บทที่ 561: ความรู้สึกผูกพัน

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 561: ความรู้สึกผูกพัน

 

“เราจะต้องจากไปจริงๆ” ซูหยินมองไปยังไป่ลี่ฮัวด้วยท่าทางลังเล หลังจากที่ได้รับคําบอกว่าถึงเวลาสําหรับพวกเธอที่จะต้องกลับไปยังสํานักหงส์สวรรค์แล้ว

 

“ พวกเราได้อยู่ที่นิกายกุสุมาลย์พันพิสัยมาเป็นเวลานานกว่าที่พวกเราได้คาดไว้” ไป่ลี่ฮัวกล่าวกับเธอ “แม้ว่าเจ้าอาจจะมิได้สนใจ แต่ก็เป็นเรื่องน่าอายสําหรับเจ้าสํานักที่ไปอยู่ที่สํานักอื่นเป็นเวลานาน”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นการประชุมที่จัดขึ้นโดยนักปรุงยาลึกลับซึ่งได้ค้นพบโอสถสู่ปฐพีนั้นก็จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ และข้าก็มิสามารถที่ยอมพลาดโอกาสอันยิ่งใหญ่นี้ได้”

 

“เจ้าควรที่จะฟังคําของเจ้าสํานักและกลับไปยังสํานักหงส์สวรรค์” ซูหยางพลันกล่าวกับเธอ และกล่าวต่อไปอีกว่า “ข้าก็จักยุ่งมากในช่วงเวลาต่อไปนี้ ดังนั้นข้าก็จักมิมีเวลาที่จะมาเล่นกับเจ้าอีกต่อไป”

 

หลังจากที่ได้ยินคําพูดของเขา ซูหยินก็พยักหน้าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ข้าต้องการที่จะอยู่กับท่านให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ข้าคิดว่านั่นคงต้องรอไปจนถึงโอกาสหน้า”

 

“เจ้าจะยังคงไปเข้าร่วมในการรวมตัวนักปรุงยาหรือไม่” ไป่ลี่ฮัวพลันถามเขาด้วยความสนใจ

 

“อะไรทํานองนั้น” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้า

 

“เจ้าสนใจในตัวนักปรุงยาที่อยู่เบื้องหลังโอสถสู่ปฐพีหรือไม่ หรือว่าเจ้าเพียงแค่สนใจในตัวยา” เธอถามเขา

 

“แล้วเจ้าล่ะ นักปรุงยาลึกลับนั่นสร้างความสนใจให้เจ้าไหม”

 

ไป่ลี่ฮัวยิ้มและกล่าวว่า “แน่นอน ข้าต้องสนใจในตัวนักปรุงยาคนนี้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาโดยไม่มีวี่แววและสามารถนํายุทธภพไปสู่ยุคใหม่ด้วยเพียงเม็ดยาเพียงเม็ดเดียว เจ้าอิจฉาบ้างไหม”

 

“บางทีก็อาจจะมีบ้างเล็กน้อย” ซูหยางหัวเราะเบาๆ

 

“เดี๋ยวก่อน..” ไป่ลี่ฮัวพลันขมวดคิ้ว “ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปเพราะว่าการแข่งขันระดับภูมิภาค แต่เจ้าได้อ้างว่ารู้จักตัวตนที่แท้จริงของนักปรุงยาลึกลับนี้มิใช่รึ และเจ้าก็ยังได้สัญญากับข้าว่าเจ้าจักยอมให้ข้าได้พบกับเขาถ้าสํานักหงส์สวรรค์เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”

 

“ข้าพูดอะไรทํานองนั้นด้วยรี” ซูหยางพลันทําที่เป็นเหมือนกับว่าไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย

 

“เจ้า เจ้าคนไร้ยางอายโกหกหน้าด้านๆ ข้าพนันได้เลยว่าที่เจ้าพูดว่าจะแก้ไขค่ายกลของสํานักหงส์สวรรค์นั้นก็มิได้เป็นอะไรไปมากกว่าคําโกหก” ไป่ลี่ฮัวมองดูเขาด้วยท่าทางโกรธเล็กน้อย

 

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “ใจเย็น ข้ามบิดพริ้วในเรื่องคําสัญญาหรอก ส่วนสําหรับการพบปะกับนักปรุงยาที่อยู่เบื้องหลังโอสถสู่ปฐพี่นั้น ข้าจักแนะนําเจ้าให้เขายังสถานที่รวมตัวให้เอง”

 

“จ-จริง” ท่าทางของไป่ลี่ฮัวเปลี่ยนไปเป็นร่าเริงขึ้นมาทันที ทั้งยังรู้สึกอยากจะกอดซูหยางแน่นๆจากความรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก

 

เขาพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม ข้าจักเพียงแนะนําเจ้าให้แก่เขา ส่วนเรื่องหลังจากนั้นก็จักขึ้นกับความพยายามของเจ้าเอง”

 

“อย่ากังวล ข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตนเอง” เธอกล่าว

 

“เช่นนั้นข้าก็จักพบกับเจ้ายังสถานที่รวมตัวกันในสัปดาห์หน้า” ซูหยางกล่าวกับเธอ

 

เวลาหลังจากนั้น ไป่ลี่ฮั่วและซูหยินก็จากนิกายกุสุมาลย์พันพิสัยและเริ่มออกเดินทางกลับไปยังสํานักของตนเอง

 

หลังจากที่พวกเขาจากไปแล้ว ซูหยางก็เริ่มตระเตรียมสิ่งสําหรับงานรวมตัวในสัปดาห์หน้าเช่นกัน

 

