
หลังจากกำจัดธิติ เปปเปอร์ต้องการล้างแค้นเขา ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ ถึงจะพิการก็ตาม เขาก็ยังกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง ไม่แน่ในอนาคตอาจจะเหนือกว่าเปปเปอร์ และฆ่าเปปเปอร์ได้ด้วย
แต่ตอนนี้ราเม็งตามมาแล้ว แถมยังพาคนมาเยอะขนาดนี้ เยอะกว่าคนของเขาสองเท่า ตอนนี้เฮลิคอปเตอร์ก็ยังไม่มา ถึงเขาจะปล่อยมายมิ้นท์ไป ราเม็งก็ไม่ปล่อยเขาไป ถ้าอย่างนั้นเขาจะปล่อยมายมิ้นท์เพื่ออะไร?
ขณะที่คิด จู่ๆ องอาจก็ก้าวไปด้านข้างหนึ่งก้าว จากนั้นก็ดึงมายมิ้นท์ออกมาจากมือชายร่างใหญ่สองคน หลังจากเอาเสื้อโค้ตบนตัวมายมิ้นท์ออก ก็บีบคอมายมิ้นท์อย่างแรง พร้อมพามายมิ้นท์ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังไม่ไกล มันเป็นเนินลาดชันที่อันตราย
ความสูงของเนินลาดชันประมาณหลายสิบเมตร และจุดสิ้นสุดของเนินลาดชั้น คือหน้าผาที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง
เนื่องจากการเคลื่อนไหวขององอาจกะทันหันเกินไป ทุกคนตรงนั้นก็ตกตะลึงสักพักก่อนจะตอบสนองกลับ
เห็นองอาจบีบคอมายมิ้นท์ยืนตรงริมเนินลาดชัน สีหน้าเปปเปอร์ก็ตึงเครียด “องอาจ ปล่อยเธอ!”
ในใจเขาโกรธราเม็งแทบตายแล้ว
ถ้าราเม็งมาช้ากว่านี้หนึ่งก้าว รอให้องอาจปล่อยเธอก่อนพวกเขาค่อยปรากฏตัว สถานการณ์ในตอนนี้จะไม่กลายเป็นแบบนี้
ราเม็งไม่รู้ว่าเปปเปอร์กำลังคิดอะไร แต่สำหรับการกระทำขององอาจ เขาเดาออกว่ามันเกิดจากการที่เขาปรากฏตัวขึ้น สีหน้าแย่สุดๆ “ได้ยินไหมองอาจ ปล่อยพี่ฉันซะ”
“ปล่อยเธอ?” องอาจเอียงศีรษะจ้องมองหน้ามายมิ้นท์ แล้วยิ้มน่าขนลุก “ปล่อยเธอไป แล้วให้พวกแกจับฉันเหรอ? ฉันจะบอกพวกแกให้ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก ถ้าวันนี้ไม่โชคร้ายรถติด แกคิดว่าตอนนี้ฉันจะโดนพวกแกบีบบังคับจนตรอกแบบนี้ไหม?”
“งั้นแกจะให้ทำยังไง?” เปปเปอร์กำมือจนข้อต่อขึ้นสีขาว
“สิ่งที่ฉันต้องการง่ายมาก ฉันอยากให้มันตาย!” สายตาองอาจจ้องไปที่ราเม็ง “ประธานเปปเปอร์เมื่อกี้นายบอกแล้ว นายไม่สนว่าฉันจะฆ่าธิติ งั้นตราบใดที่ธิติตาย ฉันกับแกทั้งสองฝ่าย ก็จะได้กลับไปสู่สถานการณ์ก่อนหน้าธิติมันปรากฏตัว ฉันปล่อยอดีตภรรยานายไป นายปล่อยฉันออกไป การแก้แค้นในอนาคตของนาย ฉันจะรับมันไว้ทั้งหมด”
อย่างไรแล้ว ตราบใดที่ไม่ตายก็โอเค
ตราบใดที่ไม่ตาย เขายังมีโอกาสพลิกสถานการณ์ ตราบใดที่เป็นผู้นำตระกูลอัคคเดชโภคินได้ กลายเป็นเหนือผู้อื่นได้ ตบหน้าคนพวกนั้นที่บอกว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสที่น่าละอาย ถึงเขาจะเป็นคนพิการก็ยินยอม
“งั้นแกอยากให้ฉันฆ่ามันเหรอ?” เปปเปอร์หรี่ตา สายตากวาดมองราเม็ง
ราเม็งไม่พูดอะไร ราวกับเป็นคนที่ถูกคนอื่นตัดสินความเป็นความตาย ไม่เหมือนตัวเขาเลย เขาผลุบเปลือกตาลง ทำให้มองไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธ
“ถูกต้อง” องอาจพยักหน้า
เขาหมายความเช่นนี้แหละ
เปปเปอร์มองราเม็งด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ได้ยินไหม? มันอยากให้ฉันฆ่านาย”
ราเม็งเงยหน้าสบตาเขา “นายอยากฆ่าไหม?”