ในเวลานั้นที่หอโอสถ ซูลชิงและศิษย์ของเธอก็กําลังยุ่งอยู่กับการศึกษาคัมภีร์ยาและสมุนไพรที่ซูหยางจัดหามาให้พวกเธอ ซึ่งมีสมุนไพรแยกเฉพาะออกมานับล้านและตํารับยาเขียนติดไว้ภายใน

 

“ว่าแต่ว่าซูหยางได้คัมภีร์ที่ลึกล้ำพวกนี้มาจากไหนกัน ข้ามิรู้จักสิ่งที่บันทึกไว้ในนี้ถึงกว่า 99%…” หนึ่งในเหล่าศิษย์มีสีหน้าหวาดหวั่นกับบรรดาม้วนคัมภีร์

 

“เมื่อรู้จักเขาแล้ว นั้นบางทีอาจจะดีกว่าถ้าพวกเรามิได้พยายามที่จะหาเงื่อนงํา” ศิษย์อีกคนพูด

 

และในเวลานั้น ร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาสู่หอโอสถ

 

“ศิษย์พี่หญิงซุน” เหล่าศิษย์ภายในนั้นต่างพากันทักทายซุนจิงจิง ซึ่งปรากฏตัวขึ้นมาโดยไม่คาดคิด

 

“ท่านกําลังมองหายาในวันนี้รึ ศิษย์พี่หญิง” หนึ่งในบรรดาศิษย์ถามเธอ

 

ซุนจิงจิงส่ายหน้าและกล่าวขึ้นว่า “ไม่ ข้ามาที่นี่วันนี้เพื่อพบกับผู้อาวุโสหลาน”

 

“อาจารย์รึ เธอในตอนนี้อยู่ในห้องชั้นบน”

 

“พวกเจ้าเห็นว่าข้าสามารถพูดกับเธอสักครู่ได้หรือไม่” ซุนจิงจิงถาม

 

“นั่นควรจะมิมีปัญหาในเมื่อพวกเราต่างมิได้มีอะไรทําในช่วงเวลานี้นอกจากศึกษา”

 

ซุนจิงจิงพยักหน้าและเริ่มออกเดินต่อไปยังชั้นบน

 

“ข้าสงสัยว่าอะไรที่ศิษย์พี่หญิงซุนต้องการจากอาจารย์ ในเมื่อเธอยากที่จะมาที่นี่” เหล่าศิษย์ต่างพากันครุ่นคิด

 

ในเวลาต่อมา ครั้นเมื่อเธอไปถึงห้องของซูลี่ชิงแล้ว ซุนจิงจิงก็เคาะประตูห้อง

 

“เข้ามาข้างใน” เสียงของซูลี่ชิงดังขึ้นจากภายในห้อง

 

สองสามอึดใจให้หลัง ซุนจิงจิงก็เข้าไปในห้อง

 

“เจ้าคือ…”

 

เมื่อซูลี่ชิงเห็นซุนจิงจิง เธอก็พลันรู้สึกถึงถึงความผูกพันเป็นอย่างมากระหว่างพวกเธอ ราวกับว่าพวกเธอได้รู้จักกับอีกฝ่ายมาเป็นเวลาเนิ่นนาน

 

เช่นเดียวกันกับซุนจิงจิง ทันทีที่เธอเลื่อนสายตาลงไปยังซูลี่ชิง เธอก็รู้สึกราวกับว่าเธอมองไปยังคนในครอบครัว และไม่มีความรู้สึกอึดอัดระหว่างพวกเธอเลยแม้ว่าแทบจะไม่รู้จักกับอีกฝ่ายมาก่อน

 

“น้องหญิงซุนจิงจิง ใช่ไหม อะไรที่นําเข้ามาที่นี่ในวันนี้” ซูลี่ชิงเป็นคนแรกที่ทําลายความเงียบด้วยการถามอีกฝ่าย

 

“มิได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษเลยจริงๆ อย่างไรก็ตามซูหยางได้บอกกับข้าให้มาพบกับท่าน เมื่อข้ามีเวลาว่าง” ซุนจิงจิงกล่าว

 

“ซูหยาง” ซูชิงเลิกคิ้ว ไม่แน่ใจว่าทําไมเขาต้องต้องการให้ซุนจิงจิงมาพูดกับเธอ

 

“เขามิได้บอกข้าว่าทําไมข้าควรจะมาพบท่าน แต่เขาได้กล่าวว่าข้าจักทราบได้เองเมื่อข้าได้พบกับท่าน…” ซุนจิงจิงจ้องมองไปที่อีกฝ่ายพร้อมกับหรี่ตา

 

สองสามอึดใจหลังจากที่เงียบไป ซุนจิงจิงก็กล่าวขึ้นว่า “ผู้อาวุโสหลาน…. หรือว่าบางทีท่านเองก็มีสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน”

 

ซุนจิงจิงพลันเลิกชายผ้าคลุมของเธอขึ้นแสดงให้ซูลี่ชิงเห็นตราประจําตระกูลของเธอ

 

“ต-ตรานี่” ซูลี่ชิงดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความแปลกใจหลังจากที่เห็นตราประจําตระกูลบนร่างของซุนจิงจิง ในเมื่อร่างของเธอเองก็มีตราที่เหมือนกันนี้เช่นเดียวกัน

 

เมื่อเห็นปฏิกิริยาของซูลี่ชิง ซุนจิงจิงก็พลันตระหนักขึ้นในทันใดนั้นถึงสถานการณ์ที่พวกเธอเป็นอยู่ และเธอก็พึมพัมด้วยเสียงสับสนว่า “ข้าเข้าใจแล้ว… นี้หมายความว่าผู้อาวุโสหลานเองก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลซูเช่นเดียวกัน… มิน่าประหลาดใจว่าทําไมเขาจึงต้องการให้พวกเราได้พบกัน…”